กระทู้นี้ ขอให้เป็นกำลังใจ และเป็นแนวทางสำหรับว่าที่เจ้าสาว ที่ต้องการลดความอ้วนเพื่อวันสำคัญของตัวเอง อย่าท้อ แค่ 2 เดือนก็ยังพอทัน ไม่มีอะไรสายถ้าเรา
“เริ่มทำตั้งแต่วันนี้”
เราเป็นผู้หญิงที่อวบๆ สูง 162 หนัก 60 แต่หุ่นเป็นลูกแพร์ คือช่วงบนเล็ก แต่ช่วงล่างใหญ่ (โดยเฉพาะ พุง ก้น และต้นขา) หลังจากที่รู้ว่าจะแต่งงานเราก็พยายามออกกำลังกายมากขึ้น เช่น ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ และวิ่ง แต่น้ำหนักก็ไม่ค่อยลด สัดส่วนมีลดลงมาบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ได้เห็นชัดเจน น้ำหนักขึ้นๆ ลงๆ และไม่ผอมซักที เวลาผ่านไปหลายเดือน พอรู้ตัวอีกทีก็..... ห๊ะ อะไรนะ เหลือเวลาอีก 3 เดือนจะถึงงานแต่งแล้ว ม๊ายยยยย พุงชั้นยังเป็นพะโล้อยู่เลย!!!
จุดเปลี่ยนสำคัญของการลดความอ้วนคือ…
แฟนเราแอบไปสมัครฟิตเนส พร้อมจ้างเทรนเนอร์ให้เสร็จสรรพ!!! ทั้งๆ ที่รู้ว่าเราแอนตี้การเล่น Fitness มาก (คือเราคิดมาตลอดว่า คนเราจะออกกำลังกาย ไม่เห็นต้องไปเสียเงินเลย วิ่งแถวบ้านก็ได้ หรือปั่นจักรยานในสวนก็ได้) แต่ตอนนั้นคือ ใกล้งานแต่งเข้ามาทุกที และประกอบกับเสียเงินไปแล้ว ก็เลยลองตั้งใจเล่น และทำตามที่เทรนเนอร์แนะนำดู
เล่ามาถึงจุดนี้ ขอย้ำว่า ไม่ได้หมายความว่าอยากผอมแล้วต้องไปสมัครฟิตเนส หรือจ้างเทรนเนอร์นะ มันอยู่ที่วินัยล้วนๆ ต่อให้สมัครฟิตเนสแต่ไม่ไปเล่นก็อ้วนอยู่ดี
นี่คือรูปวันที่ไปฟิตเนสวันแรก ยังไม่มีกางเกงฟิตเนสแบบชาวบ้านเค้า เลยเอาชุดที่ใส่วิ่งมาใช้ไปก่อน แต่จริงๆ แล้วการเข้าฟิตเนสควรใส่ขายาว เพราะต้องกางขาเยอะมาก ใส่ขาสั้นจะโป๊ได้
ส่วนนี่คือรูป Before & After ของเราเองช่วงก่อนและหลังเล่น Fitness ได้ประมาณ 2 เดือน น้ำหนักลดไป 5 กิโล สัดส่วนลดลงอย่างเห็นได้ชัด (รูป Before ถ่ายตอนกลางคืน ส่วน After ถ่ายตอนกลางวัน ตอนเพิ่งขึ้นจากสระน้ำ หน้ามันก็จะสดๆนิสนุง >_<) เอาจริงๆ เราก็ยังถือว่าอวบอยู่ อย่างว่า... สะสมมาตั้งหลายปี จะมาให้ลดให้หมดภายในเวลา 2 เดือนคงเป็นไปได้ยาก 555 แต่ก๋ยังดีกว่าพุงโลเหมือนในรูปแรกเนอะ
เข้า Fitness วันแรก เราบอกกับเทรนเนอร์เลยว่า เราต้องการลดน้ำหนักเพื่อแต่งงาน ซึ่งเทรนเนอร์ได้แนะนำแนวทางในการปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวันมา 4 ข้อ (เทรนเนอร์เราบอกว่า ลูกค้าอยู่กับเค้าแค่อาทิตย์ละ 3 วัน วันละไม่กี่ชั่วโมง นอกนั้นลูกค้าต้องมีวินัยในตัวเอง มีลูกค้าบางคนมาเทรนตามนัด ออกกำลังทุกท่าตามที่เทรนเนอร์บอก แต่พอกลับไปกินแบบเดิมๆ ใช้ชีวิตแบบเดิมๆ มันก็จะลดยาก ร่างกายแข็งแรงขึ้นก็จริง แต่สัดส่วนไม่ลด)
