ทิ้งตรอกเล็กแคบที่มีหนูตัวเท่าแมววิ่งตัดหน้าให้ตกใจไว้เบื้องหลัง ผมมาจ่อมตัวนั่งที่โซฟาหวายเบาะหนังเทียม ตรงนี้มีไฟหลอดสีส้มแสบตาเปิดอยู่ดวงเดียว บ้าเอ๊ย สำนักงานเล็ก ๆ แต่เย็นจนหนาวแทบจะจับไข้ ผมสบถกับตัวเอง
ร่างบางผมยาวหยิกไม่เป็นทรงผลักประตูกระจกที่ผมจ้องมองออกมา เราสบตากันในนาทีนั้น ผมยกมือสวัสดีเธอ เพราะคะเนอายุนั้นคงมากกว่าผมอยู่เป็นสิบปี เธอไม่ได้รับไหว้แต่เดินรี่มาที่โซฟา จ้องหน้าและมองแฟ้มของผมที่อยู่บนตัก
“เอาต้นฉบับมาเสนอเหรอ ?”
คำถามดังมาก่อนหย่อนก้นลงนั่งตรงข้ามกับผม เธออยู่ในชุดเสื้อแขนกุดกว้าง บางเบาแต่งด้วยลูกปัดหลายสี ไม่กลัดกระดุมสองเม็ดบน กระโปรงบานสไตล์โบฮีเมียนสีฟ้าสดเช้าชุดกันดี ผมเห็นชัดว่ามันยับย่นและมีกลิ่นที่ผมคุ้นเคยติดตัวเธอ สมองผมเริ่มจินตนาการไปทีละน้อย
“ครับ”
ผมตอบสั้นเสมอเมื่อต้องสนทนากับคนแปลกหน้า คนแปลกหน้าซึ่งอาจรวมถึง บก. ที่จะต้องเจอ ถ้าเขาว่างและเรียกเข้าไปพบเหมือนเธอ
ผมกำลังจะเอ่ยต่อว่า บก. เขาเรียกมาคุยวันนี้ ให้เธอเห็นว่าผมก็พอมีดีอยู่บ้าง เธอก็ชิงถามผมอีก
“อายุเท่าไหร่แล้วเรา”
ผมก้มหน้าก่อนบอกไป
“สะ.สิบเก้า”
ผมโกหก ผมเพิ่งสิบเจ็ดเมื่อเดือนที่แล้ว เธอยิ้มพราย ผมแค่โกหกเรื่องอายุแต่ทำไมมือเย็นนักก็ไม่รู้
เสียงแอร์เก่าครางเบาสลับกับเสียงเข็มนาฬิกาเดินต่อกแต่ก เธอมองหน้าเหมือนผมทำผิดอะไรมาสักอย่าง ทั้งที่ผมแค่อยากเป็นนักเขียน
“ขออ่านได้ไหม” เธอว่า
“ครับ”
บ้าจริงผมพูดได้เท่านี้เอง เธอโน้มตัวมาหยิบแฟ้มจากตักของผมและนั่งไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์ สาบานต่อหน้าหลอดไฟสีส้ม ผมมองตามเธอทุกอากัปกริยา ในไม่กี่วินาทีที่เธอเข้ามาใกล้ ผมเห็นว่าเธอมีทรวงอกที่ซ่อนรูปอยู่ในเสื้อคอกว้าง ซ้ำระยะช่องกระดุมมันดูห่างเกินกว่าที่มันจะห่างไหว บราเซียสีน้ำตาลเข้มมีลูกไม้ มันประคับประคองปทุมถันที่กระเพื่อมราวมีสปริงเมื่อเธอขยับเอนหลังลงพนักเก้าอี้
แต่อะไรก็ไม่เท่าเมื่อเธอวาดขาไปไขว้กันด้วยความเร็วปกติ ชายกระโปรงสีฟ้าขยับเลยไปกองตรงเข่า ในสมองผมเห็นเป็นภาพช้าในเอ็มวีเพลงของนักร้องฝรั่งผิวสี มันเหมือนกวักมือเรียกสายตาผมให้มองตามขาเรียวยาวนั้นไป ตามความงามนั้นเข้าไปจนสุดโคนขา เธอไม่ได้ใส่กางเกงใน เธอไม่มีกางเกงในที่ผมอยากเห็นในหวังแรก ผมได้กลิ่นอันคุ้นเคยชัดขึ้น เหงื่อเริ่มออกหน้าผากและตีนผม
ผมผินหน้าไปมองนาฬิกาติดผนัง ใจคอระส่ำเหมือนกำลังถ้ามองพี่ผู้หญิงที่พักห้องติดกันอาบน้ำ กล้า กลัว อยาก บอกไม่ถูก แต่ที่แน่ใจคือไม่อยากให้บก. มาเปิดประตูเรียกผมเขาไปคุยเลย เธอยังคงก้มหน้าอ่านงานของผม สลับกับกับจ้องมองผมที่ลอบมองเธอแบบเอาเถิดเอาล่ออยู่ไปมา
