ความเดิม
...หากค้นดูกระทู้เก่าของผม ผมไม่นึกเลยว่าจะกลายมาเป็นคนที่มีความเห็นตรงกันข้ามกับวัดพระธรรมกาย ตั้งแต่ครั้งรัฐบาลเก่าที่ให้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานออกคำสั่งให้ครูทั่วประเทศเข้าอบรมธรรมะกับวัดพระธรรมกาย ครั้งนั้นผมไม่ไปเข้าการอบรม และด้วยความแค้นใจไปเปลี่ยนบัตรประชาชนใหม่แบบไม่ระบุศาสนาเพื่อว่าหากผมถูก สพฐ. หรือหน่วยงานเหนือขึ้นไปบังคับไปอบรมกับลัทธิธรรมกายอีกจะได้แสดงหลักฐานว่าผมไม่ได้ระบุศาสนาไว้ในกฎหมาย ผมจึงกลายเป็นคนต่อต้านลัทธิธรรมกายนับตั้งแต่วันนั้นมา และแล้วจนเล่าผมก็หนีไม่พ้น ภายในปีเดียวกัน ผมเจอสาวคบเป็นแฟนกันอย่างจริงจัง หลายคนอาจมีความรู้สึกว่ากระทู้ผมเป็นกระทู้แต่งขึ้นอย่างไม่น่าเป็นจริงไปได้
ในกระทู้...
“เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย" (ตอนที่ 1)
http://ppantip.com/topic/31958312
“เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย ตอนที่ 2”
http://ppantip.com/topic/34486064
“เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย ตอนที่ 3”
http://ppantip.com/topic/34708422
“เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย ตอนที่ 4”
http://ppantip.com/topic/35066582
“เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย ตอนที่ 5”
http://ppantip.com/topic/35231836
“เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย ตอนที่ 6”
http://ppantip.com/topic/35264799
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
( ในกระทู้ก่อนๆ นั้นมีผู้ติงผมว่า เป็นการไม่ให้เกียรติกับแฟนของผม ผมต้องขอขอบพระคุณที่มีการตักเตือนผมไว้ แต่ผมขอกล่าวถึงเจตนาที่อาจแสดงถึงความรักที่เป็นสิ่งเชื่อมต่อระหว่างคนสองคน คนหนึ่งพุทธดั้งเดิมกับอีกคนหนึ่งอยู่ในลัทธิที่เกิดขึ้นใหม่บนความขัดแย้งมาเป็นเวลานาน เรื่องราวระหว่างผมและแฟนต้องการสะท้อนความรู้สึกภายใน ไม่อยากให้อยู่บนความเกลียดชัง ควรเป็นท่าทีที่ต้องการรักษาพระธรรมวินัย แสดงให้เห็นถึงเนื้อหาของพุทธเถรวาทให้ชัดเจนกับอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล)
...คืนวันที่ 15 มิถุนายน 2559 แฟนผมมีอาการไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด ครั้งนี้เธอถึงกับบ่นให้ฟังเรื่องการถูกดำเนินคดีกับหลวงพ่อ ด้วยความที่ผมไม่ค่อยรู้เรื่องกฎหมาย และชั้นเชิงทางการเมืองจึงเกิดความรู้สึกที่อธิบายได้ยาก ผมเพียงแค่บอกว่า ให้อ่านสำนวนคดีฟอกเงินและรับของโจร เธอใช้มือถือเปิดดูซักพัก เธอบอกว่าหลายหน้าอ่านไม่ไหว ผมจึงสรุปสำนวนคดีให้ฟังแบบคร่าวๆ ทำนองว่ามีการซัดทอดไปถึงหลวงพ่อว่าเป็นผู้บงการ และปลอบเธอว่า "จะกังวลอะไรมาก หากหลวงพ่อบริสุทธิ์ก็รอด แต่ถ้าหลวงพ่อทำจริงก็ต้องรับผลกรรม"
