ได้เข้ามาอ่าน pantip และอ่าน web เรื่องการเงินและการลงุทน บางบทความก็มาจาก settrade บ้าง ของ บลจบ้างก็ทำให้ได้ความรู้มาบ้างคร่าวๆ ถึงแม่จะน้อยนิดแต่ก็ขอได้แบ่งปันสำหรับผู้ที่จะเริ่มลงทุน เริ่มเลยนะครับ
เรื่องที่เราควรรู้ก่อนการลงทุนก่อนอื่นมี 4 ข้อดังนี้
1 รู้ว่าต้องใช้งเงินทำอะไร
เช่น จะซื้อของที่อยากจะได้ อยากไปเที่ยว หรือเตรียมไว้ยามเกษียน ค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น
2 รู้ว่าสำคัญมากไหม
เราจะต้องเรียงลำดับความสำคัญของรายการรายรับรายจ่าย เพื่อรที่ว่าจะได้วางแผนในการลงทุนว่าเงินจำนวนไหน ควรลงทุนแบบไหนเสี่ยงมาก เสี่ยงน้อย โดยเราอาจจะจัดเป็นงบดุลส่วยบุคคลแบบง่ายๆ ก่อนแบบนี้ก็ได้
สินทรัพย์ หนี้สิน
สินทรัพย์สภาพคล่อง หนี้สินระยะสั้น (ไม่เกิน 1 ปี)
สินทรัพย์ส่วนตัว หนี้สินระยะยาว (เกิน 1 ปี )
สินทรัพย์ลงทุน หนี้สินรวม
จากนั้นก็มาดูว่าเรามีรายจ่ายอะไรบ้างโดยจะมี 2 แบบคือ
รายจ่ายคงที่ คือต้องจ่ายที่ต้องจ่ายเป็นประจำ อาจจะรวมถึง
ค่าประกันชีวิต ประกันรถ โดยการ 12 เพื่อคิดเป็นแบบรายเดือนก็ได้
รายจ่ายผันแปร คือรายจ่ายที่ไม่แน่นอน เช่นค่าซ่อมบ้าน ซ่อมรถ ค่ารักษาพยาบาล หรือเงินที่เตรียมไว้ยามฉุกเฉิน
เมื่อเราแยกออกมาได้แล้วเราก็มาเรียงลำดับความสำคัญ เพื่อจะได้คิดว่าอันไหนจะไปลงทุนอันไหน เช่นอยากไปเที่ยวยุโรป เงินที่จะเก็บไว้ไปเที่ยวอาจจะลงทุนที่มีความเสี่ยงปานกลางไปถึงสูงได้ เพื่อผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่เงินค่าเทอมลูกแบบนี้อาจจะต้องลงทุนประเภทที่ความเสี่ยงต่ำเป็นต้น
3 รู้ว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่
ข้อนี้อาจจะต้องละเอียดขึ้นมาหน่อยเหมือนเป็นการวางแผนทางการเงินตั้งแต่เรื่องเล็กๆน้อยๆไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ เช่น จะไปเที่ยว จะซื้อรถใหม่ หรือ ซื้อโทรศัพท์ รวมไปจนถึงการวางแผนเกษียณว่าจะต้องมีเงินเท่าไหร่ ซึ่งมันก็คือการตั้งเป้าหมายเพื่อไปให้ถึง แต่ละเป้าหมาก็ไกล้ไกลต่างกันไป (เป้าหมายมีไว้พุ่งชนเนอะ)
4 รู้ว่าต้องใช้เงินตอนไหน
ระยะเวลาเป็นอีกเรื่องที่สำคัญต่อการวางแผนเพราะระยะเวลาจะเป็นตัวบอกว่าเราควรจะใช้เงินจำนวนไหนลงทุนที่ไหน เช่นอยากไปเที่ยงยุโรปต้นปีหน้า ก็จะได้ตำนวนถุกว่าจะเก็บเงินเท่าไหร่ลงทุนเท่าไหร่ ลงในหุ้นหรือกองทุน ผลตอบแทนตลอดระยะเวลาน่าจะเท่าไหร่
