สวัสดีค่ะ วันนี้จะมารีวิวการยื่นคำร้องขอวีซ่าสหรัฐอเมริกานะคะ

ซึ่งปัจจุบันการยื่นคำร้องจะทำผ่าน Online เกือบทุกขั้นตอนเลย สบายมากๆๆ
อันนี้เราขอเว้นเรื่องการกรอก DS-160 นะคะ เพราะมีคนแนะนำหลายคนแล้ว
ถ้าใครกรอก DS-160 พร้อมอัพโหลดรูปและ Submit เรียบร้อยก็เริ่มขั้นตอนตอนไปนี้ได้เลยค่ะ
(ถ้ากด Submit ฟอร์ม DS-160 อย่าลืมปริ้นใบ Confirmation ออกมานะคะ สำคัญมากๆ)

1. เข้าไปที่ http://www.ustraveldocs.com/th_th/index.html?firstTime=No
สำหรับใครที่ยังไม่เคยสร้างโพรไฟล์ ให้เลือกสร้างโพรไฟล์ก่อนนะคะ



2. กรอกรายละเอียดให้ครบถ้วนค่ะ



3. พอสมัครเสร็จ Log in เข้ามาใหม่ให้เลือก การสมัครขอวีซ่าใหม่ / นัดสัมภาษณ์วีซ่า



4. เลือกชนิดวีซ่า



5. เลือกสถานที่



6. เลือกประเภทวีซ่า ถ้าใครจะไปท่องเที่ยวเลือกอื่นๆไปก่อนนะคะ



7. เลือกวีซ่าท่องเที่ยว



8. กรอกรายละเอียดต่างๆ



9. ที่อยู่ในการจัดส่ง Passport เรากรอกเป็นภาษาอังกฤษไปค่ะ ไม่แน่ใจว่าไทยได้มั้ย



10. อันนี้ถ้าใครไปเป็นครอบครัวเลือกตรง "เพิ่มผู้สมัครที่เป็นบุตร" ได้เลยค่ะ ตรงนี้ไม่ว่าจะเป็น
พ่อ แม่ พี่น้อง ญาติแท้ๆ สามารถเอาเข้าไปใส่ได้หมดเลยนะคะ แต่ไม่แน่ใจว่าจำกัดคนรึป่าว
ของเราใส่ไป 4 คนค่ะ พอถึงเวลาสัมฯก็จะได้สัมฯด้วยกันไปเลย



11. ต่อไปก็เป็นการตอบคำถามค่ะ เลือกตอบอันที่ตรงกับเราได้เลย



12. ตรงนี้เค้าให้กรอกที่อยู่อีกรอบนะคะ



13. อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับการชำระเงินให้ดีนะคะ


14. ช่องทางการชำระเงิน


15. ไม่ว่าจะกดวิธีไหนมันจะมาโผล่หน้าเดียวกันนะคะ จากหน้านี้จะเห็นว่าใบแนะนำอันนี้ใช้ชำระเงินได้ถึงเมือไหร่
คือถ้าเราไม่ได้ปริ้นไปจ่ายวันนั้นเลย พอ Log in เข้ามาอีกวัน วันหมดอายุตรงนั้นก็จะเลื่อนออกไปให้ค่ะ
เพราะฉะนั้นพร้อมเมื่อไหร่ค่อยไปปริ้นมาจ่ายได้นะคะ



15. ใครที่เลือกไปจ่ายที่ธนาคารกรุงศรีก็ไปปริ้นใบ Pay-in ในลิงค์ด้านล่างที่เค้ามีให้เลยค่ะ



ราคาวีซ่าเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 60 ที่เราจ่ายไปคือคนละ 5,920 บาท
เมื่อเราไปชำระเงินเสร็จแล้วก็แค่รอค่ะ ว่าเงินจะตัดเข้าระบบเมื่อไหร่จะมี E-mail มาแจ้งค่ะ
ส่วนใหญ่ถ้าเป็นวันธรรมดาก็แค่ 1 วันทำการเท่านั้นแต่ถ้าใครไปจ่ายวันศุกร์เหมือนเราระบบจะไปตัดเข้าวันจันทร์เลยค่ะ
พอเงินเข้าระบบแล้วเลขใบเสร็จมันจะขึ้นให้อัตโนมัติเลยค่ะ เราก็สามารถไปเลือกวันเวลาสัมภาษณ์ได้ตามสะดวกเลย
วันสัมภาษณ์ไม่ไกลมากไม่ต้องรอเป็นเดือนเหมือนสมัยก่อน (ตรงนี้ขอไม่มีรูปนะคะเพราะวีซ่าเราทำเสร็จแล้วตอนนั้นก็ไม่ได้แคปไว้)
พอเลือกวันเวลาอะไรเรียบร้อยแล้วจะมีใบนัดให้ก็ปริ้นออกมาเลยค่ะ เป็นอันเสร็จขั้นตอนของการนัดสัมภาษณ์
*ในใบนัดจะมีบอกนะคะว่าเราควรเตรียมเอกสารอะไรไปบ้างและของอะไรบ้างที่ห้ามเอาไปค่ะ

