ความเดิม
...หากค้นดูกระทู้เก่าของผม ผมไม่นึกเลยว่าจะกลายมาเป็นคนที่มีความเห็นตรงกันข้ามกับวัดพระธรรมกาย ตั้งแต่ครั้งรัฐบาลเก่าที่ให้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานออกคำสั่งให้ครูทั่วประเทศเข้าอบรมธรรมะกับวัดพระธรรมกาย ครั้งนั้นผมไม่ไปเข้าการอบรม และด้วยความแค้นใจไปเปลี่ยนบัตรประชาชนใหม่แบบไม่ระบุศาสนาเพื่อว่าหากผมถูก สพฐ. หรือหน่วยงานเหนือขึ้นไปบังคับไปอบรมกับลัทธิธรรมกายอีกจะได้แสดงหลักฐานว่าผมไม่ได้ระบุศาสนาไว้ในกฎหมาย ผมจึงกลายเป็นคนต่อต้านลัทธิธรรมกายนับตั้งแต่วันนั้นมา และแล้วจนเล่าผมก็หนีไม่พ้น ภายในปีเดียวกัน ผมเจอสาวคบเป็นแฟนกันอย่างจริงจัง หลายคนอาจมีความรู้สึกว่ากระทู้ผมเป็นกระทู้แต่งขึ้นอย่างไม่น่าเป็นจริงไปได้
ในกระทู้...
“เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย" (ตอนที่ 1)
http://ppantip.com/topic/31958312
“เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย ตอนที่ 2”
http://ppantip.com/topic/34486064
“เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย ตอนที่ 3”
http://ppantip.com/topic/34708422
“เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย ตอนที่ 4”
http://ppantip.com/topic/35066582
“เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย ตอนที่ 5”
http://ppantip.com/topic/35231836
“เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย ตอนที่ 6”
http://ppantip.com/topic/35264799
“เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย ตอนที่ 7”
https://ppantip.com/topic/35284450
__________________________________
( ในกระทู้ก่อนๆ นั้นมีผู้ติงผมว่า เป็นการไม่ให้เกียรติกับแฟนของผม ผมต้องขอขอบพระคุณที่มีการตักเตือนผมไว้ แต่ผมขอกล่าวถึงเจตนาที่อาจแสดงถึงความรักที่เป็นสิ่งเชื่อมต่อระหว่างคนสองคน คนหนึ่งพุทธดั้งเดิมกับอีกคนหนึ่งอยู่ในลัทธิที่เกิดขึ้นใหม่บนความขัดแย้งมาเป็นเวลานาน เรื่องราวระหว่างผมและแฟนต้องการสะท้อนความรู้สึกภายใน ไม่อยากให้อยู่บนความเกลียดชัง ควรเป็นท่าทีที่ต้องการรักษาพระธรรมวินัย แสดงให้เห็นถึงเนื้อหาของพุทธเถรวาทให้ชัดเจนกับอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล)
เริ่มเรื่องในตอนที่ 8
