ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ
ชุดที่ ๓ ลิมชอง.....อัศวินผู้อาภัพ
ตอนที่ ๑ เพื่อนชั่วนายชัง
" เล่าเซี่ยงชุน "
ยังมีพี่น้องชุมโจรเขาเนียซัวเปาะอีกผู้หนึ่ง ชื่อ ลิมชอง เดิมเป็นครูฝึกทหารอยู่ที่ ตังเกียเมืองหลวง อยู่ใต้บังคับบัญชาของ กอไทอวย ผู้ว่าราชการฝ่ายทหารซึ่ง พระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้ โปรดปรานมาก แต่เป็นพวกขุนนางกังฉินไม่ซื่อตรง ผู้ใดมีฝีมือก็ไม่ยกย่องอุปถัมภ์ค้ำชู กลั่นแกล้งกดขี่ให้ได้รับความลำบาก
วันหนึ่งลิมชองพาภรรยากับคนใช้ไปไหว้เจ้าที่ศาลตังงักตีเปียว พอผ่านสวนผักของวัดไต้เซียงก๊กยี่ นอกประตูซวนจอหมง เห็นหลวงจีนผู้หนึ่งกำลังรำเพลงอาวุธให้ลูกน้องดูอยู่ ด้วยจิตใจที่รักผู้มีฝีมือตามนิสัยทหาร จึงให้ภรรยากับคนใช้เดินล่วงหน้าไปก่อน ตนเองหยุดยืนดูหลวงจีนร่ายรำเพลงอาวุธจนจบ
จึงได้ทำความรู้จักกับหลวงจีนองค์นั้น ชื่อ ลูตีซิม เดิมเป็นนายทหารอยู่ที่เมืองเอียนอันฮู้ แล้วมาช่วยราชการอยู่ที่เมืองอุยจิว เห็นเขาข่มเหงกันทนไม่ได้เลยฆ่าคนตาย ต้องหนีไปบวชเป็นหลวงจีน อยู่ที่วัดเงาไทซัว ต่อมาย้ายมาอยู่ที่วัดไต้เซียงก๊กยี่ มีหน้าที่ดูแลรักษาสวนผัก ไม่ค่อยจะมีอะไรจะทำ จึงลุกขึ้นรำเพลงอาวุธให้ลิ่วล้อชมฝีมือเป็นขวัญตา
ขณะที่กำลังเสพสุราสนทนากันอยู่นั้น คนใช้ของลิมชองก็วิ่งมาบอกว่า มีคนรังแกภรรยาที่ศาลเจ้า ลิมชองจึงขอลาหลวงจีนลูตีซิม รีบไปศาลเจ้ากับคนใช้
ปรากฎว่ามีชายประมาณสิบคนกั้นกางภรรยาของลิมชองไว้ แล้วพูดจาแทะโลม ลิมชองปราดเข้าไปกระชากบ่าชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม เงื้อมือจะฟาดให้หน้าหงาย พอจำได้ว่าที่แท้คือลูกเลี้ยงของกอไทอวยเจ้านายของตนเอง ชื่อ กอเงไหล จึงยั้งมือไว้
เมื่อกอเงไหลรู้ว่าผู้หญิงคนที่ตนเกาะแกะนั้นเป็นภรรยาลิมชอง ก็เลิกเย้าแหย่ และพรรคพวกก็ช่วยกันขอโทษแทน แล้วพากันเดินกลับไป
ลิมชองจึงพาภรรยากับคนใช้ จะกลับบ้าน พอดีสวนทางกับหลวงจีนลูตีซิม ก็ถามว่าหลวงพี่มาทำไม ลูตีซิมบอกว่าพาพวกพ้องจะมาช่วยปราบอันธพาล ที่รังแกภรรยาลิมชอง ซึ่งลิมชองก็ขอบคุณและซาบซึ้งในน้ำใจของหลวงจีน แต่คนเกเรนั้นเป็นบุตรของผู้บังคับบัญชา จึงไม่เอาเรื่องราวแต่อย่างใด หลวงจีนก็ลากลับไปวัด
อยู่มาวันหนึ่งเพื่อนสนิทของลิมชองชื่อ เล็กเคียม มาชวนไปเสพสุรา พูดคุยกันเล่นให้สบายใจ ภรรยาของลิมชองเตือนว่า อย่าเสพสุราให้มึนเมานัก จงรีบกลับบ้านแต่วันอย่าอยู่ให้ถึงมืดค่ำ ลิมชองก็รับคำ เล็กเคียมพาไปนั่งเสพสุราอาหารกันที่โรงเตี๊ยม ลิมชองก็ปรับทุกข์ให้เพื่อนฟังถึงเรื่องราวของตนว่า
"......เกิดมาเป็นชายชาติทหาร สติปัญญาฝีมือก็เข้มแข็ง เข้ามาสามิภักดิ์ทำราชการ ไม่พบนายที่ดี มาพบแต่คนไพร่ เป็นขุนนางไม่รู้จักผิดชอบประการใด มาอยู่ในบังคับนายเช่นนี้จึงไม่มีความสบาย."