มาถึงวันสัมภาษณ์จริง ตอนนั้นเราเลือกนัดสัมฯเป็นวันอังคารที่ 28 ก.พ. 60 ค่ะ รอบ 08:15
ไปถึงที่สถานทูตตั้งแต่ 7 โมงเช้าเลย ขั้นตอนเป็นตามนี้เลยนะคะ

1. เข้าแถวด่านแรกตรงฟุตบาทเจ้าหน้าที่จะกั้นเขตไว้ให้เรียบร้อยเลยค่ะ จะมีเจ้าหน้าที่มาดูเอกสารเราก็แจ้งชื่อกับรอบไปค่ะ
ดูแค่ใบนัดกับใบ Confirmation ของ DS-160 หน้าแรกเท่านั้น เจ้าหน้าที่จะให้เราเอาหน้าแรกของใบ Confirmation
เสียบไว้กับหน้า Passport ที่มีรูปและข้อมูลของเราอยู่ จากนั้นจะให้บัตรคิวมาคนละ 1 ใบเพื่อไปต่อคิวอีกแถว

2. เข้าแถวด่านที่สอง อันนี้จะขยับขึ้นไปตรงบันไดหน้าทางเข้าเลย จุดนี้จะมีพี่ๆรปภ.คอยเช็คสิ่งของเราก่อนเข้าไปค่ะ
ขอบอกเลยนะคะว่าเอา "กระเป๋าใบเล็ก" เข้าไปได้ค่ะ พวกกระเป๋าสะพายผู้หญิง เป้ของผู้ชายก็เห็นที่คนเอาเข้านะคะแต่ใบห้ามใหญ่มาก
และพี่ๆรปภ.ก็จะให้เราปิดโทรศัพท์มือถือและเตรียมบัตรประชาชนเพื่อใช้ฝาก ถ้าใครมีโทรศัพท์มากกว่า 1 เครื่อง
หรือว่ามี Power bank, อุปกรณ์ต้องห้ามอื่นๆและกระเป๋าที่ใหญ่เกินไป พี่เค้าจะให้เราไปฝากที่อื่นเดินไปประมาณ 100 เมตร

3. พอเข้าไปด่านในเราก็ต้องยื่นโทรศัพท์พร้อมบัตรประชาชนให้ที่จุดรับฝาก พี่เค้าจะให้ยางเกลียวที่ห้อยกุญแจกับเรามาเพื่อรับตอนออก
ส่วนพวกกระเป๋าหรือซองเอกสารต่างๆก็เอาใส่กระบะที่เค้าเตรียมไว้ให้จากนั้นเราก็ไปต่อแถวเพื่อสแกนตัวอารมณ์เดียวกับตอนสแกนขึ้นเครื่องบินเลย

4. หลังจากสแกนผ่านแล้วก็เอากระบะถือออกไปข้างนอกก่อนแล้วค่อยหยิบของออก พอออกมาแล้วจะเห็นที่นั่งรอค่ะ มีร้านกาแฟในนั้นด้วย
ตอนเราไปไม่มีจอแสดงผลว่าถึงคิวของรอบกี่โมงแล้ว ต้องคอยฟังประกาศเอาว่าถึงรอบกี่โมงแล้ว
ถ้าถึงรอบเราแล้วก็ให้เอา ใบ Confirmation หน้าแรกเสียบกับ Passport พร้อมใบนัดยื่นให้เจ้าหน้าที่ตรงห้องซ้ายมือ
(ถ้ายังไม่ถึงรอบตัวเองเจ้าหน้าที่จะให้กลับไปนั่งรอค่ะ) ของเราไปพร้อมกันสี่คน เค้าก็จะถามว่าใครเคยเข้าอเมริกาแล้วบ้าง
พอถามอะไรเสร็จเค้าจะเอาเอกสารใส่แฟ้มพลาสติกให้เรามาค่ะ ในนั้นจะมีเลข EMS มาให้เลย ให้เราจดใส่กระดาษเอาไว้เลยนะ