ที่จริงผมไม่อยากมาโพสอะไรช่วงนี้ เพราะเหมือนกับมาช่วยซ้ำเติม หรือมาช่วยโหมกระแสของวัดพระธรรมกาย ที่สำนักข่าวต่างๆ ก็เกาะกระแสจนข่าวอื่นๆ แทบจะมาแทรกไม่ได้ แม้แต่ในห้องศาสนาเองแห่งนี้ก็มองเห็นแต่กระทู้เกี่ยวกับวัดพระธรรมกายลายตาไปหมด แต่ด้วยเมื่อคืนนี้ไลน์กลุ่ม หรือไม่ก็กลุ่มเฟซบุ๊คของลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้จุดชนวนอะไรบางอย่างให้แฟนผม (ซึ่งแฟนผมก็อยู่ในกลุ่มนั้น)เกิดปฎิกิริยารุนแรงแบบไม่เคยเกิดมาก่อน เกิดความรู้สึกเกลียดชังต่อรัฐบาลทหาร และเกลียดชังต่อการเล่นการเมืองของฝ่ายต่อต้านวัดพระธรรมกาย แฟนผมไลน์มาระบายความอัดอั้นยาวแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
ผมว่าแล้วว่าวันนี้สิ่งที่จะเกิดกับแฟนผมต้องมาถึง เพราะสมัยสักหกเจ็ดปีที่แล้วเธอเป็นถึงอาสาสมัครหาคนมาบวชที่วัดพระธรรมกาย ตลอดจนเธอเองก็เคยมานุ่งขาวห่มขาวถือศิลที่วัดพระธรรมกายเป็นปี ผมเองพยายายามอธิบายอะไรอย่างระมัดระวังไม่ให้เกิดเป็นฝักฝ่าย
ประเด็นแรกที่แฟนผมถูกจุดขึ้นมาก็คือ วัดดังๆ ต่างๆ ที่ละเมิดพระธรรมวินัย เช่น ทำของขลัง ปลุกเสก ทำพิธีกรรม บิดเบือนคำสอน ตั้งเยอะตั้งแยะทำไมไม่มีใครร้องเรียนต้องมาเจาะจงวัดพระธรรมกาย เข้าใจว่าเป็นเรื่องการเมืองล้วนๆ
ผมพยายามอธิบายว่า ให้มองไปที่คนๆ เดียวก่อน เดี๋ยวจะตกเป็นเหยื่อของความขัดแย้ง ตกเป็นเหยื่อของคนคิดยุทธวิธีที่โยงใยทำให้เกิดความคับข้องใจ เกิดความขัดแย้ง ถ้ามองยุทธวิธีออกจะรู้ว่าคนคิดจะเล่นอะไร แต่คนส่วนใหญ่จะมองไม่ออกหรอกว่ามีใครเล่นอะไรกัน ซื่อๆ และตกเป็นเหยื่อของคนวางแผน เขาพยายามโยงใยให้เกิดสงครามม๊อบ จนถึงสงครามกลางเมือง จะตกเป็นเหยื่อเขา เอาธรรมเป็นหลักแล้วมองใหม่
ประเด็นที่สอง “หลวงพ่อพุทธอิสระ” หัวหน้าม๊อบครั้งนั้น ถูกโยงใยว่าเป็นคนของรัฐบาลที่ทำอะไรก็ไม่ผิด (ผมไม่ได้เข้าข้างหลวงพ่อพุทธอิสระ และไม่ได้ศรัทธา)
ผมพยายามอธิบายว่า เขาก็อ้างว่าเขามอบตัวสู้คดี ไม่หลบหนี (ผมเน้นกับเธอว่าไม่ได้เข้าข้างหลวงพ่อพุทธอิสระ) จุดนี้เธอก็ตอบรับ ผมอธิบายต่อว่า จะเป็นฝ่ายเหลืองฝ่ายแดงติดคุกพอกันศาลไม่ได้เลือกข้าง และอธิบายต่อว่า หากจะพูดถึงเล่นการเมือง ทางวัดพระธรรมกายก็เล่นมานานแล้วตั้งแต่ มีเรื่องคราวนั้น (ราว2542 เป็นต้นมา) และรัฐบาลยุคก่อน (ที่จริงผมเรียกชื่อนายกสมัยรัฐบาลนั้น) เกิดเหตุการณ์ที่อัยการถอนฟ้องคดีของหลวงพ่อหลายคดีหลุดหมด ซึ่งคนยังคาใจกัน ผมเน้นอีกครั้งให้เธอเอาธรรมนำก่อน เดี๋ยวจะตกเป็นเหยื่อของความขัดแย้ง
ผมเปิดประเด็นเองว่า หลายอย่างหลวงพ่อไม่ยอมออกมาเคลียร์ เหตุการณ์จึงวุ่นวาย ถ้าไม่อยากถูกบังคับกฎหมาย ก็มีอยู่สองอย่าง ตั้งรัฐอิสระแบบนครวาติกัน อย่างที่สองดึงแนวร่วมฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเพื่อล้มรัฐบาล เพราะคนวางแผนอาจจะพยายามขยายความขัดแย้งไปสู่สงครามกลางเมือง เพราะพรรคที่สนับสนุนวัดจะกลับมา มันเป็นยุทธวิธีที่เขาใช้กัน