หลังจากรู้ 4 ข้อนี้แล้วเราก็สามารถมาเริ่มวางแผนการลงทุนตามที่ตัวเองถนัดและความเสี่ยง เพราะแต่ละคนรับความเสี่ยงได้ไม่เท่ากันการแบ่งพอร์ทการลงทุนของแต่ละคนจึงไมเหมือนกัน เช่นบางคนลงหุ้น 30-50 % ลงกองทุน 20 % ที่เหลืออาจจะเป็นตราสารหนี้ เงินฝาก หุ้นกู้ (สำหรับผู้ที่จะลงทุนในหุ้นถ้าต้องการทดลองอาจจะไปเล่น click2win ก่อนได้ ก่อนลงสนามจริง )
เมื่อวางแผนเรียบร้อยก็เริ่มลงมือทำตามแผนแต่สิ่งที่เน้นย้ำคือต้องมีวินัยในการลงทุน ถ้าผิดทาง cut loss ต้องยอม
หลังจากการลงมือทำตามแผนแล้วต้องมีการติดตามหมั่นตรวจสอบ ว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้ไหม มีตรงไหนผิดทาง จะแก้ไขอย่างไร
เมื่อคุณผ่านช่วงฝึกฝนไปได้ต่อไปคุณก็จะเข้าสู้ช่วงขยายพอร์ท
ต่อจากช่วงขยายพอร์ทก็จะเป็นช่วงสร้างความมั่งคั่ง ต้องนึกไว้ว่าต้องมั่นคงก่อนมั่งคั่ง
เมื่อคุณสร้างความมั่งคั่งได้ คุณก็จะมีอิสรภาพทางการเงิน
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออย่าลืมรัษาสุขภาพให้แข็งแรง เพราะถ้าเราสุขภาพไม่แข็งแรงก็ไม่มีแรงที่จะหาเงิน ทุกอย่างก็จะไม่เกิดขึ้น
เรื่องควรรู้ก่อนการลงทุน
เรื่องที่เราควรรู้ก่อนการลงทุนก่อนอื่นมี 4 ข้อดังนี้
1 รู้ว่าต้องใช้งเงินทำอะไร
เช่น จะซื้อของที่อยากจะได้ อยากไปเที่ยว หรือเตรียมไว้ยามเกษียน ค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น
2 รู้ว่าสำคัญมากไหม
เราจะต้องเรียงลำดับความสำคัญของรายการรายรับรายจ่าย เพื่อรที่ว่าจะได้วางแผนในการลงทุนว่าเงินจำนวนไหน ควรลงทุนแบบไหนเสี่ยงมาก เสี่ยงน้อย โดยเราอาจจะจัดเป็นงบดุลส่วยบุคคลแบบง่ายๆ ก่อนแบบนี้ก็ได้
สินทรัพย์ หนี้สิน
สินทรัพย์สภาพคล่อง หนี้สินระยะสั้น (ไม่เกิน 1 ปี)
สินทรัพย์ส่วนตัว หนี้สินระยะยาว (เกิน 1 ปี )
สินทรัพย์ลงทุน หนี้สินรวม
จากนั้นก็มาดูว่าเรามีรายจ่ายอะไรบ้างโดยจะมี 2 แบบคือ
รายจ่ายคงที่ คือต้องจ่ายที่ต้องจ่ายเป็นประจำ อาจจะรวมถึง
ค่าประกันชีวิต ประกันรถ โดยการ 12 เพื่อคิดเป็นแบบรายเดือนก็ได้
รายจ่ายผันแปร คือรายจ่ายที่ไม่แน่นอน เช่นค่าซ่อมบ้าน ซ่อมรถ ค่ารักษาพยาบาล หรือเงินที่เตรียมไว้ยามฉุกเฉิน
