'ยิ่งลักษณ์' โพสต์ 'วันสตรีสากล' ชี้ ต้องแก้รธน.ใหม่ให้ยึดโยงปชช. จะช่วยสร้างความเท่าเทียมทางเพศ
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2612868
ยิ่งลักษณ์ โพสต์ ‘วันสตรีสากล’ ชี้ ไทยเผชิญความท้าทาย ต้องแก้รธน.ให้ยึดโยงปชช. คุ้มครองเสรีภาพ ลดความเหลื่อมล้ำ ให้เท่าเทียมทางเพศ
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ซึ่งเป็น วันสตรีสากล นางสาว
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
“วันสตรีสากลในปีนี้ #ChooseToChallenge หรือ เรื่องความท้าทาย ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นแนวคิดหลัก ซึ่งดิฉันคิดว่า “ความท้าทาย” เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ดิฉันเชื่อว่าเราทุกคนล้วนเผชิญกับความท้าทายจากสภาวะต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต ทั้งจากสภาวะเศรษฐกิจที่ต้องมีการแข่งขันสูง การแข่งกับเวลาและแข่งกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ที่เข้ามาซ้ำเติมให้ทุกคนต้องดิ้นรนต่อสู้ และปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตแบบใหม่ ซึ่งทำให้เราต้องเปลี่ยนความท้าทายให้เป็นพลังในการขับเคลื่อนไปข้างหน้า
แต่ถ้ามองในมุมบวก ความท้าทายนี้ยังมีเรื่องดี ๆ แฝงอยู่ คือทำให้ครอบครัวได้มีโอกาสอยู่ร่วมกันมากขึ้น และบนความท้าทายนี้ ผู้หญิงยังมีบทบาทในการสร้างความอบอุ่น และเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับครอบครัวในยามทุกข์เข็ญ เพื่อเป็นกำลังใจสำคัญให้ฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน
สำหรับประเทศไทย ต้องเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ เช่นเดียวกับทุกประเทศทั่วโลก แต่มากไปกว่านั้นเรายังต้องตกอยู่ในสภาวะที่สิทธิเสรีภาพถูกลิดรอน ในสมัยรัฐบาลดิฉัน ดัชนีชี้วัดเสรีภาพจาก Freedom House ปี 2556 และ 2557 ระบุว่าไทยมีสิทธิเสรีภาพอยู่ที่คะแนน 53 และ 54 ตามลำดับ แต่น่าเสียดายว่าภายหลังการรัฐประหาร คะแนนสิทธิเสรีภาพตกลงมาเหลือเพียง 30 เท่านั้น ซึ่งต้นเหตุมาจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อการสืบทอดอำนาจ ไปพร้อม ๆ กับลิดรอนสิทธิเสรีภาพของคนไทย
ความท้าท้ายใหม่ของประชาชนคนไทยคือการผลักดันให้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เป็นรัฐธรรมนูญที่ยึดโยงกับประชาชน เคารพเสียง คุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ให้โอกาสที่เท่าเทียมเพื่อประชาชน ทุกเพศ เพศสภาพ และทุกวัย โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีจำนวนประชากรเกินครึ่งหนึ่งของประเทศ จะได้มีบทบาทในการขับเคลื่อนเชิงนโยบาย มีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางการเมือง ไปจนถึงการได้รับโอกาสทางการศึกษา เข้าถึงแหล่งเงินทุน เหมือนเมื่อครั้งที่ดิฉันเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้จัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเพื่อส่งเสริมศักยภาพให้กับผู้หญิง
เนื่องในโอกาสวันสตรีสากล 8 มีนาคม 2564 ดิฉันในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งปรารถนาจะเห็นผู้หญิง และคนทั่วโลกมีความเสมอภาค และโอกาสเท่าเทียมในทุกด้าน เพื่อสันติภาพ ความกินดีอยู่ดี และการเติบโตอย่างยั่งยืน ดิฉันขอเป็นกำลังใจให้กับผู้หญิง และทุกคน ที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย สิทธิ และเสรีภาพ ความเท่าเทียมกันอย่างมั่นคง ทำให้เราทุกคนไม่สิ้นหวังหรือท้อถอยด้วยค่ะ
บนความท้าท้าย เป็นโอกาสของการเปลี่ยนแปลง บนความเปลี่ยนแปลง เป็นโอกาสของความเสมอภาค เสรีภาพ และความเท่าเทียม #IWD2021 #InternationalWomensDay #ChoosetoChallenge
https://www.facebook.com/Y.Shinawatra/posts/4155130071198083
กรมสรรพสามิตเผย “เหล้า-ยาสูบ” ครองแชมป์หนีภาษีหนักสุด