เธอตอบมาแบบได้สติว่า(ผมชื้นใจขึ้นมาหน่อย) “จริงๆ ไม่ได้เป็นห่วงหลวงพ่อ เพราะถ้ามีคุณวิเศษจริงก็คงเอาตัวรอดได้ แต่ถ้าหากสิ้นสุดความเป็นพระตามที่พระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช(องค์ก่อน) เขาก็ไม่สมควรอยู่ให้ญาติโยมงมงายหรอก”
ผมตอบว่า “ดีแล้วที่เอาธรรมนำก่อน”
เธอเปิดประเด็นใหม่ว่า “เบื่อวิธีบุกค้นวัด คนชั่วแฝงตัวหาช่องทางทำลายวัด”
ผมตอบว่า “ไม่ได้เข้าข้างทหาร ฝ่ายเสนาธิการของวัดก็บิ๊กๆ นะ” ผมเอ่ยชื่อคนวางแผนรบให้วัดพระธรรมกาย(แต่ไม่ขอเอ่ยนามในนี้) มีผลงานวางแผนรบกับรัฐบาลยุคก่อนๆ มาแล้ว คนๆ นี้ก็พยายามหาเรื่องให้ฝ่ายรัฐบาลทหารเพลี่ยงพล้ำ (ผมเล่าเหตุการณ์ม๊อบประทะรัฐบาลในสมัยหนึ่งให้เธอฟัง)
เธอเปิดประเด็นว่า ตอนแรกก็มองว่ารัฐบาลทหารดี แต่ตอนนี้ชักแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา คงจะได้มีคนตายกันบ้าง (ช่วงที่คุยกันข่าวออกแล้วว่าลุงปีนเสาตายแล้ว)
ผมตอบว่า “มันแหงอยู่แล้ว” จากนั้นผมก็เล่าเหตุการณ์ของม๊อบต่อต้านรัฐบาลต้องการสร้างเหตุ เพื่อโยนผิด ความไม่ชอบธรรมให้รัฐบาล ในเหตุการณ์ที่ผ่านมา การทำให้มีคนตายเป็นยุทธวิธีหนึ่งของเขา
เธอขอตัวนอน
ผมสรุปว่า “ธรรมชาติของอธรรม ย่อมทำลายตัวเอง ถ้าหลวงพ่อประพฤติอธรรมจริงตามที่มีคดี หรือข้อกล่าวหาเยอะแยะไปหมด ย่อมทำลายตัวเอง แต่ถ้ารัฐบาลประพฤติอธรรม ไปใส่ร้ายพระ แกล้งพระ ก็ทำลายตัวเองเช่นกัน อย่าตกเป็นเหยื่อเขา ”
หลังจากนี้ ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรกับกลุ่มไลน์ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายขึ้นอีกในเหตุการณ์ข้างหน้า คืนที่ผ่านมาผมนอนแทบไม่ไหลับ วิตกกังวลทั้งคืนจนถึงขณะนี้ จะมียุทธการ ยุทธวิธีอะไรตามมาอีก ผมพอประเมินคร่าวๆ แล้วว่า กลุ่มไลน์สามารถทำให้แฟนผมขึ้นได้มาถึงระดับนี้ ปฏิบัติการทางจิตวิทยา ยุทธวิธีของทางวัดในการโยงใยยกระดับความขัดแย้ง ให้เกลียดชังรัฐบาลทหาร หลังจากนี้ไปไม่ธรรมดาแน่ครับ ผมจะให้สติกับแฟนผมได้นานแค่ไหนผมชักไม่มั่นใจ
——————————————————————————
กราบนมัสการ พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