...ในวันนี้ (15 มิ.ย.) พี่ชายของแฟนผมมารับแม่ (ซึ่งปกติจะอยู่กับแฟนผม) ของเขาไปค้างที่ต่างจังหวัดๆ หนึ่ง ซึ่งพี่ชายเขาทำงานอยู่ ผมนึกในใจเกรงว่าพี่ชายของแฟนผมจะพาแม่ไปวัดพระธรรมกายเพื่อไปเป็นโล่ห์มนุษย์ในวันรุ่งขึ้น ที่เป็นห่วงเพราะแม่แฟนยิ่งสุขภาพไม่ค่อยดี แม้แต่ผมเองยังเคยพาไปหาหมอบ่อยๆ ภาวนาว่าอย่าให้เป็นแบบนั้น
...ผมนึกในใจว่า สิ่งที่แฟนผมพูดทำนองว่าหลวงพ่อไม่ได้รับความยุติธรรม ทำไมช่างคล้ายกับที่นักข่าวสัมภาษณ์ลูกศิษย์คนอื่นๆ เหลือเกิน แต่ผมก็มองว่ากลุ่มของลูกศิษย์อาจมีอยู่หลายกลุ่มด้วยกัน คือกลุ่มแรกคือกลุ่มศิษย์ที่มีจิตใจซื่อๆ จัดว่ามีจิตใจที่ดี หากศรัทธาแล้วว่ายังไงก็เชื่อ หรือสั่งอะไรก็ทำ กลุ่มที่สองคือกลุ่มที่เป็นผู้กำหนด ควบคุม ชี้ทิศทางการเคลื่อนไหวให้กับกลุ่มที่หนึ่งรวมทั้งผู้สั่งการใหญ่ ฯลฯ สำหรับแฟนผมแล้วผมสงสารแฟนผมมากอย่างจับจิตจับใจเพราะเธออยู่ในลูกศิษย์กลุ่มแรก
...ช่วงนี้ผมไม่ค่อยสบายใจเพราะกลัวว่าเธอจะตะเลิดเปิดเปิงไปวัดพระธรรมกาย และยังนึกต่อว่าหากเธอไปจริงๆ ผมจะทำอย่างไร จะไปกับเธอไหม เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ตลอดเวลาเธอจะได้รับข่าวสารจากกลุ่มไลน์ และกลุ่มเฟซลูกศิษย์ด้วยกัน ยิ่งช่วงมีเหตุการณ์สำคัญในช่วงนี้เหมือนว่าเธอจะมีคำถามมาบ่นหรือเปรยๆ กับผมบ่อยๆ ผมรู้ว่าเธอไม่ค่อยสบายใจเรื่องหลวงพ่อของเธอ ผมติดตามดูข่าวผมรู้สึกเห็นใจกับศิษย์กลุ่มแรกมากๆ แต่ผมคงเกิดความรู้สึกถึงเกลียดชังหนักๆ กับศิษย์กลุ่มที่สองและผู้สั่งการใหญ่แน่ๆ หากแฟนผมต้องไปเป็นโล่ห์มนุษย์ตามที่เขาต้องการ แม้เขาจะปฏิเสธมาตลอดว่าเขาไม่ได้สร้างโล่ห์มนุษย์
...แต่นับตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2559 สังคมก็มองออกแล้วว่าพวกเขา (ศิษย์กลุ่มที่สอง) พูดอย่างหนึ่งแต่ทำอีกอย่าง
...ครั้งนี้แฟนผมไม่ได้ไป แต่ครั้งหน้าผมไม่มั่นใจ
...ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า "ความศรัทธา กับ ความลุ่มหลง บางทีมันก็เหมือนเป็นเส้นบางๆ ที่แยกกันออกยาก"
เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย ตอนที่ 7
...หากค้นดูกระทู้เก่าของผม ผมไม่นึกเลยว่าจะกลายมาเป็นคนที่มีความเห็นตรงกันข้ามกับวัดพระธรรมกาย ตั้งแต่ครั้งรัฐบาลเก่าที่ให้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานออกคำสั่งให้ครูทั่วประเทศเข้าอบรมธรรมะกับวัดพระธรรมกาย ครั้งนั้นผมไม่ไปเข้าการอบรม และด้วยความแค้นใจไปเปลี่ยนบัตรประชาชนใหม่แบบไม่ระบุศาสนาเพื่อว่าหากผมถูก สพฐ. หรือหน่วยงานเหนือขึ้นไปบังคับไปอบรมกับลัทธิธรรมกายอีกจะได้แสดงหลักฐานว่าผมไม่ได้ระบุศาสนาไว้ในกฎหมาย ผมจึงกลายเป็นคนต่อต้านลัทธิธรรมกายนับตั้งแต่วันนั้นมา และแล้วจนเล่าผมก็หนีไม่พ้น ภายในปีเดียวกัน ผมเจอสาวคบเป็นแฟนกันอย่างจริงจัง หลายคนอาจมีความรู้สึกว่ากระทู้ผมเป็นกระทู้แต่งขึ้นอย่างไม่น่าเป็นจริงไปได้
ในกระทู้...
“เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย" (ตอนที่ 1)
http://ppantip.com/topic/31958312
“เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย ตอนที่ 2”
http://ppantip.com/topic/34486064
“เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย ตอนที่ 3”
http://ppantip.com/topic/34708422
“เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย ตอนที่ 4”
http://ppantip.com/topic/35066582
“เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย ตอนที่ 5”
http://ppantip.com/topic/35231836
“เมื่อผมเป็นแฟนกับสาวลัทธิธรรมกาย ตอนที่ 6”
http://ppantip.com/topic/35264799
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
( ในกระทู้ก่อนๆ นั้นมีผู้ติงผมว่า เป็นการไม่ให้เกียรติกับแฟนของผม ผมต้องขอขอบพระคุณที่มีการตักเตือนผมไว้ แต่ผมขอกล่าวถึงเจตนาที่อาจแสดงถึงความรักที่เป็นสิ่งเชื่อมต่อระหว่างคนสองคน คนหนึ่งพุทธดั้งเดิมกับอีกคนหนึ่งอยู่ในลัทธิที่เกิดขึ้นใหม่บนความขัดแย้งมาเป็นเวลานาน เรื่องราวระหว่างผมและแฟนต้องการสะท้อนความรู้สึกภายใน ไม่อยากให้อยู่บนความเกลียดชัง ควรเป็นท่าทีที่ต้องการรักษาพระธรรมวินัย แสดงให้เห็นถึงเนื้อหาของพุทธเถรวาทให้ชัดเจนกับอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล)
...คืนวันที่ 15 มิถุนายน 2559 แฟนผมมีอาการไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด ครั้งนี้เธอถึงกับบ่นให้ฟังเรื่องการถูกดำเนินคดีกับหลวงพ่อ ด้วยความที่ผมไม่ค่อยรู้เรื่องกฎหมาย และชั้นเชิงทางการเมืองจึงเกิดความรู้สึกที่อธิบายได้ยาก ผมเพียงแค่บอกว่า ให้อ่านสำนวนคดีฟอกเงินและรับของโจร เธอใช้มือถือเปิดดูซักพัก เธอบอกว่าหลายหน้าอ่านไม่ไหว ผมจึงสรุปสำนวนคดีให้ฟังแบบคร่าวๆ ทำนองว่ามีการซัดทอดไปถึงหลวงพ่อว่าเป็นผู้บงการ และปลอบเธอว่า "จะกังวลอะไรมาก หากหลวงพ่อบริสุทธิ์ก็รอด แต่ถ้าหลวงพ่อทำจริงก็ต้องรับผลกรรม"
...ในวันนี้ (15 มิ.ย.) พี่ชายของแฟนผมมารับแม่ (ซึ่งปกติจะอยู่กับแฟนผม) ของเขาไปค้างที่ต่างจังหวัดๆ หนึ่ง ซึ่งพี่ชายเขาทำงานอยู่ ผมนึกในใจเกรงว่าพี่ชายของแฟนผมจะพาแม่ไปวัดพระธรรมกายเพื่อไปเป็นโล่ห์มนุษย์ในวันรุ่งขึ้น ที่เป็นห่วงเพราะแม่แฟนยิ่งสุขภาพไม่ค่อยดี แม้แต่ผมเองยังเคยพาไปหาหมอบ่อยๆ ภาวนาว่าอย่าให้เป็นแบบนั้น
...ผมนึกในใจว่า สิ่งที่แฟนผมพูดทำนองว่าหลวงพ่อไม่ได้รับความยุติธรรม ทำไมช่างคล้ายกับที่นักข่าวสัมภาษณ์ลูกศิษย์คนอื่นๆ เหลือเกิน แต่ผมก็มองว่ากลุ่มของลูกศิษย์อาจมีอยู่หลายกลุ่มด้วยกัน คือกลุ่มแรกคือกลุ่มศิษย์ที่มีจิตใจซื่อๆ จัดว่ามีจิตใจที่ดี หากศรัทธาแล้วว่ายังไงก็เชื่อ หรือสั่งอะไรก็ทำ กลุ่มที่สองคือกลุ่มที่เป็นผู้กำหนด ควบคุม ชี้ทิศทางการเคลื่อนไหวให้กับกลุ่มที่หนึ่งรวมทั้งผู้สั่งการใหญ่ ฯลฯ สำหรับแฟนผมแล้วผมสงสารแฟนผมมากอย่างจับจิตจับใจเพราะเธออยู่ในลูกศิษย์กลุ่มแรก
...ช่วงนี้ผมไม่ค่อยสบายใจเพราะกลัวว่าเธอจะตะเลิดเปิดเปิงไปวัดพระธรรมกาย และยังนึกต่อว่าหากเธอไปจริงๆ ผมจะทำอย่างไร จะไปกับเธอไหม เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ตลอดเวลาเธอจะได้รับข่าวสารจากกลุ่มไลน์ และกลุ่มเฟซลูกศิษย์ด้วยกัน ยิ่งช่วงมีเหตุการณ์สำคัญในช่วงนี้เหมือนว่าเธอจะมีคำถามมาบ่นหรือเปรยๆ กับผมบ่อยๆ ผมรู้ว่าเธอไม่ค่อยสบายใจเรื่องหลวงพ่อของเธอ ผมติดตามดูข่าวผมรู้สึกเห็นใจกับศิษย์กลุ่มแรกมากๆ แต่ผมคงเกิดความรู้สึกถึงเกลียดชังหนักๆ กับศิษย์กลุ่มที่สองและผู้สั่งการใหญ่แน่ๆ หากแฟนผมต้องไปเป็นโล่ห์มนุษย์ตามที่เขาต้องการ แม้เขาจะปฏิเสธมาตลอดว่าเขาไม่ได้สร้างโล่ห์มนุษย์
...แต่นับตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2559 สังคมก็มองออกแล้วว่าพวกเขา (ศิษย์กลุ่มที่สอง) พูดอย่างหนึ่งแต่ทำอีกอย่าง
...ครั้งนี้แฟนผมไม่ได้ไป แต่ครั้งหน้าผมไม่มั่นใจ
...ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า "ความศรัทธา กับ ความลุ่มหลง บางทีมันก็เหมือนเป็นเส้นบางๆ ที่แยกกันออกยาก"