ตั้งใจเขียนเพื่อเป็นกำลังใจให้คนที่มีความตั้งใจในการเปลี่ยนแปลงตัวเองจริงๆ
เจ้าของกระทู้เป็นคนมีปัญหาเรื่องน้ำหนักมาแต่เด็ก เวลาผอมก็คือ ใช้วิธีงดข้าวเย็น พอโตมาก็เริ่มมีกินยาลดความอ้วน เป็นแบบนี้มาตลอด ก็จะอ้วนๆ ผอมๆ สลับกันไป จนอายุมาเลข 3 ปลายๆ ไม่กินข้าวเย็นก็ไม่ลงแล้ว มีแต่จะขึ้นไปเรื่อยๆ น้ำหนักขึ้นจากปกติเกือบ 10 กิโล อ้วนที่สุดในชีวิต
รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว จะทำไงดี เลยลองไปสมัครฟิตเนส ตอนนั่นคือ เดือน ก.พ. 58 ก็เล่นงูๆ ปลาๆ แบบไม่มีความรู้ น้ำหนักลงได้ประมาณ 4 กิโล พอช่วงสิ้นปีก็เด้งกลับขึ้นมาอีก
จนเมื่อ เม.ษ. ปีที่แล้ว มีเทรนเนอร์ที่เขาเห็นเราชอบ คลาส Body Combat เขาเลยชวนมาเรียนท่าที่ถูกต้อง เรียนเป็นกลุ่ม 6 คน ตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ไม่น่าเชื่อ เดือนแรกน้ำหนักลงไป 5 กิโล เดือนที่ 2 อีก 5 กิโล แล้วก็ค่อยๆ ลงมาเรื่อยๆ ตามรูปนะคะ
ถ้าถามว่า ทำยังไงลงเดือนละ 5 กิโล ต้องบอกก่อนว่าไม่คิดเหมือนกันว่าจะลงขนาดนั้น แต่เล่นหนักค่ะ ช่วงแรกๆ เล่นวันละ 3-4 ชม. พอน้ำหนักเริ่มลงเราก็มีกำลังใจ เริ่มมาปรับเปลี่ยนการกิน ศึกษาหาความรู้ในเน็ตนี่แหละค่ะ หลังจาก 2 เดือนแรก ก็เริ่มลดทีละนิดไปเรื่อยๆ
จาก เม.ษ. ปีที่แล้วมาจนถึงปัจจุบัน ก็ลงมาประมาณ 14 กิโลแล้วค่ะ ไม่ได้เล่นหนักเหมือนช่วงแรกนะคะ 6 เดือนหลังก็ออกกำลังกายวันละ ชม.เป็นหลัก มากสุดก็ 2 ชม.กว่า อะไรมากไปก็ไม่ดีค่ะ ทุกอย่างต้องมีความพอดี
นี่คือภาพปัจจุบัน
อยากบอกว่าตลอดชีวิตไม่ชอบออกกำลังกายเลยค่ะ แต่ตอนนี้ติดมาก สิ่งสำคัญหาให้เจอว่าเราชอบอะไร ถ้าเจอสิ่งที่ชอบ เราจะเล่นได้ไม่เบื่อ สิ่งที่สำคัญกว่าการออกกำลังกาย คือการกินนะคะ ออกให้ตายถ้าคุณไม่มีวินัยในเรื่องอาหาร ก็ไม่มีทางเห็นผล ถามว่ากินคลีนไม๊ ไม่ถึงขนาดนั้นค่ะ แต่ถ้าทำอาหารเอง ไม่ใส่น้ำตาลค่ะ น้ำอัดลมงด ของมันของทอด กินให้น้อย
สิ่งเหล่านี้มันส่งผลต่อสุขภาพเราในอนาคตด้วยนะคะ ไม่ใช่แค่เรื่องหุ่นดี เพราะช่วงนี้ไปโรงพยาบาลกับคุณพ่อบ่อย เห็นคนป่วยเยอะ หลักๆ ที่ป่วย มาจากการกินตามใจปากทั่งนั้น ลองดูคลิปคุณหมอคนนี้ดูนะคะ
ไม่ได้ลงรายละเอียดมากนะคะ แค่อยากเป็นกำลังใจให้คนที่คิดว่า การลดน้ำหนัก การเปลี่ยนแปลงรูปร่างเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าคุณตั้งใจ มีวินัยให้ตัวเอง ทำได้แน่นอนค่ะ