เล็กเคียมซักถามเรื่องราว ลิมชองก็ขยายความเรื่องกอเงไหลบุตรเลี้ยงของ กอไทอวยข่มเหงภรรยาของตนให้ฟังโดยซื่อ ไม่รู้ว่าเล็กเคียมนั้นเป็นพวกกอเงไหล ทั้งสองเสพสุราได้เจ็ดแปดถ้วย ลิมชองก็ลุกจากโต๊ะออกมาเข้าห้องน้ำ ก็พบคนใช้หญิงวิ่งมาบอกว่า
"...ท่านออกมาจากบ้านสักครู่ ก็มีชายคนหนึ่งมาที่บ้าน บอกกับภรรยาท่านว่าตัวท่านเป็นลมสลบไป ให้ภรรยาท่านไปแก้ไขโดยเร็ว ภรรยาท่านตกใจฝากบ้านไว้กับนางเฮงโป่ แล้วก็ไปกับข้าพเจ้าด้วยกัน ชายนั้นพาไปบ้านผู้ใดข้าพเจ้าไม่รู้จักบอกว่าท่านอยู่บนเหลา ภรรยาท่านกับข้าพเจ้าขึ้นไปก็ไม่พบท่าน มีแต่เครื่องโต๊ะจัดวางไว้
ครั้นภรรยาท่านกับข้าพเจ้าจะลงมา ก็เห็นชายหนุ่มคนที่ไปหยอกภรรยาท่านที่ศาลเจ้าวันก่อนนั้น เดินออกมาจากห้องเหลา เรียกภรรยาท่านให้นั่งพูดกันก่อน ข้าพเจ้าเห็นดังนั้น ก็ลงจากเหลามาจะไปตามท่าน ได้ยินเสียงภรรยาท่านร้องว่า ฆ่าคนตายแล้วให้ช่วยด้วย
ข้าพเจ้าวิ่งไปเที่ยวหาท่านก็ไม่พบ จีนแสขายยาบอกว่า ท่านมากินโต๊ะเสพสุราอยู่ที่โรงเตี๊ยมนี้ ข้าพเจ้าจึงวิ่งมาตามท่าน จงไปโดยเร็วเถิด....."
ลิมชองวิ่งตามคนใช้ไปบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านของเล็กเคียม ขึ้นไปบนเล่าเต๊งมีห้องปิดประตูอยู่ ได้ยินเสียงภรรยาร้องว่า บ้านเมืองก็เรียบร้อยดีเหตุไฉนไปหลอกเอาลูกเมียเขามาข่มขี่ขังไว้เช่นนี้ และมีเสียงผู้ชายอ้อนวอนว่าเจ้าจงเมตตาเถิด จะให้ตายเสียแล้วหรือ
ลิมชองก็เรียกให้ภรรยาเปิดประตู พอประตูเปิดออก ลิมชองถลันเข้าไปในห้อง กอเงไหลก็เปิดหน้าต่างกระโดดข้ามกำแพงหนีไป
ลิมชองถามภรรยาได้ความว่า ยังไม่ทันจะเสียทีแก่ชายชั่วนั้น ลิมชองก็เอากระบองทุบตีข้าวของในห้องนั้น จนแตกยับเยินด้วยความโมโห แล้วจึงพาภรรยากลับมาบ้าน เชื่อว่า เล็กเคียมสมรู้ร่วมคิดด้วยอย่างแน่นอน จึงฉวยกระบี่ตรงไปที่โรงเตี๊ยม จะฆ่าเล็กเคียมเสีย แต่ไม่พบ
ไปคอยดักอยู่ที่บ้านเล็กเคียมจนดึกดื่นก็ไม่กลับมา ภรรยาก็ห้ามไว้ว่า เมื่อเขาทำไมเราไม่ได้แล้วก็ช่างเขาเถิด ลิมชองก็อาฆาตด้วยความแค้นว่า
"....เล็กเคียมกับเราก็รักใคร่เหมือนพี่น้องกัน หาควรจะมาล่อลวงไม่ เรามีใจเจ็บแค้นนัก จะฆ่าเสียให้ได้...."
ปรากฎว่าเล็กเคียมซึ่งล่อลวงให้ลิมชองไปกินเลี้ยง ได้หนีไปอาศัยบ้านกอเงไหลไม่ยอมกลับมาบ้านของตน กอเงไหลก็ตรอมใจป่วยลงตั้งแต่วันนั้นมา เล็กเคียมกับ ฮูอัน คนสนิทของกอเงไหล จึงคบคิดกันจะกำจัดลิมชองเสียให้ได้ เพื่อเอาใจนาย
ฝ่ายหลวงจีนลูตีซิมได้ทราบข่าวก็มาเยี่ยมลิมชอง และชวนไปเสพสุราดับความทุกข์อยู่เนือง ๆ วันหนึ่งมีชายผู้หนึ่งถือกระบี่ชั้นดีมาเที่ยวเร่ขาย ลิมชองสนใจจึงปรึกษากับหลวงจีน ลูตีซิมว่าดีนักจงซื้อไว้เถิด ลิมชองถามราคา เจ้าของกระบี่บอกราคาสามพันตำลึง แล้วลดลงเหลือสองพันตำลึง แล้วก็ลดลงอีกเหลือพันห้าร้อยตำลึง ลิมชองต่อจนได้เพียงพันตำลึงจึงตกลง
เมื่อแยกจากหลวงจีนกลับมาบ้านแล้ว ก็เอากระบี่มากวัดแกว่งดูด้วยความพอใจ
วันรุ่งขึ้นเล็กเคียมกับฮูอันใช้ให้ขุนนางหน้าใหม่สองนาย มาตามลิมชอง บอกว่า กอไทอวยได้ข่าวว่าซื้อกระบี่ใหม่ อยากจะให้เอาไปเปรียบเทียบ กับของกอไทอวยที่มีอยู่เดิม
ลิมชองไม่สงสัยก็ถือกระบี่เดินตามขุนนางทั้งสอง ไปถึงบ้านกอไทอวย แต่กลับถูกปล่อยให้รออยู่ที่หน้าหอแปะโฮวตึง ซึ่งเป็นที่พักชั้นในของกอไทอวย ลิมชองคอยอยู่เป็นเวลานานไม่เห็นมีใครออกมาต้อนรับ ก็เดินเลยเข้าไปในหอเจอหน้ากอไทอวย ลิมชองวางกระบี่ลงคำนับ
กอไทอวยถามว่ามาทำไม ลิมชองก็ว่ามีขุนนางไปตามมา ว่ากอไทอวยต้องการจะดูกระบี่จึงเอามาให้ดู กอไทอวยบอกว่าไม่เคยใช้ให้ใครไปหา และกล่าวโทษว่า
"...เจ้าอย่าแก้ไขไปเลย เรารู้มาหลายวันว่าเจ้าจะคิดฆ่าเรา จึงได้ถือกระบี่เข้ามาจนหน้าหอข้างใน มีความผิดมาก...."