สรุปข้อปฏิบัติตนในชีวิตประจำวันที่เป็นประโยชน์ต่อการลดน้ำหนัก
1. ถ้าแต่เดิมเป็นคนกินของทอด ของมัน ขนมหวาน น้ำหวาน ขอให้งด และเลี่ยง
2. ห้ามงดแป้งโดยเด็ดขาด
3. ในระหว่างมื้ออาหาร อย่าปล่อยให้หิวโซ ให้หาขอว่างรองท้อง (แนะนำเป็นผลไม้ที่น้ำตาลไม่สูง)
4. พยายามเข้านอนให้ไว
* การลดน้ำหนัก 80% อยู่ที่การกิน อีก 20% อยู่ที่การออกกำลังกาย
สรุปแนวทางการออกกำลังกายใน Fitness
หลักๆ เทรนเนอร์ จะให้เราออกกำลังด้วยการ Weight Training เพื่อสร้างกล้ามเนื้อ โดยเน้นกล้ามเนื้อขา และหลัง ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อมัดใหญ่ของร่างกาย (มีสลับไปเล่นกล้ามเนื้อมัดเล็กลงมา อย่างอกและไหล่ บ้าง) เหตุผลคือ ยิ่งร่างกายมีกล้ามเนื้อมาก ก็จะใช้พลังงานมาก แปลว่ายิ่งเผาผลาญมาก ตบท้ายด้วยการเดินเร็วบนลู่วิ่งที่ปรับระดับความชัน ความเร็วประมาณ 5.5 ความชันประมาณ 11 บางอาทิตย์ก็มีสลับไปเล่นต่อยมวย ไม่ให้เบื่อเกินไป
นี่คืออาทิตย์ต่อมา เริ่มมีพัฒนาการ ซื้อกางเกงขายาวมา ดูไขมันที่ท่อนขานั่นสิ!!!
ท่าออกกำลังที่เป็นท่า King ของการลดช่วงล่างคือค่า Squat (ท่าคือ การยื่นแขนไปด้านหน้า แล้วย่อเข่าลงแล้วยืน แล้วย่อ วนไปค่ะ แต่ ต้องยืนโดยเอาปลายเท้าชิดกับเข่าชิดอะไรสักอย่าง เช่นเก้าอี้ ขอบเตียง เพื่อให้ได้ใช้กล้ามเนื้อขาอย่างเต็มที่ ทำซ้ำกันไป 15-20 ครั้งต่อเซ็ต ทำ 3-5 เซ็ตต่อวัน พักระหว่างเซ็ตด้วยค่ะ) ซึ่งเทรนเนอร์เราจัดให้เล่นทุกครั้งที่เจอ นอกจากนั้นก็จะมีท่าแพลงก์แบบต่างๆ ที่ช่วยบริหารกล้ามเนื้อแกนกลางด้วย
ความรู้เรื่องโภชนาการที่มีผลต่อการลดน้ำหนัก
1. ขนมปังโฮลหวีต เป็น คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (ผ่านการแปรรูปน้อย) พอกินเข้าไปจะย่อยช้า ร่างกายก็จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้ช้า มีกากใบ และวิตามินอยู่เยอะ
2. ทานแป้งน้อยลงได้ แต่ห้าม "งด" เพราะคาร์โบรไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของร่างกาย เทื่อเราทานแป้งเข้าไป ร่างกายจะเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาลกลูโคสเพื่อนำไปใช้ในร่างกาย ถ้าไม่กินคาร์โบรไฮเดรตเลยร่างกายจะไม่มีแรง นอกจากนี้ ร่างกายยังจะดึงกล้ามเนื้อไปเผาผลาญ จนกระทั่งกล้ามเนื้อน้อยลง เราก็จะกลับมาอ้วนเหมือนเดิม