หลวงพ่อครับวิสัยของพระผู้บำเพ็ญพระโพธิสัตว์ ผู้ที่จะไปเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคต ย่อมมีวิสัยกล้าหาญนำหน้า จะมีแต่จะรักสรรพสัตว์ ออกหน้าบริวารลูกน้อง ตายแทนบริวารลูกน้อง ให้สติต่อบริวารลูกน้อง ท่านคงผ่านการอ่านพระไตรปิฎกมาอย่างโชกโชนแล้วย่อมเห็นวิสัยของหน่อพุทธะ หรือผู้ปรารถนาพุทธภูมิย่อมเป็นไปแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นหลวงพ่อเป็นต้นธาตุต้นธรรม จะไปเป็นพระพุทธเจ้าภาคปราบยิ่งใหญ่กว่าภาคโปรดหลายเท่าตัวนักตามที่หลวงพ่อแสดงธรรมมาอย่างชัดเจนและมีหลักฐาน เมื่อยิ่งใหญ่กว่าพระพุทธเจ้าธรรมดา หรือภาคโปรด ความกล้าหาญย่อมต้องมีมากกว่าแบบเทียบไม่ได้ หาปริมาณไม่ได้ อย่าให้สรรพสัตว์จำนวนมากต้องทรมาน บาดเจ็บ ล้มเจ็บ หรือตายไปมากว่านี้เลยครับ สงสารคนแก่ เด็ก พระ ญาติโยม ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ ฯลฯ ที่ต้องมาลำบากเพราะท่าน ท่านปล่อยให้สรรพสัตว์มีการวางแผนล้มล้างจองเวรกันเอง ผมว่าคงจะไม่ใช่วิสัยของท่าน วิสัยของพุทธะ (ภาคปราบ) น่าจะมีมหาเมตตาธิคุณอันยิ่งใหญ่ต่อสรรพสัตว์ด้วยซ้ำไป
กราบนิมนต์หลวงพ่อออกมาเถอะครับ ออกมาสู้คดี อย่างอาจหาญ ใช้เมตตาธิคุณและปกป้องสรรพสัตว์อย่าให้เดือดร้อนซึ่งเป็นวิสัยของหน่อพุทธะทุกคนเป็นแบบนี้ วิสัยของหน่อพุทธะอย่าว่าแต่ถูกถอดจีวรเลย ความตายยังไม่กลัวเลย ซึ่งมีมาแล้วในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ครั้งยังบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ แต่ที่ผ่านมาจนถึงเวลานี้ สรรพสัตว์มีแต่มาทุกข์ มาลำบากเพราะหลวงพ่อคนเดียว จึงผิดวิสัยเป็นอย่างมากและกลับไปคนละทางด้วยซ้ำ อย่าให้สรรพสัตว์ที่เป็นบริวารของท่าน เรียกท่านว่า “คนลวงโลก” เลยครับ เพราะไม่มีพระโพธิสัตว์องค์ไหนที่จะเดินบนคราบน้ำตา หรือคราบเลือดของสรรพสัตว์
เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย ตอนที่ 8
...หากค้นดูกระทู้เก่าของผม ผมไม่นึกเลยว่าจะกลายมาเป็นคนที่มีความเห็นตรงกันข้ามกับวัดพระธรรมกาย ตั้งแต่ครั้งรัฐบาลเก่าที่ให้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานออกคำสั่งให้ครูทั่วประเทศเข้าอบรมธรรมะกับวัดพระธรรมกาย ครั้งนั้นผมไม่ไปเข้าการอบรม และด้วยความแค้นใจไปเปลี่ยนบัตรประชาชนใหม่แบบไม่ระบุศาสนาเพื่อว่าหากผมถูก สพฐ. หรือหน่วยงานเหนือขึ้นไปบังคับไปอบรมกับลัทธิธรรมกายอีกจะได้แสดงหลักฐานว่าผมไม่ได้ระบุศาสนาไว้ในกฎหมาย ผมจึงกลายเป็นคนต่อต้านลัทธิธรรมกายนับตั้งแต่วันนั้นมา และแล้วจนเล่าผมก็หนีไม่พ้น ภายในปีเดียวกัน ผมเจอสาวคบเป็นแฟนกันอย่างจริงจัง หลายคนอาจมีความรู้สึกว่ากระทู้ผมเป็นกระทู้แต่งขึ้นอย่างไม่น่าเป็นจริงไปได้
ในกระทู้...
“เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย" (ตอนที่ 1)
http://ppantip.com/topic/31958312
“เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย ตอนที่ 2”
http://ppantip.com/topic/34486064
“เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย ตอนที่ 3”
http://ppantip.com/topic/34708422
“เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย ตอนที่ 4”
http://ppantip.com/topic/35066582
“เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย ตอนที่ 5”
http://ppantip.com/topic/35231836
“เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย ตอนที่ 6”
http://ppantip.com/topic/35264799
“เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย ตอนที่ 7”
https://ppantip.com/topic/35284450
__________________________________
( ในกระทู้ก่อนๆ นั้นมีผู้ติงผมว่า เป็นการไม่ให้เกียรติกับแฟนของผม ผมต้องขอขอบพระคุณที่มีการตักเตือนผมไว้ แต่ผมขอกล่าวถึงเจตนาที่อาจแสดงถึงความรักที่เป็นสิ่งเชื่อมต่อระหว่างคนสองคน คนหนึ่งพุทธดั้งเดิมกับอีกคนหนึ่งอยู่ในลัทธิที่เกิดขึ้นใหม่บนความขัดแย้งมาเป็นเวลานาน เรื่องราวระหว่างผมและแฟนต้องการสะท้อนความรู้สึกภายใน ไม่อยากให้อยู่บนความเกลียดชัง ควรเป็นท่าทีที่ต้องการรักษาพระธรรมวินัย แสดงให้เห็นถึงเนื้อหาของพุทธเถรวาทให้ชัดเจนกับอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล)
ที่จริงผมไม่อยากมาโพสอะไรช่วงนี้ เพราะเหมือนกับมาช่วยซ้ำเติม หรือมาช่วยโหมกระแสของวัดพระธรรมกาย ที่สำนักข่าวต่างๆ ก็เกาะกระแสจนข่าวอื่นๆ แทบจะมาแทรกไม่ได้ แม้แต่ในห้องศาสนาเองแห่งนี้ก็มองเห็นแต่กระทู้เกี่ยวกับวัดพระธรรมกายลายตาไปหมด แต่ด้วยเมื่อคืนนี้ไลน์กลุ่ม หรือไม่ก็กลุ่มเฟซบุ๊คของลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้จุดชนวนอะไรบางอย่างให้แฟนผม (ซึ่งแฟนผมก็อยู่ในกลุ่มนั้น)เกิดปฎิกิริยารุนแรงแบบไม่เคยเกิดมาก่อน เกิดความรู้สึกเกลียดชังต่อรัฐบาลทหาร และเกลียดชังต่อการเล่นการเมืองของฝ่ายต่อต้านวัดพระธรรมกาย แฟนผมไลน์มาระบายความอัดอั้นยาวแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
ผมว่าแล้วว่าวันนี้สิ่งที่จะเกิดกับแฟนผมต้องมาถึง เพราะสมัยสักหกเจ็ดปีที่แล้วเธอเป็นถึงอาสาสมัครหาคนมาบวชที่วัดพระธรรมกาย ตลอดจนเธอเองก็เคยมานุ่งขาวห่มขาวถือศิลที่วัดพระธรรมกายเป็นปี ผมเองพยายายามอธิบายอะไรอย่างระมัดระวังไม่ให้เกิดเป็นฝักฝ่าย
ประเด็นแรกที่แฟนผมถูกจุดขึ้นมาก็คือ วัดดังๆ ต่างๆ ที่ละเมิดพระธรรมวินัย เช่น ทำของขลัง ปลุกเสก ทำพิธีกรรม บิดเบือนคำสอน ตั้งเยอะตั้งแยะทำไมไม่มีใครร้องเรียนต้องมาเจาะจงวัดพระธรรมกาย เข้าใจว่าเป็นเรื่องการเมืองล้วนๆ