แล้วก็เรียกให้ทหารมาจับตัวลิมชองไปฆ่าเสีย
ลิมชองร้องว่าเป็นการแกล้งใส่ความกัน เพราะมีคนของกอไทอวยไปตามให้มาพบ จึงได้มา กอไทอวยว่าผู้ใดไปเรียกมา ชื่อเสียงใด ลิมชองก็บอกว่าเป็นคนหน้าใหม่ไม่รู้จักชื่อ กอไทอวยเห็นว่าหลักฐานไม่พอเพียง จึงให้นำตัวไปส่ง ไคฮองฮู้ ซึ่งเป็นขุนนางชำระความตัดสินลงโทษ
ลิมชองยืนยันว่าตนเองรู้ขนบธรรมเนียมดีว่า จะถืออาวุธเข้าไปหาผู้บังคับบัญชาถึงที่ข้างในไม่ได้ แต่กอไทฮวยใช้ให้คนไปตามมา และให้ยืนคอยอยู่ เพื่อจะเอากระบี่มาเปรียบเทียบกัน คงเป็นการวางอุบาย เพราะบุตรเลี้ยงได้มีเรื่องราวกับภรรยาของตนที่ศาลเจ้า เมื่อหลายวันก่อน
ไคฮองฮู้มีความเมตตาลิมชองแต่จะตัดสินไปตามข้อเท็จจริง ก็กลัวกอไทอวยจะโกรธ จึงแนะให้ เตียกาเถา พ่อตา และภรรยาลิมชองไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ ซึงเตง ขุนนางชำระความตำแหน่งที่สูง ขึ้นไป ซึ่งเป็นคนซื่อสัตย์ไม่เห็นแก่ทรัพย์ของผู้ใด ชำระความสิ่งใดก็ว่าไปตามตรงเป็นยุติธรรม
ซึงเตงไม่กลัวอำนาจของกอไทอวย จึงตัดสินยกการประหารชีวิต ให้ลงโทษเฆี่ยนยี่สิบที แล้วเนรเทศไปต่างเมือง เจ้าหน้าที่ก็เอาตัวลิมชองไปเฆี่ยน แล้วสักหน้าเอาคาหนักเจ็ดชั่งครึ่งมาใส่คอ ให้ ตังเทียว กับ สิปา เป็นผู้คุมนำตัวไปส่งที่เมืองชองจิว
ขณะที่ออกจากศาลเดินผ่านบ้าน เตียกาเถาพ่อตาของลิมชองก็เชิญผู้คุมทั้งสองนั่งพักที่โรงสุราก่อน แล้วก็ จัดโต๊ะมาเลี้ยงผู้คุม กับเอาเงินให้ผู้คุมเพื่อขอฝากฝังลิมชองด้วย ลิมชองจึงบอกกับพ่อตาว่า
".....เดิมท่านรักใคร่ข้าพเจ้า จึงได้ยกบุตรหญิงให้เป็นภรรยา อยู่กินด้วยกันมาได้ สามปี มิได้ผิดปากวิวาทกัน ซึ่งตัวข้าพเจ้าครั้งนี้เขาข่มเหงกดขี่ ทำให้ต้องเนรเทศไปเมืองไกล จะเป็นตายประการใดก็ไม่แจ้ง ข้าพเจ้าคิดว่าบุตรหญิงของท่าน จะได้ความลำบากทุกข์ทนต่อไป กอเงไหลก็จะมารบกวนให้ได้ความเดือดร้อนต่าง ๆ บุตรหญิงของท่านก็จะมีความน้อยใจ ข้าพเจ้า จะทำหนังสือหย่าให้ จะได้มีผัวเสีย อย่าเป็นห่วงถึงข้าพเจ้าเลย....."
เตียกาเถาก็ว่า
"....เจ้าพูดอะไรเช่นนั้นไม่ถูกเกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว ก็มีเคราะห์ร้าย มิใช่เจ้าไปหาความมาเมื่อไร ก็ย่อมรู้อยู่ทั้งสิ้น ความเรื่องนี้เขากดขี่ข่มเหงเอา ซึ่งภรรยาของเจ้านั้นอย่าได้วิตก บิดาจะรับเอาไปอยู่บ้าน เงินทองที่ซื้อกินนั้นก็มีอยู่พอเลี้ยงกัน บิดาจะเลี้ยงไว้กว่าเจ้าจะสิ้นโทษกลับมา ครั้งนี้เป็นกรรมของเจ้าแล้ว จงก้มหน้าไปก่อนเถิด ถ้าเจ้าแผ่นดินโปรดยกโทษเสียเมื่อไร ก็จะได้มาอยู่กินด้วยกัน......"