3. หลังออกกำลังกายควรทานโปรตีน เพื่อให้ร่างกายมีสารอาหารไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
สุดท้ายก่อนจากกัน เราทำสรุปมาให้ด้วยว่า ทำไมแต่ก่อนเราถึงลดความอ้วนไม่สำเร็จ
เพื่อนๆ คนไหนที่มีอุปนิสัยแบบนี้ อาจต้องลองปรับตัวดูค่ะ
1. ไม่ใส่ใจเรื่องอาหารการกิน กินจุกจิกระหว่างวัน เคี้ยวขนมทั้งวัน ยิ่งกินยิ่งเพลิน ยิ่งติดเป็นนิสัย
แล้วเราเป็นคนชอบกินมาก ยิ่งออกกำลังกายก็จะยิ่งรู้สึกว่า ฉันออกกำลังกายแล้ว ฉันมีสิทธิ์กินอะไรก็ได้ แต่จริงๆ แล้วมันเป็นวิธีคิดที่ผิด
2. นอนดึก หิวดึก กินดึก กินเสร็จแล้วก็นอน
3. เราชอบออกกำลังกายแบบ Out door ซึ่งบางวัน ถ้าเลิกงานมืด ก็จะไม่ได้ออกกำลัง หรือวันไหนฝนตก ก็อดออกกำลังกายอีก ก็เลยกลายเป็นข้ออ้าง และทำให้ไม่ได้ออกกำลังกายจนได้
4. เป็นคนทิฐิสูง ดื้อ ไม่ฟังคนรอบข้าง เวลาแฟนเตือนเรื่องการเลือกทานอาหาร เราจะหงุดหงิด (ในใจตอนนั้นคือ จะมาบังคับอะไรกันนักหนา ถ้าจะไม่รักเพราะเราอ้วนก็เชิญเลย) ก็จบท้ายด้วยการงอน การง้อกันไป แต่จริงๆ แล้ว พอมาคุยกับแฟนทีหลังถึงได้รู้ว่า เค้าเป็นห่วงเรื่องสุขภาพเรามากกว่า ไม่อยากให้น้ำหนักเกินจนสุขภาพไม่ดี
สุดท้าย เป็นรูปจากวันงานจริงค่ะ ส่วนที่ลดไม่ทันก็ใช้ชุด และการแต่งหน้าเข้าช่วย โดยเพื่อนๆ สามารถติดตามอ่านได้จาก EP2 ซึ่งจะลงรายละเอียดในเรื่องของ เสื้อผ้า หน้าผม เจ้าสาวคนไหนที่ใกล้แต่งแล้วยังลดความอ้วนไม่ได้ห้ามพลาด เพราะการแต่งหน้าทำผมและชุดที่ดีสามารถช่วยพรางหุ่นของเรา และขับผิวให้ดูผ่องขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
Link EP2 ค่ะ :
https://ppantip.com/topic/37113808/comment11-1
รีวิว การเตรียมงานแต่งของสาวไซส์L (EP1 ทลายพุงแบบทันใจภายใน 2 เดือน)
เราเป็นผู้หญิงที่อวบๆ สูง 162 หนัก 60 แต่หุ่นเป็นลูกแพร์ คือช่วงบนเล็ก แต่ช่วงล่างใหญ่ (โดยเฉพาะ พุง ก้น และต้นขา) หลังจากที่รู้ว่าจะแต่งงานเราก็พยายามออกกำลังกายมากขึ้น เช่น ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ และวิ่ง แต่น้ำหนักก็ไม่ค่อยลด สัดส่วนมีลดลงมาบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ได้เห็นชัดเจน น้ำหนักขึ้นๆ ลงๆ และไม่ผอมซักที เวลาผ่านไปหลายเดือน พอรู้ตัวอีกทีก็..... ห๊ะ อะไรนะ เหลือเวลาอีก 3 เดือนจะถึงงานแต่งแล้ว ม๊ายยยยย พุงชั้นยังเป็นพะโล้อยู่เลย!!!