เมื่อเราแยกออกมาได้แล้วเราก็มาเรียงลำดับความสำคัญ เพื่อจะได้คิดว่าอันไหนจะไปลงทุนอันไหน เช่นอยากไปเที่ยวยุโรป เงินที่จะเก็บไว้ไปเที่ยวอาจจะลงทุนที่มีความเสี่ยงปานกลางไปถึงสูงได้ เพื่อผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่เงินค่าเทอมลูกแบบนี้อาจจะต้องลงทุนประเภทที่ความเสี่ยงต่ำเป็นต้น
3 รู้ว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่
ข้อนี้อาจจะต้องละเอียดขึ้นมาหน่อยเหมือนเป็นการวางแผนทางการเงินตั้งแต่เรื่องเล็กๆน้อยๆไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ เช่น จะไปเที่ยว จะซื้อรถใหม่ หรือ ซื้อโทรศัพท์ รวมไปจนถึงการวางแผนเกษียณว่าจะต้องมีเงินเท่าไหร่ ซึ่งมันก็คือการตั้งเป้าหมายเพื่อไปให้ถึง แต่ละเป้าหมาก็ไกล้ไกลต่างกันไป (เป้าหมายมีไว้พุ่งชนเนอะ)
4 รู้ว่าต้องใช้เงินตอนไหน
ระยะเวลาเป็นอีกเรื่องที่สำคัญต่อการวางแผนเพราะระยะเวลาจะเป็นตัวบอกว่าเราควรจะใช้เงินจำนวนไหนลงทุนที่ไหน เช่นอยากไปเที่ยงยุโรปต้นปีหน้า ก็จะได้ตำนวนถุกว่าจะเก็บเงินเท่าไหร่ลงทุนเท่าไหร่ ลงในหุ้นหรือกองทุน ผลตอบแทนตลอดระยะเวลาน่าจะเท่าไหร่
หลังจากรู้ 4 ข้อนี้แล้วเราก็สามารถมาเริ่มวางแผนการลงทุนตามที่ตัวเองถนัดและความเสี่ยง เพราะแต่ละคนรับความเสี่ยงได้ไม่เท่ากันการแบ่งพอร์ทการลงทุนของแต่ละคนจึงไมเหมือนกัน เช่นบางคนลงหุ้น 30-50 % ลงกองทุน 20 % ที่เหลืออาจจะเป็นตราสารหนี้ เงินฝาก หุ้นกู้ (สำหรับผู้ที่จะลงทุนในหุ้นถ้าต้องการทดลองอาจจะไปเล่น click2win ก่อนได้ ก่อนลงสนามจริง )
เมื่อวางแผนเรียบร้อยก็เริ่มลงมือทำตามแผนแต่สิ่งที่เน้นย้ำคือต้องมีวินัยในการลงทุน ถ้าผิดทาง cut loss ต้องยอม
หลังจากการลงมือทำตามแผนแล้วต้องมีการติดตามหมั่นตรวจสอบ ว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้ไหม มีตรงไหนผิดทาง จะแก้ไขอย่างไร
เมื่อคุณผ่านช่วงฝึกฝนไปได้ต่อไปคุณก็จะเข้าสู้ช่วงขยายพอร์ท
ต่อจากช่วงขยายพอร์ทก็จะเป็นช่วงสร้างความมั่งคั่ง ต้องนึกไว้ว่าต้องมั่นคงก่อนมั่งคั่ง
เมื่อคุณสร้างความมั่งคั่งได้ คุณก็จะมีอิสรภาพทางการเงิน
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออย่าลืมรัษาสุขภาพให้แข็งแรง เพราะถ้าเราสุขภาพไม่แข็งแรงก็ไม่มีแรงที่จะหาเงิน ทุกอย่างก็จะไม่เกิดขึ้น