ลิมชองยืนยันว่าขอให้ยอมทำหนังสือหย่าเถิด ภรรยาจะได้มีความสุขสืบไป เพื่อนบ้านที่ฟังอยู่ด้วยก็สงสารเห็นใจลิมชอง และรับรองว่าภรรยาลิมชองคงจะไม่มีผัวใหม่ ลิมชองก็ว่าจะให้เขาได้ความทุกข์ต่อไปนั้นไม่ควร เตียกาเถาจำต้องยินยอมให้ลิมชองทำหนังสือหย่าตามความประสงค์ ภรรยาลิมชองก็ร้องไห้เสียใจเป็นอันมาก
แล้วตียเกาเถาก็ไปเก็บของจากที่อยู่ของ ลิมชองมาไว้ที่บ้านของตน
ผู้คุมทั้งสองก็เอาลิมชองไปฝากไว้ที่คุกก่อน แล้วไปเตรียมเสื้อผ้ากับตุนเสบียงอาหารเพื่อเดินทาง เล็กเคียมก็ใช้ให้เจ้าของโรงสุรา ไปตามผู้คุมจากบ้านมาพบ และมอบทองคำให้คนละห้าตำลึง ผู้คุมถามว่าให้ทำไม เล็กเคียมก็บอกว่า
"....ท่านไม่รู้หรือ ลิมชองกับกอไทอวยเป็นคู่พยาบาทกัน กอไทอวยนั้นใช้ให้เราเอาทองคำหนักห้าตำลึงมาให้ท่านทั้งสอง ซึ่งจะคุมตัวลิมชองไปเนรเทศนั้น ไม่ต้องไปไกล ฆ่าเสียที่ใกล้ ๆ ก็ได้ แต่ท่านจงเชือดเอาหนังสือที่สักหน้าลิมชองมาเป็นสำคัญก็แล้วกัน ถ้านายท่านจะว่ากล่าวประการใด กอไทอวยแก้ไขเองท่านอย่าวิตก ถ้าสำเร็จความกลับมา กอไทอวยจะสมนาคุณท่านอีก....."
ตังเทียวและสิปาก็รับทองมาแบ่งกันและยืนยันว่า
"...ท่านอย่าวิตก ข้าพเจ้าจะคุมตัวลิมชองไปฆ่าเสีย ถ้าช้าก็ห้าวันถ้าเร็วก็สองวันสำเร็จ....."
จากนั้นผู้คุมก็เบิกตัวลิมชองออกจากคุก เดินทางจากเมืองตังเกียไปได้สามสิบลี้ก็ค่ำ จึงเข้าไปพักที่โรงเตี๊ยมตามทาง ลิมชองนั้นถูกเฆี่ยนแล้วต้องเดินทาง ก็ไม่สบายเดินไม่ใคร่ได้
พอเข้าที่พักสองผู้คุมกลัวลิมชองจะหนี จึงออกอุบายจะเอาน้ำมาล้างเท้าให้ลิมชอง แต่เป็นน้ำเดือด ลิมชองถูกน้ำร้อนลวกเท้าก็พองเจ็บปวดมาก รุ่งเช้าจึงเดินทางต่อไปไม่ไหว ตังเทียวก็หาซื้อรองเท้ามาให้ใส่ ค่อยเดินกระย่องกระแย่งไปได้อีกสี่ห้าลี้ เท้าที่พองก็แตกโลหิตไหล พอดีเข้าเขตป่าเอียตือหลิมมีต้นไม้หนาแน่น จึงพากันหยุดพักใต้ต้นไม้
ผู้คุมทั้งสองก็แกล้งบอกว่าจะนอนพักแต่กลัวลิมชองจะหนี จึงเอาโซ่ร้อยมือเท้าลิมชองไว้กับต้นไม้ แล้วคว้ากระบองเตรียมจะฆ่าเสีย โดยบอกว่า
".....มิใช่เราทั้งสองคนจะฆ่าท่าน เมื่อวันจะมานั้นกอไทอวยใช้ให้เล็กเคียมมาสั่งกับเราว่า ให้พาท่านมาฆ่าเสียที่ป่านี้ ซึ่งท่านจะเดินไปอีกไม่ได้สักกี่วันก็คงจะตายไหน ๆ วันนี้เป็นวันตายของท่านแล้ว ตายเสียเถิดเราจะได้กลับไปบอกข่าวให้กอไทอวยทราบโดยเร็ว ท่านอย่า โกรธแค้นว่าเราสองคนนี้ มาทุบตีท่านให้ตายเลย....."
ลิมชองได้ฟังก็น้ำตาไหล ขอร้องว่า
"....ท่านทั้งสองกับข้าพเจ้าก็ไม่ได้วิวาทอาฆาตจองเวรกัน ท่านจงช่วยเอาชีวิตไว้ด้วย ถ้าไม่ตายคงรู้จักบุญคุณของท่านทั้งสองได้ช่วยชีวิตเราไว้ ท่านอย่าได้ทำอันตรายกับเราเลย....."