จุดเปลี่ยนสำคัญของการลดความอ้วนคือ…
แฟนเราแอบไปสมัครฟิตเนส พร้อมจ้างเทรนเนอร์ให้เสร็จสรรพ!!! ทั้งๆ ที่รู้ว่าเราแอนตี้การเล่น Fitness มาก (คือเราคิดมาตลอดว่า คนเราจะออกกำลังกาย ไม่เห็นต้องไปเสียเงินเลย วิ่งแถวบ้านก็ได้ หรือปั่นจักรยานในสวนก็ได้) แต่ตอนนั้นคือ ใกล้งานแต่งเข้ามาทุกที และประกอบกับเสียเงินไปแล้ว ก็เลยลองตั้งใจเล่น และทำตามที่เทรนเนอร์แนะนำดู
เล่ามาถึงจุดนี้ ขอย้ำว่า ไม่ได้หมายความว่าอยากผอมแล้วต้องไปสมัครฟิตเนส หรือจ้างเทรนเนอร์นะ มันอยู่ที่วินัยล้วนๆ ต่อให้สมัครฟิตเนสแต่ไม่ไปเล่นก็อ้วนอยู่ดี
นี่คือรูปวันที่ไปฟิตเนสวันแรก ยังไม่มีกางเกงฟิตเนสแบบชาวบ้านเค้า เลยเอาชุดที่ใส่วิ่งมาใช้ไปก่อน แต่จริงๆ แล้วการเข้าฟิตเนสควรใส่ขายาว เพราะต้องกางขาเยอะมาก ใส่ขาสั้นจะโป๊ได้
ส่วนนี่คือรูป Before & After ของเราเองช่วงก่อนและหลังเล่น Fitness ได้ประมาณ 2 เดือน น้ำหนักลดไป 5 กิโล สัดส่วนลดลงอย่างเห็นได้ชัด (รูป Before ถ่ายตอนกลางคืน ส่วน After ถ่ายตอนกลางวัน ตอนเพิ่งขึ้นจากสระน้ำ หน้ามันก็จะสดๆนิสนุง >_<) เอาจริงๆ เราก็ยังถือว่าอวบอยู่ อย่างว่า... สะสมมาตั้งหลายปี จะมาให้ลดให้หมดภายในเวลา 2 เดือนคงเป็นไปได้ยาก 555 แต่ก๋ยังดีกว่าพุงโลเหมือนในรูปแรกเนอะ
เข้า Fitness วันแรก เราบอกกับเทรนเนอร์เลยว่า เราต้องการลดน้ำหนักเพื่อแต่งงาน ซึ่งเทรนเนอร์ได้แนะนำแนวทางในการปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวันมา 4 ข้อ (เทรนเนอร์เราบอกว่า ลูกค้าอยู่กับเค้าแค่อาทิตย์ละ 3 วัน วันละไม่กี่ชั่วโมง นอกนั้นลูกค้าต้องมีวินัยในตัวเอง มีลูกค้าบางคนมาเทรนตามนัด ออกกำลังทุกท่าตามที่เทรนเนอร์บอก แต่พอกลับไปกินแบบเดิมๆ ใช้ชีวิตแบบเดิมๆ มันก็จะลดยาก ร่างกายแข็งแรงขึ้นก็จริง แต่สัดส่วนไม่ลด)
สรุปข้อปฏิบัติตนในชีวิตประจำวันที่เป็นประโยชน์ต่อการลดน้ำหนัก
1. ถ้าแต่เดิมเป็นคนกินของทอด ของมัน ขนมหวาน น้ำหวาน ขอให้งด และเลี่ยง
2. ห้ามงดแป้งโดยเด็ดขาด
3. ในระหว่างมื้ออาหาร อย่าปล่อยให้หิวโซ ให้หาขอว่างรองท้อง (แนะนำเป็นผลไม้ที่น้ำตาลไม่สูง)
4. พยายามเข้านอนให้ไว
* การลดน้ำหนัก 80% อยู่ที่การกิน อีก 20% อยู่ที่การออกกำลังกาย
สรุปแนวทางการออกกำลังกายใน Fitness
หลักๆ เทรนเนอร์ จะให้เราออกกำลังด้วยการ Weight Training เพื่อสร้างกล้ามเนื้อ โดยเน้นกล้ามเนื้อขา และหลัง ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อมัดใหญ่ของร่างกาย (มีสลับไปเล่นกล้ามเนื้อมัดเล็กลงมา อย่างอกและไหล่ บ้าง) เหตุผลคือ ยิ่งร่างกายมีกล้ามเนื้อมาก ก็จะใช้พลังงานมาก แปลว่ายิ่งเผาผลาญมาก ตบท้ายด้วยการเดินเร็วบนลู่วิ่งที่ปรับระดับความชัน ความเร็วประมาณ 5.5 ความชันประมาณ 11 บางอาทิตย์ก็มีสลับไปเล่นต่อยมวย ไม่ให้เบื่อเกินไป
นี่คืออาทิตย์ต่อมา เริ่มมีพัฒนาการ ซื้อกางเกงขายาวมา ดูไขมันที่ท่อนขานั่นสิ!!!