ผมพยายามอธิบายว่า ให้มองไปที่คนๆ เดียวก่อน เดี๋ยวจะตกเป็นเหยื่อของความขัดแย้ง ตกเป็นเหยื่อของคนคิดยุทธวิธีที่โยงใยทำให้เกิดความคับข้องใจ เกิดความขัดแย้ง ถ้ามองยุทธวิธีออกจะรู้ว่าคนคิดจะเล่นอะไร แต่คนส่วนใหญ่จะมองไม่ออกหรอกว่ามีใครเล่นอะไรกัน ซื่อๆ และตกเป็นเหยื่อของคนวางแผน เขาพยายามโยงใยให้เกิดสงครามม๊อบ จนถึงสงครามกลางเมือง จะตกเป็นเหยื่อเขา เอาธรรมเป็นหลักแล้วมองใหม่
ประเด็นที่สอง “หลวงพ่อพุทธอิสระ” หัวหน้าม๊อบครั้งนั้น ถูกโยงใยว่าเป็นคนของรัฐบาลที่ทำอะไรก็ไม่ผิด (ผมไม่ได้เข้าข้างหลวงพ่อพุทธอิสระ และไม่ได้ศรัทธา)
ผมพยายามอธิบายว่า เขาก็อ้างว่าเขามอบตัวสู้คดี ไม่หลบหนี (ผมเน้นกับเธอว่าไม่ได้เข้าข้างหลวงพ่อพุทธอิสระ) จุดนี้เธอก็ตอบรับ ผมอธิบายต่อว่า จะเป็นฝ่ายเหลืองฝ่ายแดงติดคุกพอกันศาลไม่ได้เลือกข้าง และอธิบายต่อว่า หากจะพูดถึงเล่นการเมือง ทางวัดพระธรรมกายก็เล่นมานานแล้วตั้งแต่ มีเรื่องคราวนั้น (ราว2542 เป็นต้นมา) และรัฐบาลยุคก่อน (ที่จริงผมเรียกชื่อนายกสมัยรัฐบาลนั้น) เกิดเหตุการณ์ที่อัยการถอนฟ้องคดีของหลวงพ่อหลายคดีหลุดหมด ซึ่งคนยังคาใจกัน ผมเน้นอีกครั้งให้เธอเอาธรรมนำก่อน เดี๋ยวจะตกเป็นเหยื่อของความขัดแย้ง
ผมเปิดประเด็นเองว่า หลายอย่างหลวงพ่อไม่ยอมออกมาเคลียร์ เหตุการณ์จึงวุ่นวาย ถ้าไม่อยากถูกบังคับกฎหมาย ก็มีอยู่สองอย่าง ตั้งรัฐอิสระแบบนครวาติกัน อย่างที่สองดึงแนวร่วมฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเพื่อล้มรัฐบาล เพราะคนวางแผนอาจจะพยายามขยายความขัดแย้งไปสู่สงครามกลางเมือง เพราะพรรคที่สนับสนุนวัดจะกลับมา มันเป็นยุทธวิธีที่เขาใช้กัน
เธอตอบมาแบบได้สติว่า(ผมชื้นใจขึ้นมาหน่อย) “จริงๆ ไม่ได้เป็นห่วงหลวงพ่อ เพราะถ้ามีคุณวิเศษจริงก็คงเอาตัวรอดได้ แต่ถ้าหากสิ้นสุดความเป็นพระตามที่พระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช(องค์ก่อน) เขาก็ไม่สมควรอยู่ให้ญาติโยมงมงายหรอก”
ผมตอบว่า “ดีแล้วที่เอาธรรมนำก่อน”
เธอเปิดประเด็นใหม่ว่า “เบื่อวิธีบุกค้นวัด คนชั่วแฝงตัวหาช่องทางทำลายวัด”
ผมตอบว่า “ไม่ได้เข้าข้างทหาร ฝ่ายเสนาธิการของวัดก็บิ๊กๆ นะ” ผมเอ่ยชื่อคนวางแผนรบให้วัดพระธรรมกาย(แต่ไม่ขอเอ่ยนามในนี้) มีผลงานวางแผนรบกับรัฐบาลยุคก่อนๆ มาแล้ว คนๆ นี้ก็พยายามหาเรื่องให้ฝ่ายรัฐบาลทหารเพลี่ยงพล้ำ (ผมเล่าเหตุการณ์ม๊อบประทะรัฐบาลในสมัยหนึ่งให้เธอฟัง)
เธอเปิดประเด็นว่า ตอนแรกก็มองว่ารัฐบาลทหารดี แต่ตอนนี้ชักแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา คงจะได้มีคนตายกันบ้าง (ช่วงที่คุยกันข่าวออกแล้วว่าลุงปีนเสาตายแล้ว)
ผมตอบว่า “มันแหงอยู่แล้ว” จากนั้นผมก็เล่าเหตุการณ์ของม๊อบต่อต้านรัฐบาลต้องการสร้างเหตุ เพื่อโยนผิด ความไม่ชอบธรรมให้รัฐบาล ในเหตุการณ์ที่ผ่านมา การทำให้มีคนตายเป็นยุทธวิธีหนึ่งของเขา
เธอขอตัวนอน