สิปาก็ว่าไม่ได้ต้องฆ่าเสียจึงจะพ้นความผิด แต่พอจะลงมือเข้าจริง หลวงจีนลูตีซิมก็โผล่ออกมาจากโคนต้นไม้ เข้าป้องกันลิมชองไว้ได้ สองผู้คุมก็ตกตลึงจังงังอยู่ ลูตีซิมจะฆ่าเสีย ลิมชองก็ห้ามไว้ ว่าเขาทำตามคำสั่งผู้เป็นนาย ไม่ทำก็ไม่ได้
ลิมชอง (๑) ๙ มี.ค.๖๐
ชุดที่ ๓ ลิมชอง.....อัศวินผู้อาภัพ
ตอนที่ ๑ เพื่อนชั่วนายชัง
" เล่าเซี่ยงชุน "
ยังมีพี่น้องชุมโจรเขาเนียซัวเปาะอีกผู้หนึ่ง ชื่อ ลิมชอง เดิมเป็นครูฝึกทหารอยู่ที่ ตังเกียเมืองหลวง อยู่ใต้บังคับบัญชาของ กอไทอวย ผู้ว่าราชการฝ่ายทหารซึ่ง พระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้ โปรดปรานมาก แต่เป็นพวกขุนนางกังฉินไม่ซื่อตรง ผู้ใดมีฝีมือก็ไม่ยกย่องอุปถัมภ์ค้ำชู กลั่นแกล้งกดขี่ให้ได้รับความลำบาก
วันหนึ่งลิมชองพาภรรยากับคนใช้ไปไหว้เจ้าที่ศาลตังงักตีเปียว พอผ่านสวนผักของวัดไต้เซียงก๊กยี่ นอกประตูซวนจอหมง เห็นหลวงจีนผู้หนึ่งกำลังรำเพลงอาวุธให้ลูกน้องดูอยู่ ด้วยจิตใจที่รักผู้มีฝีมือตามนิสัยทหาร จึงให้ภรรยากับคนใช้เดินล่วงหน้าไปก่อน ตนเองหยุดยืนดูหลวงจีนร่ายรำเพลงอาวุธจนจบ
จึงได้ทำความรู้จักกับหลวงจีนองค์นั้น ชื่อ ลูตีซิม เดิมเป็นนายทหารอยู่ที่เมืองเอียนอันฮู้ แล้วมาช่วยราชการอยู่ที่เมืองอุยจิว เห็นเขาข่มเหงกันทนไม่ได้เลยฆ่าคนตาย ต้องหนีไปบวชเป็นหลวงจีน อยู่ที่วัดเงาไทซัว ต่อมาย้ายมาอยู่ที่วัดไต้เซียงก๊กยี่ มีหน้าที่ดูแลรักษาสวนผัก ไม่ค่อยจะมีอะไรจะทำ จึงลุกขึ้นรำเพลงอาวุธให้ลิ่วล้อชมฝีมือเป็นขวัญตา
ขณะที่กำลังเสพสุราสนทนากันอยู่นั้น คนใช้ของลิมชองก็วิ่งมาบอกว่า มีคนรังแกภรรยาที่ศาลเจ้า ลิมชองจึงขอลาหลวงจีนลูตีซิม รีบไปศาลเจ้ากับคนใช้
ปรากฎว่ามีชายประมาณสิบคนกั้นกางภรรยาของลิมชองไว้ แล้วพูดจาแทะโลม ลิมชองปราดเข้าไปกระชากบ่าชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม เงื้อมือจะฟาดให้หน้าหงาย พอจำได้ว่าที่แท้คือลูกเลี้ยงของกอไทอวยเจ้านายของตนเอง ชื่อ กอเงไหล จึงยั้งมือไว้
เมื่อกอเงไหลรู้ว่าผู้หญิงคนที่ตนเกาะแกะนั้นเป็นภรรยาลิมชอง ก็เลิกเย้าแหย่ และพรรคพวกก็ช่วยกันขอโทษแทน แล้วพากันเดินกลับไป
ลิมชองจึงพาภรรยากับคนใช้ จะกลับบ้าน พอดีสวนทางกับหลวงจีนลูตีซิม ก็ถามว่าหลวงพี่มาทำไม ลูตีซิมบอกว่าพาพวกพ้องจะมาช่วยปราบอันธพาล ที่รังแกภรรยาลิมชอง ซึ่งลิมชองก็ขอบคุณและซาบซึ้งในน้ำใจของหลวงจีน แต่คนเกเรนั้นเป็นบุตรของผู้บังคับบัญชา จึงไม่เอาเรื่องราวแต่อย่างใด หลวงจีนก็ลากลับไปวัด
อยู่มาวันหนึ่งเพื่อนสนิทของลิมชองชื่อ เล็กเคียม มาชวนไปเสพสุรา พูดคุยกันเล่นให้สบายใจ ภรรยาของลิมชองเตือนว่า อย่าเสพสุราให้มึนเมานัก จงรีบกลับบ้านแต่วันอย่าอยู่ให้ถึงมืดค่ำ ลิมชองก็รับคำ เล็กเคียมพาไปนั่งเสพสุราอาหารกันที่โรงเตี๊ยม ลิมชองก็ปรับทุกข์ให้เพื่อนฟังถึงเรื่องราวของตนว่า
"......เกิดมาเป็นชายชาติทหาร สติปัญญาฝีมือก็เข้มแข็ง เข้ามาสามิภักดิ์ทำราชการ ไม่พบนายที่ดี มาพบแต่คนไพร่ เป็นขุนนางไม่รู้จักผิดชอบประการใด มาอยู่ในบังคับนายเช่นนี้จึงไม่มีความสบาย."