ท่าออกกำลังที่เป็นท่า King ของการลดช่วงล่างคือค่า Squat (ท่าคือ การยื่นแขนไปด้านหน้า แล้วย่อเข่าลงแล้วยืน แล้วย่อ วนไปค่ะ แต่ ต้องยืนโดยเอาปลายเท้าชิดกับเข่าชิดอะไรสักอย่าง เช่นเก้าอี้ ขอบเตียง เพื่อให้ได้ใช้กล้ามเนื้อขาอย่างเต็มที่ ทำซ้ำกันไป 15-20 ครั้งต่อเซ็ต ทำ 3-5 เซ็ตต่อวัน พักระหว่างเซ็ตด้วยค่ะ) ซึ่งเทรนเนอร์เราจัดให้เล่นทุกครั้งที่เจอ นอกจากนั้นก็จะมีท่าแพลงก์แบบต่างๆ ที่ช่วยบริหารกล้ามเนื้อแกนกลางด้วย
ความรู้เรื่องโภชนาการที่มีผลต่อการลดน้ำหนัก
1. ขนมปังโฮลหวีต เป็น คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (ผ่านการแปรรูปน้อย) พอกินเข้าไปจะย่อยช้า ร่างกายก็จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้ช้า มีกากใบ และวิตามินอยู่เยอะ
2. ทานแป้งน้อยลงได้ แต่ห้าม "งด" เพราะคาร์โบรไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของร่างกาย เทื่อเราทานแป้งเข้าไป ร่างกายจะเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาลกลูโคสเพื่อนำไปใช้ในร่างกาย ถ้าไม่กินคาร์โบรไฮเดรตเลยร่างกายจะไม่มีแรง นอกจากนี้ ร่างกายยังจะดึงกล้ามเนื้อไปเผาผลาญ จนกระทั่งกล้ามเนื้อน้อยลง เราก็จะกลับมาอ้วนเหมือนเดิม
3. หลังออกกำลังกายควรทานโปรตีน เพื่อให้ร่างกายมีสารอาหารไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
สุดท้ายก่อนจากกัน เราทำสรุปมาให้ด้วยว่า ทำไมแต่ก่อนเราถึงลดความอ้วนไม่สำเร็จ
เพื่อนๆ คนไหนที่มีอุปนิสัยแบบนี้ อาจต้องลองปรับตัวดูค่ะ
1. ไม่ใส่ใจเรื่องอาหารการกิน กินจุกจิกระหว่างวัน เคี้ยวขนมทั้งวัน ยิ่งกินยิ่งเพลิน ยิ่งติดเป็นนิสัย
แล้วเราเป็นคนชอบกินมาก ยิ่งออกกำลังกายก็จะยิ่งรู้สึกว่า ฉันออกกำลังกายแล้ว ฉันมีสิทธิ์กินอะไรก็ได้ แต่จริงๆ แล้วมันเป็นวิธีคิดที่ผิด
2. นอนดึก หิวดึก กินดึก กินเสร็จแล้วก็นอน
3. เราชอบออกกำลังกายแบบ Out door ซึ่งบางวัน ถ้าเลิกงานมืด ก็จะไม่ได้ออกกำลัง หรือวันไหนฝนตก ก็อดออกกำลังกายอีก ก็เลยกลายเป็นข้ออ้าง และทำให้ไม่ได้ออกกำลังกายจนได้
4. เป็นคนทิฐิสูง ดื้อ ไม่ฟังคนรอบข้าง เวลาแฟนเตือนเรื่องการเลือกทานอาหาร เราจะหงุดหงิด (ในใจตอนนั้นคือ จะมาบังคับอะไรกันนักหนา ถ้าจะไม่รักเพราะเราอ้วนก็เชิญเลย) ก็จบท้ายด้วยการงอน การง้อกันไป แต่จริงๆ แล้ว พอมาคุยกับแฟนทีหลังถึงได้รู้ว่า เค้าเป็นห่วงเรื่องสุขภาพเรามากกว่า ไม่อยากให้น้ำหนักเกินจนสุขภาพไม่ดี
สุดท้าย เป็นรูปจากวันงานจริงค่ะ ส่วนที่ลดไม่ทันก็ใช้ชุด และการแต่งหน้าเข้าช่วย โดยเพื่อนๆ สามารถติดตามอ่านได้จาก EP2 ซึ่งจะลงรายละเอียดในเรื่องของ เสื้อผ้า หน้าผม เจ้าสาวคนไหนที่ใกล้แต่งแล้วยังลดความอ้วนไม่ได้ห้ามพลาด เพราะการแต่งหน้าทำผมและชุดที่ดีสามารถช่วยพรางหุ่นของเรา และขับผิวให้ดูผ่องขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
Link EP2 ค่ะ : https://ppantip.com/topic/37113808/comment11-1