การลดน้ำหนัก การมีวินัยสำคัญที่สุดนะคะ
เจ้าของกระทู้เป็นคนมีปัญหาเรื่องน้ำหนักมาแต่เด็ก เวลาผอมก็คือ ใช้วิธีงดข้าวเย็น พอโตมาก็เริ่มมีกินยาลดความอ้วน เป็นแบบนี้มาตลอด ก็จะอ้วนๆ ผอมๆ สลับกันไป จนอายุมาเลข 3 ปลายๆ ไม่กินข้าวเย็นก็ไม่ลงแล้ว มีแต่จะขึ้นไปเรื่อยๆ น้ำหนักขึ้นจากปกติเกือบ 10 กิโล อ้วนที่สุดในชีวิต
รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว จะทำไงดี เลยลองไปสมัครฟิตเนส ตอนนั่นคือ เดือน ก.พ. 58 ก็เล่นงูๆ ปลาๆ แบบไม่มีความรู้ น้ำหนักลงได้ประมาณ 4 กิโล พอช่วงสิ้นปีก็เด้งกลับขึ้นมาอีก
จนเมื่อ เม.ษ. ปีที่แล้ว มีเทรนเนอร์ที่เขาเห็นเราชอบ คลาส Body Combat เขาเลยชวนมาเรียนท่าที่ถูกต้อง เรียนเป็นกลุ่ม 6 คน ตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ไม่น่าเชื่อ เดือนแรกน้ำหนักลงไป 5 กิโล เดือนที่ 2 อีก 5 กิโล แล้วก็ค่อยๆ ลงมาเรื่อยๆ ตามรูปนะคะ
ถ้าถามว่า ทำยังไงลงเดือนละ 5 กิโล ต้องบอกก่อนว่าไม่คิดเหมือนกันว่าจะลงขนาดนั้น แต่เล่นหนักค่ะ ช่วงแรกๆ เล่นวันละ 3-4 ชม. พอน้ำหนักเริ่มลงเราก็มีกำลังใจ เริ่มมาปรับเปลี่ยนการกิน ศึกษาหาความรู้ในเน็ตนี่แหละค่ะ หลังจาก 2 เดือนแรก ก็เริ่มลดทีละนิดไปเรื่อยๆ
จาก เม.ษ. ปีที่แล้วมาจนถึงปัจจุบัน ก็ลงมาประมาณ 14 กิโลแล้วค่ะ ไม่ได้เล่นหนักเหมือนช่วงแรกนะคะ 6 เดือนหลังก็ออกกำลังกายวันละ ชม.เป็นหลัก มากสุดก็ 2 ชม.กว่า อะไรมากไปก็ไม่ดีค่ะ ทุกอย่างต้องมีความพอดี
นี่คือภาพปัจจุบัน
อยากบอกว่าตลอดชีวิตไม่ชอบออกกำลังกายเลยค่ะ แต่ตอนนี้ติดมาก สิ่งสำคัญหาให้เจอว่าเราชอบอะไร ถ้าเจอสิ่งที่ชอบ เราจะเล่นได้ไม่เบื่อ สิ่งที่สำคัญกว่าการออกกำลังกาย คือการกินนะคะ ออกให้ตายถ้าคุณไม่มีวินัยในเรื่องอาหาร ก็ไม่มีทางเห็นผล ถามว่ากินคลีนไม๊ ไม่ถึงขนาดนั้นค่ะ แต่ถ้าทำอาหารเอง ไม่ใส่น้ำตาลค่ะ น้ำอัดลมงด ของมันของทอด กินให้น้อย
สิ่งเหล่านี้มันส่งผลต่อสุขภาพเราในอนาคตด้วยนะคะ ไม่ใช่แค่เรื่องหุ่นดี เพราะช่วงนี้ไปโรงพยาบาลกับคุณพ่อบ่อย เห็นคนป่วยเยอะ หลักๆ ที่ป่วย มาจากการกินตามใจปากทั่งนั้น ลองดูคลิปคุณหมอคนนี้ดูนะคะ
ไม่ได้ลงรายละเอียดมากนะคะ แค่อยากเป็นกำลังใจให้คนที่คิดว่า การลดน้ำหนัก การเปลี่ยนแปลงรูปร่างเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าคุณตั้งใจ มีวินัยให้ตัวเอง ทำได้แน่นอนค่ะ