เล็กเคียมซักถามเรื่องราว ลิมชองก็ขยายความเรื่องกอเงไหลบุตรเลี้ยงของ กอไทอวยข่มเหงภรรยาของตนให้ฟังโดยซื่อ ไม่รู้ว่าเล็กเคียมนั้นเป็นพวกกอเงไหล ทั้งสองเสพสุราได้เจ็ดแปดถ้วย ลิมชองก็ลุกจากโต๊ะออกมาเข้าห้องน้ำ ก็พบคนใช้หญิงวิ่งมาบอกว่า
"...ท่านออกมาจากบ้านสักครู่ ก็มีชายคนหนึ่งมาที่บ้าน บอกกับภรรยาท่านว่าตัวท่านเป็นลมสลบไป ให้ภรรยาท่านไปแก้ไขโดยเร็ว ภรรยาท่านตกใจฝากบ้านไว้กับนางเฮงโป่ แล้วก็ไปกับข้าพเจ้าด้วยกัน ชายนั้นพาไปบ้านผู้ใดข้าพเจ้าไม่รู้จักบอกว่าท่านอยู่บนเหลา ภรรยาท่านกับข้าพเจ้าขึ้นไปก็ไม่พบท่าน มีแต่เครื่องโต๊ะจัดวางไว้
ครั้นภรรยาท่านกับข้าพเจ้าจะลงมา ก็เห็นชายหนุ่มคนที่ไปหยอกภรรยาท่านที่ศาลเจ้าวันก่อนนั้น เดินออกมาจากห้องเหลา เรียกภรรยาท่านให้นั่งพูดกันก่อน ข้าพเจ้าเห็นดังนั้น ก็ลงจากเหลามาจะไปตามท่าน ได้ยินเสียงภรรยาท่านร้องว่า ฆ่าคนตายแล้วให้ช่วยด้วย
ข้าพเจ้าวิ่งไปเที่ยวหาท่านก็ไม่พบ จีนแสขายยาบอกว่า ท่านมากินโต๊ะเสพสุราอยู่ที่โรงเตี๊ยมนี้ ข้าพเจ้าจึงวิ่งมาตามท่าน จงไปโดยเร็วเถิด....."
ลิมชองวิ่งตามคนใช้ไปบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านของเล็กเคียม ขึ้นไปบนเล่าเต๊งมีห้องปิดประตูอยู่ ได้ยินเสียงภรรยาร้องว่า บ้านเมืองก็เรียบร้อยดีเหตุไฉนไปหลอกเอาลูกเมียเขามาข่มขี่ขังไว้เช่นนี้ และมีเสียงผู้ชายอ้อนวอนว่าเจ้าจงเมตตาเถิด จะให้ตายเสียแล้วหรือ
ลิมชองก็เรียกให้ภรรยาเปิดประตู พอประตูเปิดออก ลิมชองถลันเข้าไปในห้อง กอเงไหลก็เปิดหน้าต่างกระโดดข้ามกำแพงหนีไป
ลิมชองถามภรรยาได้ความว่า ยังไม่ทันจะเสียทีแก่ชายชั่วนั้น ลิมชองก็เอากระบองทุบตีข้าวของในห้องนั้น จนแตกยับเยินด้วยความโมโห แล้วจึงพาภรรยากลับมาบ้าน เชื่อว่า เล็กเคียมสมรู้ร่วมคิดด้วยอย่างแน่นอน จึงฉวยกระบี่ตรงไปที่โรงเตี๊ยม จะฆ่าเล็กเคียมเสีย แต่ไม่พบ
ไปคอยดักอยู่ที่บ้านเล็กเคียมจนดึกดื่นก็ไม่กลับมา ภรรยาก็ห้ามไว้ว่า เมื่อเขาทำไมเราไม่ได้แล้วก็ช่างเขาเถิด ลิมชองก็อาฆาตด้วยความแค้นว่า
"....เล็กเคียมกับเราก็รักใคร่เหมือนพี่น้องกัน หาควรจะมาล่อลวงไม่ เรามีใจเจ็บแค้นนัก จะฆ่าเสียให้ได้...."
ปรากฎว่าเล็กเคียมซึ่งล่อลวงให้ลิมชองไปกินเลี้ยง ได้หนีไปอาศัยบ้านกอเงไหลไม่ยอมกลับมาบ้านของตน กอเงไหลก็ตรอมใจป่วยลงตั้งแต่วันนั้นมา เล็กเคียมกับ ฮูอัน คนสนิทของกอเงไหล จึงคบคิดกันจะกำจัดลิมชองเสียให้ได้ เพื่อเอาใจนาย
ฝ่ายหลวงจีนลูตีซิมได้ทราบข่าวก็มาเยี่ยมลิมชอง และชวนไปเสพสุราดับความทุกข์อยู่เนือง ๆ วันหนึ่งมีชายผู้หนึ่งถือกระบี่ชั้นดีมาเที่ยวเร่ขาย ลิมชองสนใจจึงปรึกษากับหลวงจีน ลูตีซิมว่าดีนักจงซื้อไว้เถิด ลิมชองถามราคา เจ้าของกระบี่บอกราคาสามพันตำลึง แล้วลดลงเหลือสองพันตำลึง แล้วก็ลดลงอีกเหลือพันห้าร้อยตำลึง ลิมชองต่อจนได้เพียงพันตำลึงจึงตกลง
เมื่อแยกจากหลวงจีนกลับมาบ้านแล้ว ก็เอากระบี่มากวัดแกว่งดูด้วยความพอใจ
วันรุ่งขึ้นเล็กเคียมกับฮูอันใช้ให้ขุนนางหน้าใหม่สองนาย มาตามลิมชอง บอกว่า กอไทอวยได้ข่าวว่าซื้อกระบี่ใหม่ อยากจะให้เอาไปเปรียบเทียบ กับของกอไทอวยที่มีอยู่เดิม
ลิมชองไม่สงสัยก็ถือกระบี่เดินตามขุนนางทั้งสอง ไปถึงบ้านกอไทอวย แต่กลับถูกปล่อยให้รออยู่ที่หน้าหอแปะโฮวตึง ซึ่งเป็นที่พักชั้นในของกอไทอวย ลิมชองคอยอยู่เป็นเวลานานไม่เห็นมีใครออกมาต้อนรับ ก็เดินเลยเข้าไปในหอเจอหน้ากอไทอวย ลิมชองวางกระบี่ลงคำนับ
กอไทอวยถามว่ามาทำไม ลิมชองก็ว่ามีขุนนางไปตามมา ว่ากอไทอวยต้องการจะดูกระบี่จึงเอามาให้ดู กอไทอวยบอกว่าไม่เคยใช้ให้ใครไปหา และกล่าวโทษว่า
"...เจ้าอย่าแก้ไขไปเลย เรารู้มาหลายวันว่าเจ้าจะคิดฆ่าเรา จึงได้ถือกระบี่เข้ามาจนหน้าหอข้างใน มีความผิดมาก...."