ผมสรุปว่า “ธรรมชาติของอธรรม ย่อมทำลายตัวเอง ถ้าหลวงพ่อประพฤติอธรรมจริงตามที่มีคดี หรือข้อกล่าวหาเยอะแยะไปหมด ย่อมทำลายตัวเอง แต่ถ้ารัฐบาลประพฤติอธรรม ไปใส่ร้ายพระ แกล้งพระ ก็ทำลายตัวเองเช่นกัน อย่าตกเป็นเหยื่อเขา ”
หลังจากนี้ ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรกับกลุ่มไลน์ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายขึ้นอีกในเหตุการณ์ข้างหน้า คืนที่ผ่านมาผมนอนแทบไม่ไหลับ วิตกกังวลทั้งคืนจนถึงขณะนี้ จะมียุทธการ ยุทธวิธีอะไรตามมาอีก ผมพอประเมินคร่าวๆ แล้วว่า กลุ่มไลน์สามารถทำให้แฟนผมขึ้นได้มาถึงระดับนี้ ปฏิบัติการทางจิตวิทยา ยุทธวิธีของทางวัดในการโยงใยยกระดับความขัดแย้ง ให้เกลียดชังรัฐบาลทหาร หลังจากนี้ไปไม่ธรรมดาแน่ครับ ผมจะให้สติกับแฟนผมได้นานแค่ไหนผมชักไม่มั่นใจ
——————————————————————————
กราบนมัสการ พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
หลวงพ่อครับวิสัยของพระผู้บำเพ็ญพระโพธิสัตว์ ผู้ที่จะไปเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคต ย่อมมีวิสัยกล้าหาญนำหน้า จะมีแต่จะรักสรรพสัตว์ ออกหน้าบริวารลูกน้อง ตายแทนบริวารลูกน้อง ให้สติต่อบริวารลูกน้อง ท่านคงผ่านการอ่านพระไตรปิฎกมาอย่างโชกโชนแล้วย่อมเห็นวิสัยของหน่อพุทธะ หรือผู้ปรารถนาพุทธภูมิย่อมเป็นไปแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นหลวงพ่อเป็นต้นธาตุต้นธรรม จะไปเป็นพระพุทธเจ้าภาคปราบยิ่งใหญ่กว่าภาคโปรดหลายเท่าตัวนักตามที่หลวงพ่อแสดงธรรมมาอย่างชัดเจนและมีหลักฐาน เมื่อยิ่งใหญ่กว่าพระพุทธเจ้าธรรมดา หรือภาคโปรด ความกล้าหาญย่อมต้องมีมากกว่าแบบเทียบไม่ได้ หาปริมาณไม่ได้ อย่าให้สรรพสัตว์จำนวนมากต้องทรมาน บาดเจ็บ ล้มเจ็บ หรือตายไปมากว่านี้เลยครับ สงสารคนแก่ เด็ก พระ ญาติโยม ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ ฯลฯ ที่ต้องมาลำบากเพราะท่าน ท่านปล่อยให้สรรพสัตว์มีการวางแผนล้มล้างจองเวรกันเอง ผมว่าคงจะไม่ใช่วิสัยของท่าน วิสัยของพุทธะ (ภาคปราบ) น่าจะมีมหาเมตตาธิคุณอันยิ่งใหญ่ต่อสรรพสัตว์ด้วยซ้ำไป
กราบนิมนต์หลวงพ่อออกมาเถอะครับ ออกมาสู้คดี อย่างอาจหาญ ใช้เมตตาธิคุณและปกป้องสรรพสัตว์อย่าให้เดือดร้อนซึ่งเป็นวิสัยของหน่อพุทธะทุกคนเป็นแบบนี้ วิสัยของหน่อพุทธะอย่าว่าแต่ถูกถอดจีวรเลย ความตายยังไม่กลัวเลย ซึ่งมีมาแล้วในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ครั้งยังบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ แต่ที่ผ่านมาจนถึงเวลานี้ สรรพสัตว์มีแต่มาทุกข์ มาลำบากเพราะหลวงพ่อคนเดียว จึงผิดวิสัยเป็นอย่างมากและกลับไปคนละทางด้วยซ้ำ อย่าให้สรรพสัตว์ที่เป็นบริวารของท่าน เรียกท่านว่า “คนลวงโลก” เลยครับ เพราะไม่มีพระโพธิสัตว์องค์ไหนที่จะเดินบนคราบน้ำตา หรือคราบเลือดของสรรพสัตว์