5. หลังจากยื่นเอกสารเสร็จก็เข้าไปด้านใน โดยเดินผ่านบันไดด้านขวาไปเมื่อเข้าไปแล้วเราต้องไปที่ช่องเลขที่ 11-15 ก่อน
จะเป็นขั้นตอนการตรวจเช็คเอกสารของเรา อันนี้ยื่นเฉพาะแฟ้มที่เจ้าหน้าที่ข้างหน้าเตรียมให้นะคะ เอกสารอะไรที่เราเตรียมไปเองยังไม่ต้อง
เค้าก็จะถามๆๆๆแล้วก็สแกนนิ้วมือค่ะ จะสแกน4นิ้ว นิ้วชี้ กลาง นาง ก้อย ด้านซ้ายก่อน แล้วก็เป็น4นิ้วด้านขวา แล้วค่อยนิ้วโป้งสองข้างค่ะ
(ตอนสแกนถ้าเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ให้เอาออกจงข้างไว้อย่างนั้นนะคะ เดี๋ยวโดนดุ 55555)

6. พอผ่านด่านตรวจเอกสารแล้วก็ไปต่อแถวช่อง 10 ค่ะ ในช่องนี้เค้าจะให้สแกน4นิ้วซ้ายอีกรอบแค่นั้นค่ะ ผ่านตรงนี้ก็ไปสัมฯจริงแล้ววว

7. ตอนสัมฯเราได้สัมฯพร้อมกันทั้งครอบครัว 4 คนเลยค่ะ (คนสัมฯจะเป็นฝรั่งหมดค่ะ พูดได้ทั้งไทยและอังกฤษ)
ครอบครัวเราโดนเป็นภาษาอังกฤษและถามไม่กี่คำถามเอง อาจจะเพราะเห็นว่าพี่ๆเราเมื่อก่อนเข้าออกอเมริกาบ่อยรึป่าวก็ไม่รู้
แถมคนสัมฯยังใจดี น่ารักมากๆๆ คำถามที่โดน
- ใครเคยไปอเมริกามาแล้วบ้าง : พี่ๆกับหลานเรา 3 คนเคยไปแล้วก็ตอบเค้าไป
- รอบนี้จะไปไหนบ้าง : พี่เราตอบแค่เมืองที่จะไปเลยไม่ได้ตอบละเอียดว่านอนที่ไหน กินอะไร ไปยังไง
จากนั้นเค้าก็มาถามเราคนเดียวที่ยังไม่เคยไป
- ทำงานอะไร
- ทำงานที่ไหน
- เคยไปเที่ยวประเทศไหนมาบ้าง
เค้าถามแค่นั้นเลย จบแล้ว บอกว่าวีซ่าผ่านแล้วรอรับได้ภายใน 1 อาทิตย์
เอกสารที่เตรียมมานี่ไม่ได้ใช้เลยยยยย รูปที่ล้างมาก็ไม่ได้ยื่นไปนะเหมือนเค้าเอาจากตอนที่เราอัพโหลดไปแล้ว

แล้วเมื่อวานวันพฤหัสที่ 2 มี.ค. 60 เราได้รับวีซ่าเรียบร้อยค่ะ ไวมากกกกกก คือ2วันเอง!!! ได้วีซ่า 10 ปีมาครองงง

***แต่ใช่ว่าทุกคนจะวีซ่าผ่านง่ายๆแบบนี้ทุกคนนะคะ***
พี่ในกลุ่มที่จะไปด้วยคนนึงต้องแยกสัมฯเพราะไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน วีซ่าเค้าไม่ผ่านเสียดายมาก
คำถามที่พี่เค้าโดน
- ทำงานอะไร
- ทำงานที่ไหน
- ทริปนี้ไปกี่วัน
- ไปกับใคร
- มีครอบครัวรึยัง
แล้วก็ขอดู statement พอดูเสร็จก็บอกว่าไม่ผ่านนน เสียใจแทนพี่เค้ามากกก เสียดายค่าวีซ่า
เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะไปสัมฯแบบไปคนเดียวหรือครอบครัวเราว่าเตรียมตัวไปให้พร้อมดีที่สุดค่ะ
เอกสารต่างๆเอาให้ครบไว้ก่อน statement ก็พยายามเดินสวยๆ เสื้อผ้าหน้าผมเอาให้พร้อมด้วย

วันนี้ก็ขออัพเดทเท่านี้แล้วกันค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่จะไปขอวีซ่าอเมริกาเร็วๆนี้นะคะ ^^
ใครสงสัยอะไรถามไว้ได้นะคะ เดี๋ยวว่างๆจะแวะมาตอบค่าา