แล้วก็เรียกให้ทหารมาจับตัวลิมชองไปฆ่าเสีย
ลิมชองร้องว่าเป็นการแกล้งใส่ความกัน เพราะมีคนของกอไทอวยไปตามให้มาพบ จึงได้มา กอไทอวยว่าผู้ใดไปเรียกมา ชื่อเสียงใด ลิมชองก็บอกว่าเป็นคนหน้าใหม่ไม่รู้จักชื่อ กอไทอวยเห็นว่าหลักฐานไม่พอเพียง จึงให้นำตัวไปส่ง ไคฮองฮู้ ซึ่งเป็นขุนนางชำระความตัดสินลงโทษ
ลิมชองยืนยันว่าตนเองรู้ขนบธรรมเนียมดีว่า จะถืออาวุธเข้าไปหาผู้บังคับบัญชาถึงที่ข้างในไม่ได้ แต่กอไทฮวยใช้ให้คนไปตามมา และให้ยืนคอยอยู่ เพื่อจะเอากระบี่มาเปรียบเทียบกัน คงเป็นการวางอุบาย เพราะบุตรเลี้ยงได้มีเรื่องราวกับภรรยาของตนที่ศาลเจ้า เมื่อหลายวันก่อน
ไคฮองฮู้มีความเมตตาลิมชองแต่จะตัดสินไปตามข้อเท็จจริง ก็กลัวกอไทอวยจะโกรธ จึงแนะให้ เตียกาเถา พ่อตา และภรรยาลิมชองไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ ซึงเตง ขุนนางชำระความตำแหน่งที่สูง ขึ้นไป ซึ่งเป็นคนซื่อสัตย์ไม่เห็นแก่ทรัพย์ของผู้ใด ชำระความสิ่งใดก็ว่าไปตามตรงเป็นยุติธรรม
ซึงเตงไม่กลัวอำนาจของกอไทอวย จึงตัดสินยกการประหารชีวิต ให้ลงโทษเฆี่ยนยี่สิบที แล้วเนรเทศไปต่างเมือง เจ้าหน้าที่ก็เอาตัวลิมชองไปเฆี่ยน แล้วสักหน้าเอาคาหนักเจ็ดชั่งครึ่งมาใส่คอ ให้ ตังเทียว กับ สิปา เป็นผู้คุมนำตัวไปส่งที่เมืองชองจิว
ขณะที่ออกจากศาลเดินผ่านบ้าน เตียกาเถาพ่อตาของลิมชองก็เชิญผู้คุมทั้งสองนั่งพักที่โรงสุราก่อน แล้วก็ จัดโต๊ะมาเลี้ยงผู้คุม กับเอาเงินให้ผู้คุมเพื่อขอฝากฝังลิมชองด้วย ลิมชองจึงบอกกับพ่อตาว่า
".....เดิมท่านรักใคร่ข้าพเจ้า จึงได้ยกบุตรหญิงให้เป็นภรรยา อยู่กินด้วยกันมาได้ สามปี มิได้ผิดปากวิวาทกัน ซึ่งตัวข้าพเจ้าครั้งนี้เขาข่มเหงกดขี่ ทำให้ต้องเนรเทศไปเมืองไกล จะเป็นตายประการใดก็ไม่แจ้ง ข้าพเจ้าคิดว่าบุตรหญิงของท่าน จะได้ความลำบากทุกข์ทนต่อไป กอเงไหลก็จะมารบกวนให้ได้ความเดือดร้อนต่าง ๆ บุตรหญิงของท่านก็จะมีความน้อยใจ ข้าพเจ้า จะทำหนังสือหย่าให้ จะได้มีผัวเสีย อย่าเป็นห่วงถึงข้าพเจ้าเลย....."
เตียกาเถาก็ว่า
"....เจ้าพูดอะไรเช่นนั้นไม่ถูกเกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว ก็มีเคราะห์ร้าย มิใช่เจ้าไปหาความมาเมื่อไร ก็ย่อมรู้อยู่ทั้งสิ้น ความเรื่องนี้เขากดขี่ข่มเหงเอา ซึ่งภรรยาของเจ้านั้นอย่าได้วิตก บิดาจะรับเอาไปอยู่บ้าน เงินทองที่ซื้อกินนั้นก็มีอยู่พอเลี้ยงกัน บิดาจะเลี้ยงไว้กว่าเจ้าจะสิ้นโทษกลับมา ครั้งนี้เป็นกรรมของเจ้าแล้ว จงก้มหน้าไปก่อนเถิด ถ้าเจ้าแผ่นดินโปรดยกโทษเสียเมื่อไร ก็จะได้มาอยู่กินด้วยกัน......"
