ขย่ม “ธรรมกาย” สะเทือนถึง “ทักษิณ”

สิ่งหนึ่งที่ปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ จากความยืดเยื้อของกรณีวัดพระธรรมกายก็คือ ความจริงที่ทุกคนสงสัยและปักใจเชื่อมาตลอดว่า วัดพระธรรมกาย กับ พรรคเพื่อไทย กลุ่มคนเสื้อแดง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความเกี่ยวโยงกัน
       
       จะเห็นว่า ในยุคของทักษิณ หรือต่อเนื่องมาถึง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่เคยแตะต้องวัดพระธรรมกายแม้แต่ครั้งเดียว หนำซ้ำยังร่วมกิจกรรมของวัดพระธรรมกายอยู่เสมอ ดังที่ปรากฏภาพมากมาย
       
       ต่างฝ่ายต่างเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน เหมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า วัดพระธรรมกายก็เป็นฐานเสียงหลักให้เวลาเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยก็คอยให้การสนับสนุนต่างๆ อย่างเต็มที่
       
       และในบรรดา “เซเลป-ศิษย์เอกธรรมกาย” มักจะมีโลโก้พรรคเพื่อไทยแปะหน้าผาก หรือมีความสนิทชิดเชื้อกับพรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดง ไล่ตั้งแต่ บรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายของ “หญิงอ้อ” คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยาของนายทักษิณ โดยเป็นที่ทราบกันดีว่า “ตระกูลดามาพงศ์” นั้นมีความผูกพันกับทั้งวัดพระธรรมกาย ตลอดจน “วัดสระเกศ” เป็นอย่างมาก
       
       “สุชาติ ธาดาธำรงเวช” อดีต รมว.ศึกษาธิการ ก็ประกาศตัวชัดเจนว่าเป็น “สาวกวัดจานบิน” ในสมัยที่เรืองอำนาจก็ใช้หน่วยงานในสังกัดสนับสนุนโครงการปฏิบัติธรรมที่วัดสระเกศ และวัดพระธรรมกาย เป็นประจำ เช่นเดียวกับ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง ในสมัยรัฐบาลทักษิณ และอดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย


นอกจากนี้ ยังมี “ลีลาวดี วัชโรบล” อดีตส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ที่เป็นลูกศิษย์ ประกาศตัวชัดเจน และตามไปช่วยสมทบอยู่สม่ำเสมอ
       
       คนพวกนี้ จัดเป็น "อัครมหาสาวก" แทบทั้งสิ้น
       
       อย่างล่าสุดก็ปรากฏชัด หลังมีรายงานว่า ในกลุ่มไลน์ของเจ้าหน้าที่ชุดข่าวความมั่นคง ตำรวจและทหาร มีการส่งรูปชายวัยกลางคน รูปร่างสูงใหญ่ สวมหมวกแก๊ปและแว่นตาดำ ระบุชื่อแซ่ว่า “เฮียสี่” ณรงค์ ผดุงศักดิ์ศรี หรือที่รู้จักกันในนาม “แดง อ่างทอง” ได้นำมวลชนประมาณ 500 คน เข้ามาอยู่ที่ตลาดคลองหลวง ตรงข้ามทางเข้าคลองแอน ทางไปประตู 5 และ 6 วัดพระธรรมกาย เพื่อมาสมทบกลุ่มลูกศิษย์วัดพระธรรมกายตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 21 ก.พ.
       
       ทั้งๆที่ไม่มีเหตุจำเป็นเลยที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะขยับเขยื้อนเข้ามาช่วยวัดพระธรรมกาย เพราะลำพังตัวเองก็ถูกเจ้าหน้าที่จ้องเขม็งอยู่แล้ว การออกมาปรากฎใน “สมรภูมิคลองหลวง” ยิ่งทำให้ข้อสงสัยนั้นมีน้ำหนักมากขึ้นถึงความเชื่อมโยง “ธรรมกาย-เสื้อแดง” ตลอดจนหนีไม่พ้นข้อหาว่าเป็น “ใบสั่งนายใหญ่” ที่ส่งทหารราบ-ทหารเลวออกมาปกป้องฐานที่มั่นสำคัญของเครือข่ายธรรมกาย
       
       เพราะหากวัดพระธรรมกายมีอันเป็นไป ฐานมวลชนของพรรคเพื่อไทยในละแวกนั้นก็สั่นสะเทือนเหมือนกัน อย่างที่รู้กัน “เมืองปทุมธานี” ถือเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม จนบางครั้งถูกเปรียบเปรยว่าเป็น “เมืองหลวงของคนเสื้อแดง” อีกเมือง มีทั้ง ส.ส. นักการเมืองท้องถิ่นของค่ายเพื่อไทยยึดหัวหาดไว้แทบจะเบ็ดเสร็จ ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องพึ่งพาบารมีของ “ธัมมชโย” ในเวลาสู้ศึกเลือกตั้งแทบทั้งสิ้น
       
       จึงถือว่าเดิมพันในศึกครั้งนี้ของ “ระบอบทักษิณ” ก็สูงไม่แพ้ตัว “ธัมมชโย” เอง เพราะถ้าวัดพระธรรมกายล่ม ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยใน จ.ปทุมธานี ก็น่าหายไปไม่น้อยทีเดียว
       
       ถึงนาทีนี้จึงค่อยๆเห็น “ลิ่วล้อระบอบทักษิณ” เปิดหน้าออกมา โดยเฉพาะมวลชนของเสื้อแดง ที่มีประสบการณ์เรื่องการก่อม็อบ-สร้างสถานการณ์รุนแรง ไม่เป็นรองใคร ซึ่งเป็นสิ่งที่วัดพระธรรมกายกำลังต้องการ ในการระดมมวลชนมาเป็ฯ “กำแพงมนุษย์” ให้มากที่สุด สร้างลำบาก-ยื้อเจ้าหน้าที่ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
       
       และน่าสนใจอยู่พอสมควรเมื่อเสื้อแดงออกมาช่วยเหลือ การชิงไหวชิงพริบกับเจ้าหน้าที่จะเข้มข้นขึ้นหรือไม่ แล้วจะมีเหตุที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้นหรือเปล่า นั่นคือ “มือที่สาม” หากจำกันได้มีสมัยที่ “ดีเอสไอ” เริ่มรุกคืบบุกธรรมกายปรากฏว่า มี “การ์ดเสื้อแดง” โผล่เข้าไปอยู่ในวัดพระธรรมกายจำนวนไม่น้อย มีการถ่ายคลิปกระจายในเครือข่ายเชิญชวนให้เข้าไปซ่องสุมกันในพื้นที่วัดด้วย
       
       น่ากลัวว่าหากสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤตขึ้นมา “โมเดลเลือด” ที่จะยกระดับสถานการณ์ให้ดูรุนแรงเกินความเป้ฯจริงจะถูกหยิบยกขึ้นมาใช้ ตามที่ใครบางคนต้องการให้เกิด เพราะถ้าเกิดความรุนแรง บาดเจ็บ ล้มตาย ฝ่ายรัฐจะซวยและงานยากขึ้น คล้ายกับที่กลุ่มคนเสื้อแดงเคยพยายามทำเมื่อสมัยการชุมนุมทางการเมือง
       
       อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ หาก “เข้าตาจน” ขึ้นมา ยิ่งหากฐานเสีย
       
       “คนแดนไกล” มีหรือจะอยู่นิ่ง.

ที่มา  http://www.manager.co.th/Weekend/ViewNews.aspx?NewsID=9600000019397
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่