https://www.thairath.co.th/news/business/finance-banking/2045787
กรมสรรพสามิตเผย “เหล้า-ยาสูบ” ครองแชมป์หนีภาษีหนักสุด
นายณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ตั้งแต่ 1 ต.ค.63-4 มี.ค.64 พบว่ามีการกระทำผิด จำนวน 12,548 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 233.96 ล้านบาท แยกเป็นสุราจำนวน 7,051 คดี ค่าปรับ 64.07 ล้านบาท ยาสูบ 3,742 คดี ค่าปรับ 83.59 ล้านบาท ไพ่ 280 คดี ค่าปรับ 3.34 ล้านบาท น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน 552 คดี ค่าปรับ 39.62 ล้านบาท น้ำหอม 45 คดี ค่าปรับ 1.95 ล้านบาท รถจักรยานยนต์ 610 คดี ค่าปรับ 17.37 ล้านบาท และสินค้าอื่นๆ 268 คดี ค่าปรับ 24.02 ล้านบาท โดยมีของกลางแยกเป็นน้ำสุรา 269,188.199 ลิตร ยาสูบ 275,687 ซอง ไพ่ 19,493 สำรับ น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน 1,186,924.000 ลิตร น้ำหอม 87,972 ขวด รถจักรยานยนต์จำนวน 1,108 คัน
“
กรมสรรพสามิตได้ดำเนินงานตามมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 และจูงใจผู้ที่อยู่นอกระบบให้เข้ามาสู่ระบบภาษี ซึ่งที่ผ่านมากรมสรรพสามิตได้จัดทำแผนเฉพาะกิจปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตโดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจจากสำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม และเจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมสนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามพื้นที่เป้าหมายที่คาดว่าอาจมีการกระทำผิด เพื่อสร้างความเป็นธรรม โปร่งใส และความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริต และเพื่อเป็นมาตรการเสริมทางอ้อมในการดูแลสุขภาพของผู้บริโภคให้บริโภคสินค้าที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน”.
JJNY : ยิ่งลักษณ์โพสต์วันสตรีสากล│เหล้า-ยาสูบหนีภาษีหนักสุด│เทพไทเชื่อไม่เกิน2ปีมีลต.│ออสเตรเลียระงับร่วมมือทหารเมียนมา
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2612868
ยิ่งลักษณ์ โพสต์ ‘วันสตรีสากล’ ชี้ ไทยเผชิญความท้าทาย ต้องแก้รธน.ให้ยึดโยงปชช. คุ้มครองเสรีภาพ ลดความเหลื่อมล้ำ ให้เท่าเทียมทางเพศ
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ซึ่งเป็น วันสตรีสากล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
“วันสตรีสากลในปีนี้ #ChooseToChallenge หรือ เรื่องความท้าทาย ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นแนวคิดหลัก ซึ่งดิฉันคิดว่า “ความท้าทาย” เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ดิฉันเชื่อว่าเราทุกคนล้วนเผชิญกับความท้าทายจากสภาวะต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต ทั้งจากสภาวะเศรษฐกิจที่ต้องมีการแข่งขันสูง การแข่งกับเวลาและแข่งกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ที่เข้ามาซ้ำเติมให้ทุกคนต้องดิ้นรนต่อสู้ และปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตแบบใหม่ ซึ่งทำให้เราต้องเปลี่ยนความท้าทายให้เป็นพลังในการขับเคลื่อนไปข้างหน้า
แต่ถ้ามองในมุมบวก ความท้าทายนี้ยังมีเรื่องดี ๆ แฝงอยู่ คือทำให้ครอบครัวได้มีโอกาสอยู่ร่วมกันมากขึ้น และบนความท้าทายนี้ ผู้หญิงยังมีบทบาทในการสร้างความอบอุ่น และเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับครอบครัวในยามทุกข์เข็ญ เพื่อเป็นกำลังใจสำคัญให้ฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน
สำหรับประเทศไทย ต้องเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ เช่นเดียวกับทุกประเทศทั่วโลก แต่มากไปกว่านั้นเรายังต้องตกอยู่ในสภาวะที่สิทธิเสรีภาพถูกลิดรอน ในสมัยรัฐบาลดิฉัน ดัชนีชี้วัดเสรีภาพจาก Freedom House ปี 2556 และ 2557 ระบุว่าไทยมีสิทธิเสรีภาพอยู่ที่คะแนน 53 และ 54 ตามลำดับ แต่น่าเสียดายว่าภายหลังการรัฐประหาร คะแนนสิทธิเสรีภาพตกลงมาเหลือเพียง 30 เท่านั้น ซึ่งต้นเหตุมาจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อการสืบทอดอำนาจ ไปพร้อม ๆ กับลิดรอนสิทธิเสรีภาพของคนไทย
ความท้าท้ายใหม่ของประชาชนคนไทยคือการผลักดันให้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เป็นรัฐธรรมนูญที่ยึดโยงกับประชาชน เคารพเสียง คุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ให้โอกาสที่เท่าเทียมเพื่อประชาชน ทุกเพศ เพศสภาพ และทุกวัย โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีจำนวนประชากรเกินครึ่งหนึ่งของประเทศ จะได้มีบทบาทในการขับเคลื่อนเชิงนโยบาย มีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางการเมือง ไปจนถึงการได้รับโอกาสทางการศึกษา เข้าถึงแหล่งเงินทุน เหมือนเมื่อครั้งที่ดิฉันเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้จัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเพื่อส่งเสริมศักยภาพให้กับผู้หญิง
เนื่องในโอกาสวันสตรีสากล 8 มีนาคม 2564 ดิฉันในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งปรารถนาจะเห็นผู้หญิง และคนทั่วโลกมีความเสมอภาค และโอกาสเท่าเทียมในทุกด้าน เพื่อสันติภาพ ความกินดีอยู่ดี และการเติบโตอย่างยั่งยืน ดิฉันขอเป็นกำลังใจให้กับผู้หญิง และทุกคน ที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย สิทธิ และเสรีภาพ ความเท่าเทียมกันอย่างมั่นคง ทำให้เราทุกคนไม่สิ้นหวังหรือท้อถอยด้วยค่ะ
บนความท้าท้าย เป็นโอกาสของการเปลี่ยนแปลง บนความเปลี่ยนแปลง เป็นโอกาสของความเสมอภาค เสรีภาพ และความเท่าเทียม #IWD2021 #InternationalWomensDay #ChoosetoChallenge
https://www.facebook.com/Y.Shinawatra/posts/4155130071198083
กรมสรรพสามิตเผย “เหล้า-ยาสูบ” ครองแชมป์หนีภาษีหนักสุด
https://www.thairath.co.th/news/business/finance-banking/2045787
กรมสรรพสามิตเผย “เหล้า-ยาสูบ” ครองแชมป์หนีภาษีหนักสุด
นายณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ตั้งแต่ 1 ต.ค.63-4 มี.ค.64 พบว่ามีการกระทำผิด จำนวน 12,548 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 233.96 ล้านบาท แยกเป็นสุราจำนวน 7,051 คดี ค่าปรับ 64.07 ล้านบาท ยาสูบ 3,742 คดี ค่าปรับ 83.59 ล้านบาท ไพ่ 280 คดี ค่าปรับ 3.34 ล้านบาท น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน 552 คดี ค่าปรับ 39.62 ล้านบาท น้ำหอม 45 คดี ค่าปรับ 1.95 ล้านบาท รถจักรยานยนต์ 610 คดี ค่าปรับ 17.37 ล้านบาท และสินค้าอื่นๆ 268 คดี ค่าปรับ 24.02 ล้านบาท โดยมีของกลางแยกเป็นน้ำสุรา 269,188.199 ลิตร ยาสูบ 275,687 ซอง ไพ่ 19,493 สำรับ น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน 1,186,924.000 ลิตร น้ำหอม 87,972 ขวด รถจักรยานยนต์จำนวน 1,108 คัน
“กรมสรรพสามิตได้ดำเนินงานตามมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 และจูงใจผู้ที่อยู่นอกระบบให้เข้ามาสู่ระบบภาษี ซึ่งที่ผ่านมากรมสรรพสามิตได้จัดทำแผนเฉพาะกิจปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตโดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจจากสำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม และเจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมสนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามพื้นที่เป้าหมายที่คาดว่าอาจมีการกระทำผิด เพื่อสร้างความเป็นธรรม โปร่งใส และความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริต และเพื่อเป็นมาตรการเสริมทางอ้อมในการดูแลสุขภาพของผู้บริโภคให้บริโภคสินค้าที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน”.