ลิมชองยืนยันว่าขอให้ยอมทำหนังสือหย่าเถิด ภรรยาจะได้มีความสุขสืบไป เพื่อนบ้านที่ฟังอยู่ด้วยก็สงสารเห็นใจลิมชอง และรับรองว่าภรรยาลิมชองคงจะไม่มีผัวใหม่ ลิมชองก็ว่าจะให้เขาได้ความทุกข์ต่อไปนั้นไม่ควร เตียกาเถาจำต้องยินยอมให้ลิมชองทำหนังสือหย่าตามความประสงค์ ภรรยาลิมชองก็ร้องไห้เสียใจเป็นอันมาก
แล้วตียเกาเถาก็ไปเก็บของจากที่อยู่ของ ลิมชองมาไว้ที่บ้านของตน
ผู้คุมทั้งสองก็เอาลิมชองไปฝากไว้ที่คุกก่อน แล้วไปเตรียมเสื้อผ้ากับตุนเสบียงอาหารเพื่อเดินทาง เล็กเคียมก็ใช้ให้เจ้าของโรงสุรา ไปตามผู้คุมจากบ้านมาพบ และมอบทองคำให้คนละห้าตำลึง ผู้คุมถามว่าให้ทำไม เล็กเคียมก็บอกว่า
"....ท่านไม่รู้หรือ ลิมชองกับกอไทอวยเป็นคู่พยาบาทกัน กอไทอวยนั้นใช้ให้เราเอาทองคำหนักห้าตำลึงมาให้ท่านทั้งสอง ซึ่งจะคุมตัวลิมชองไปเนรเทศนั้น ไม่ต้องไปไกล ฆ่าเสียที่ใกล้ ๆ ก็ได้ แต่ท่านจงเชือดเอาหนังสือที่สักหน้าลิมชองมาเป็นสำคัญก็แล้วกัน ถ้านายท่านจะว่ากล่าวประการใด กอไทอวยแก้ไขเองท่านอย่าวิตก ถ้าสำเร็จความกลับมา กอไทอวยจะสมนาคุณท่านอีก....."
ตังเทียวและสิปาก็รับทองมาแบ่งกันและยืนยันว่า
"...ท่านอย่าวิตก ข้าพเจ้าจะคุมตัวลิมชองไปฆ่าเสีย ถ้าช้าก็ห้าวันถ้าเร็วก็สองวันสำเร็จ....."
จากนั้นผู้คุมก็เบิกตัวลิมชองออกจากคุก เดินทางจากเมืองตังเกียไปได้สามสิบลี้ก็ค่ำ จึงเข้าไปพักที่โรงเตี๊ยมตามทาง ลิมชองนั้นถูกเฆี่ยนแล้วต้องเดินทาง ก็ไม่สบายเดินไม่ใคร่ได้
พอเข้าที่พักสองผู้คุมกลัวลิมชองจะหนี จึงออกอุบายจะเอาน้ำมาล้างเท้าให้ลิมชอง แต่เป็นน้ำเดือด ลิมชองถูกน้ำร้อนลวกเท้าก็พองเจ็บปวดมาก รุ่งเช้าจึงเดินทางต่อไปไม่ไหว ตังเทียวก็หาซื้อรองเท้ามาให้ใส่ ค่อยเดินกระย่องกระแย่งไปได้อีกสี่ห้าลี้ เท้าที่พองก็แตกโลหิตไหล พอดีเข้าเขตป่าเอียตือหลิมมีต้นไม้หนาแน่น จึงพากันหยุดพักใต้ต้นไม้
ผู้คุมทั้งสองก็แกล้งบอกว่าจะนอนพักแต่กลัวลิมชองจะหนี จึงเอาโซ่ร้อยมือเท้าลิมชองไว้กับต้นไม้ แล้วคว้ากระบองเตรียมจะฆ่าเสีย โดยบอกว่า
".....มิใช่เราทั้งสองคนจะฆ่าท่าน เมื่อวันจะมานั้นกอไทอวยใช้ให้เล็กเคียมมาสั่งกับเราว่า ให้พาท่านมาฆ่าเสียที่ป่านี้ ซึ่งท่านจะเดินไปอีกไม่ได้สักกี่วันก็คงจะตายไหน ๆ วันนี้เป็นวันตายของท่านแล้ว ตายเสียเถิดเราจะได้กลับไปบอกข่าวให้กอไทอวยทราบโดยเร็ว ท่านอย่า โกรธแค้นว่าเราสองคนนี้ มาทุบตีท่านให้ตายเลย....."
ลิมชองได้ฟังก็น้ำตาไหล ขอร้องว่า
"....ท่านทั้งสองกับข้าพเจ้าก็ไม่ได้วิวาทอาฆาตจองเวรกัน ท่านจงช่วยเอาชีวิตไว้ด้วย ถ้าไม่ตายคงรู้จักบุญคุณของท่านทั้งสองได้ช่วยชีวิตเราไว้ ท่านอย่าได้ทำอันตรายกับเราเลย....."
สิปาก็ว่าไม่ได้ต้องฆ่าเสียจึงจะพ้นความผิด แต่พอจะลงมือเข้าจริง หลวงจีนลูตีซิมก็โผล่ออกมาจากโคนต้นไม้ เข้าป้องกันลิมชองไว้ได้ สองผู้คุมก็ตกตลึงจังงังอยู่ ลูตีซิมจะฆ่าเสีย ลิมชองก็ห้ามไว้ ว่าเขาทำตามคำสั่งผู้เป็นนาย ไม่ทำก็ไม่ได้