เนื่องในวันนี้เป็นวันสตรีสากล จขกท ในฐานะ ที่เป็นสตรีคนหนึ่ง มองการเมือง มองสิทธิสตรีมานาน
มองเห็นความเหลื่อมล้ำ ระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย มาทุกยุคทุกสมัย และคำกล่าวว่าผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลงยังถูกปลูกฝังในสังคมไทย
ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปตามโลกปัจจุบันที่หมุนเร็วมากขึ้น การศึกษาที่ขยายกว้างและพัฒนา ทำให้ผ้หญิงสมัยนี้เก่งขึ้นหลายด้าน
ทั้งเรื่องการเมือง การปกครอง หรือการทำงาน ผ้หญิงหลายคนทำได้ทัดเทียมผู้ชาย หรือดีกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ
หลายปีมานี่ การยอมรับบทบาทสตรี ที่มีต่อสังคมเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น การยอมรับในสิทธิความเสมอภาคของสตรีก็ขยายวงกว้างไปเรื่อย
ซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนาสตรีให้เท่าเทียม และสามารถแข่งขัน หรือออกความเห็นใดๆ ต่อสาธารณะชนได้ อย่างไม่ถูกดูถูก
และกดขี่ กันอีกต่อไป
ในความเห็นส่วนตัว จริงๆก็ไม่ได้มาอยากเรียกร้องว่าผู้ชาย ต้องยอมผ้หญิงทุกเรื่อง หรือต้องมาเดินตามผ้หญิงตลอดหรอกนะ
ขอแค่ผู้ชาย เข้าใจผ้หญิง เข้าใจในสิทธิ เสรี ที่ผู้หญิงต้องมี รับฟังปัญหา ของผู้หญิง ลดความรนแรงทั้งกำลังและการด่าทอต่อผู้หญิง
ยอมรับในความคิดเห็น ให้เกียรติ ให้ความสำคัญ และเชื่อในความสามารถ ของผู้หญิงบ้าง เท่านี้ ก็คงจะพอทำให้ผู้หญิงสมยนี้
สามารถเดินเคียงข้างผู้ชาย และนำพา ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ ให้ก้าวไปพร้อมๆกันได้แล้วค่ะ
และแน่นอน ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน จขกท ขอหยิบข้อความของคุณยิ่งลกษณ์ ที่เป็นผู้หญิง อีกคน ที่ จขกท ชื่นชมมาตลอด
ไม่ว่าจะในฐานะ แม่ของลูก ฐานะนักการเมือง หรือในฐานะผ้หญิงธรรมดาๆ ที่ต้องเดินเข้ามาในถนน การเมืองเพียงแค่ 49 วันก็ตาม
แต่หลายเรื่อง ก็พิสูจน์ได้ว่า เธอยังเข้มแข็ง และต่อสู้กับอุปสรรค ทุกอย่าง แม่จะท้อ แต่ก็ไม่เคยเห็นเธอถอย
เป็นกำลังใจให้คุณยิ่งลักษณ์ และผู้หญิงทุกคน ในวันสตรีสากลนี้ด้วยค่ะ
ขออนุญาต นำข้อเขียนในเฟส เธอมาแปะนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้วันสตรีสากล "เริ่มต้นด้วยการให้เกียรติ"
วันที่ 8 มีนาคม ของทุกปีเป็นวันสตรีสากลที่องค์การสหประชาชาติก่อตั้งขึ้น เพื่อรำลึกถึงสตรีจากทั่วทุกมุมโลกที่ต่อสู้เพื่อสิทธิของผู้หญิง จากเดิมเมื่อประมาณ 100 ปีที่แล้วในหลายประเทศ ผู้หญิงไม่มีแม้กระทั่งสิทธิเลือกตั้ง จนวันนี้แทบทุกประเทศทั่วโลกผู้หญิงมีสิทธิมีเสียงในการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อสะท้อนความต้องการของตัวเองได้
อย่างไรก็ตามความไม่เท่าเทียมทางเพศยังคงเป็นช่องว่างสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตครอบครัว เศรษฐกิจและสังคมอย่างกว้างขวาง จากที่ได้อ่านรายงานสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ก็พบค่ะว่าดัชนีช่องว่างระหว่างเพศ (Global Gender Gap) ปี 2016 ช่องว่างระหว่างเพศในโลกจะหมดไปอย่างสิ้นเชิงต้องใช้เวลาถึง 169 ปี จึงเป็นที่มาของการที่องค์การสหประชาชาติรณรงค์แคมเปญ #BeBoldforChange (กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง) ในปีนี้ เพื่อให้โลกของเราเปลี่ยนเป็นสังคมที่เสมอภาคเร็วขึ้น ซึ่งเราสามารถเริ่มได้จากตัวเรา ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย เพียงเราให้โอกาสทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ประเทศและโลกของเราก็จะเข้าใกล้สังคมที่มีความเสมอภาคมากขึ้น
เมื่อหันกลับมามองประเทศไทยในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ไทยได้พยายามผลักดันให้ผู้หญิงมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนประเทศเคียงข้างไปกับผู้ชายได้มากขึ้น แต่ดัชนีช่องว่างระหว่างเพศในปี 2006 ไทยอยู่อันดับที่ 40 และ ในปี 2016 ตกลงเป็นอันดับที่ 71 ทั้งๆที่คะแนนโดยรวมของบ้านเราไม่ต่างจากเดิมมากนัก นั่นหมายความว่าหลายประเทศทั่วโลกได้พัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปเยอะ จากรายงานดังกล่าวยังสรุปได้ว่าจุดแข็งของประเทศไทยคือ ผู้หญิงได้รับและเข้าถึงการศึกษาและการสาธารณสุขได้อย่างเท่าเทียมกับผู้ชาย ทว่าเรายังต้องเน้นการพัฒนาในอีก 2 ด้านสำคัญคือ การมีส่วนร่วมในภาคเศรษฐกิจและแรงงาน และสัดส่วนในภาคการเมือง ซึ่งหากศึกษาข้อมูลประเทศที่ประสบความสำเร็จในเรื่องของการลดความเหลื่อมล้ำทางเพศ จะพบว่าหลายประเทศได้ออกกฎหมายส่งเสริมการจ้างงานอย่างเท่าเทียมกัน นโยบายอุดหนุนหรือลดภาษีเพื่อลดภาระค่าเลี้ยงดูเด็กอ่อน เป็นต้น
ในส่วนของดิฉันขอเป็นอีกคนหนึ่งค่ะ ในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยงแปลงที่ชัดเจน #BeBoldforChange ด้วยการขอเชิญชวนทุกภาคส่วนให้ความสำคัญเดินหน้าแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเพศระหว่างหญิงและชายอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้กำลังรุนแรงกับสตรี ขอให้วันสตรีสากลในวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของเราทุกคนในการให้เกียรติซึ่งกันและกัน พร้อมเชิญชวนให้แฟนเพจและพี่น้องประชาชนทุกท่านเริ่มต้นคนละเล็กละน้อยด้วยการรับและให้โอกาสผู้หญิงรอบตัวท่านได้แสดงความสามารถเพื่อให้บ้านเราเปลี่ยนแปลงไปเป็นสังคมที่เสมอภาค แล้วอย่าลืมเข้ามาเล่าสู่กันฟังในเพจนี้นะคะว่า วันนี้คุณได้ทำอะไรเพื่อสร้างความเท่าเทียมกันระหว่างหญิงชายแล้วหรือยัง
8 มีนา วันสตรีสากล ...แม่ไก่ตัวเล็ก
มองเห็นความเหลื่อมล้ำ ระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย มาทุกยุคทุกสมัย และคำกล่าวว่าผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลงยังถูกปลูกฝังในสังคมไทย
ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปตามโลกปัจจุบันที่หมุนเร็วมากขึ้น การศึกษาที่ขยายกว้างและพัฒนา ทำให้ผ้หญิงสมัยนี้เก่งขึ้นหลายด้าน
ทั้งเรื่องการเมือง การปกครอง หรือการทำงาน ผ้หญิงหลายคนทำได้ทัดเทียมผู้ชาย หรือดีกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ
หลายปีมานี่ การยอมรับบทบาทสตรี ที่มีต่อสังคมเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น การยอมรับในสิทธิความเสมอภาคของสตรีก็ขยายวงกว้างไปเรื่อย
ซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนาสตรีให้เท่าเทียม และสามารถแข่งขัน หรือออกความเห็นใดๆ ต่อสาธารณะชนได้ อย่างไม่ถูกดูถูก
และกดขี่ กันอีกต่อไป
ในความเห็นส่วนตัว จริงๆก็ไม่ได้มาอยากเรียกร้องว่าผู้ชาย ต้องยอมผ้หญิงทุกเรื่อง หรือต้องมาเดินตามผ้หญิงตลอดหรอกนะ
ขอแค่ผู้ชาย เข้าใจผ้หญิง เข้าใจในสิทธิ เสรี ที่ผู้หญิงต้องมี รับฟังปัญหา ของผู้หญิง ลดความรนแรงทั้งกำลังและการด่าทอต่อผู้หญิง
ยอมรับในความคิดเห็น ให้เกียรติ ให้ความสำคัญ และเชื่อในความสามารถ ของผู้หญิงบ้าง เท่านี้ ก็คงจะพอทำให้ผู้หญิงสมยนี้
สามารถเดินเคียงข้างผู้ชาย และนำพา ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ ให้ก้าวไปพร้อมๆกันได้แล้วค่ะ
และแน่นอน ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน จขกท ขอหยิบข้อความของคุณยิ่งลกษณ์ ที่เป็นผู้หญิง อีกคน ที่ จขกท ชื่นชมมาตลอด
ไม่ว่าจะในฐานะ แม่ของลูก ฐานะนักการเมือง หรือในฐานะผ้หญิงธรรมดาๆ ที่ต้องเดินเข้ามาในถนน การเมืองเพียงแค่ 49 วันก็ตาม
แต่หลายเรื่อง ก็พิสูจน์ได้ว่า เธอยังเข้มแข็ง และต่อสู้กับอุปสรรค ทุกอย่าง แม่จะท้อ แต่ก็ไม่เคยเห็นเธอถอย
เป็นกำลังใจให้คุณยิ่งลักษณ์ และผู้หญิงทุกคน ในวันสตรีสากลนี้ด้วยค่ะ
ขออนุญาต นำข้อเขียนในเฟส เธอมาแปะนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้