ด้วยนโยบายของบริษัท เพื่อเตรียมตัวให้หัวหน้างานคนใหม่ สามารถทดแทนคนเก่า โดยการให้มาศึกษาดูงานกับคนเก่าก่อนหน้าเกษียณประมาณ 1 ปี (สถานะไม่ใช่ลูกน้องซะทีเดียว แต่เราก็ให้เกียรติประมาณว่าแกเป็นลูกพี่)
ปัญหาที่รู้สึกได้
- สอนนิดๆ หน่อยๆ พอเวลาจะลงมือปฏิบัติจริง ไม่เอาชื่อเราเข้าเป็นทีมงานของงานนั้นๆ (ทั้งที่นโยบาย สามารถเอาชื่อเข้าร่วมเป็นกรรมการเพื่อศึกษาหรือสังเกตุการณ์ได้)
- ไม่เคยพูดถึงความดีของคนอื่น จะพยายามพูดตลอดว่าที่บริษัทนี้เจริญได้ เพราะตัวเอง
- กลัวลูกน้องจะรักเรามากกว่า (อันนี้รู้สึกได้เต็มๆ แบบไม่ได้คิดไปเอง) โดยการพยายามพบปะสังสรรค์ลูกน้องตัวเองนอกรอบ โดยที่ไม่บอกเรา ทั้งที่ลูกน้องคนอื่นๆ ก็สนิทกับเราดี แล้วเสียงเข้าหูเราประมาณว่าเรานี่ยังอ่อน ถ้าได้เป็นหัวหน้าแทน บริษัทแย่แน่ๆ
- จะไม่นำเสนอผลงานดีๆ ของเราให้คนอื่นฟังเลย (อันนี้ก็สัมผัสได้ชัดเจน)
.
เข้าใจครับว่า อีกไม่นานแกก็ไปแล้ว แต่เหมือนโดนวางยาประมาณว่า ให้ลูกน้องรักตัวเองมากๆ ก่อนไป ให้เราทำงานลำบากด้านบุคลากร ให้ลูกน้องเกิดการเปรียบเทียบว่าแกดีกว่าผม
.
ป้องกันตัวยังไงดีครับ ถ้าถามผม ผมยอมรับนะว่าผมยังไม่เก่งเท่าแกหลายๆ ด้าน แต่ก็พอศึกษาต่อไปเรื่อยๆได้ (อายุห่างกัน เกือบ 20 ปี)
มีความรู้สึกว่าแอบโดนเลื่อยขาเก้าอี้ ป้องกันตัวยังไงดีครับ
ปัญหาที่รู้สึกได้
- สอนนิดๆ หน่อยๆ พอเวลาจะลงมือปฏิบัติจริง ไม่เอาชื่อเราเข้าเป็นทีมงานของงานนั้นๆ (ทั้งที่นโยบาย สามารถเอาชื่อเข้าร่วมเป็นกรรมการเพื่อศึกษาหรือสังเกตุการณ์ได้)
- ไม่เคยพูดถึงความดีของคนอื่น จะพยายามพูดตลอดว่าที่บริษัทนี้เจริญได้ เพราะตัวเอง
- กลัวลูกน้องจะรักเรามากกว่า (อันนี้รู้สึกได้เต็มๆ แบบไม่ได้คิดไปเอง) โดยการพยายามพบปะสังสรรค์ลูกน้องตัวเองนอกรอบ โดยที่ไม่บอกเรา ทั้งที่ลูกน้องคนอื่นๆ ก็สนิทกับเราดี แล้วเสียงเข้าหูเราประมาณว่าเรานี่ยังอ่อน ถ้าได้เป็นหัวหน้าแทน บริษัทแย่แน่ๆ
- จะไม่นำเสนอผลงานดีๆ ของเราให้คนอื่นฟังเลย (อันนี้ก็สัมผัสได้ชัดเจน)
.
เข้าใจครับว่า อีกไม่นานแกก็ไปแล้ว แต่เหมือนโดนวางยาประมาณว่า ให้ลูกน้องรักตัวเองมากๆ ก่อนไป ให้เราทำงานลำบากด้านบุคลากร ให้ลูกน้องเกิดการเปรียบเทียบว่าแกดีกว่าผม
.
ป้องกันตัวยังไงดีครับ ถ้าถามผม ผมยอมรับนะว่าผมยังไม่เก่งเท่าแกหลายๆ ด้าน แต่ก็พอศึกษาต่อไปเรื่อยๆได้ (อายุห่างกัน เกือบ 20 ปี)