“บก. เหรอ เขาคงยังไม่พร้อมพบเธอตอนนี้หรอก เขาดูเหนื่อย แต่พี่ยัง” เธอเห็นผมชะเง้อมองห้องกระจกม่านสีเข้ม อาจบอกให้ผมคลายกังวล แต่ไม่หรอก ผมกลับดีใจด้วยซ้ำ
สาวแปลกหน้าที่นาทีนี้ยังไม่รู้จักชื่อของกันเลย บรรจงหยิบบุหรี่ซองเขียวออกมาจากกระเป๋าผ้า
“บุหรี่ไหม โตแล้วน่าจะสูบบุหรี่ได้”
เธอยื่นให้ผมตัวหนึ่ง ผมยื่นมือที่พยายามไม่ให้มันสั่นไปรับมาคาบไว้ตรงมุมปากข้างซ้าย ข้างเดียวกับเธอ ผมคิดว่าคนสูบบุหรี่คงจะคาบไว้ทางมุมซ้ายทั้งนั้น
“ขอบคุณครับ”
ผมพูดยาวขึ้น ดีจังบุหรี่คงไม่ทำให้เธอถามผมมากนักและผมคงตอบสั้นๆ ได้แบบมีเหตุผลขึ้นอีกหน่อย
เสียงไฟแช็กติด เธอโน้มตัวมาจ่อไฟให้ ผมโน้มศีรษะไปแต่ตาเจ้ากรรมก็มองแต่ถันคู่งามตรงหน้า บุหรี่มวนแรกในชีวิตของผมจึงหล่นลงโต๊ะเล็กที่คั่นเราสองคนก่อนที่มันจะสัมผัสเปลวไฟเสียด้วยซ้ำ
เจ้าของบุหรี่หัวเราะเบา ๆ ก่อนระบายควันสีเทาออกจากปาก เธอเหมือนเจ้ามือไพ่ที่ควบคุมสถานการณ์ของขาไพ่ได้หมดสิ้นแล้วในตอนนี้
“เอา...ใหม่”
น้ำเสียงเปลี่ยนไป เธอเว้นช่องไฟห่าง แต่กลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมขึ้นอีก ร่างกายและจินตนาการผมลุกโชน
ผมระบายควันออกทางปากก้อนใหญ่ นั่งตัวตรง กลั้นใจไม่ให้ไอ แสบร้อนคอ ร้อนไปทั้งใบหน้า เธอกลับไปนั่งอ่านงานของผมต่อ ผมมองควันบุหรี่ของเธอที่พ่นออกมาเป็นสายยาวทั้งทางปากและทางจมูก มันม้วนตัวอ่อนช้อยเหมือนสาวเปลือยยืนบิดตัว ผมคิดว่าควันบุหรี่ที่สวยงามคงเป็นแบบนี้
“เขียนเรื่องแบบนี้ เคยมีอารมณ์กับตัวหนังสือของเธอไหม”
คำถามมาอีกแล้ว
“ผมมีอารมณ์กับทุกฉากในเรื่องที่ผมเขียน มัน...ทำให้ผมพรรณนาได้ไหลลื่น”
ผมตอบเธอไปตามตรง แต่น้ำเสียงสั่นไม่ไหลลื่นอย่างทีว่าเลย ผมกดดับบุหรี่ในขณะที่เธอต่อบุหรี่มวนใหม่
“มีฉากเชือดคอไก่ ต้มน้ำถอนขนไก่ ล้างหน้าไก่ มันให้อะไรกับคนอ่านเหรอ ?”
เธออ่านหนังสือรวดเร็วอะไรอย่างนี้ หรือเธออ่านเหมือนคนที่กรอดูเฉพาะฉากสำคัญในวีดีโอ
เสียงนาฬิการเดิน ต่อก แต่ก คำถามทำเอาผมนิ่งเพราะมันจี้ใจดำ ด้วยเคยถามตัวเองมาก่อนที่จะมุ่งหน้ามาที่นี่แต่ก็ไม่เคยได้คำตอบสักหน
เธอเงยหน้ามองผม เหมือนจะบอกเป็นนัยว่าฉันรอคำตอบของเธออยู่นะ ขณะที่กำไลและสร้อยหินเต็มแขนทั้งสองมันพร้อมใจกันประสานเสียงเร่งเร้า ยามเธอขยับร่างกาย เธอปล่อยขาลงและแยกปลายขาออกช้าๆ
“ได้... ไม่ได้... มันเป็นเรื่องทีหลัง...ครับ” เสียงผมสั่น ผมจ้องและเธอก็รู้ว่าสายตาผมอยู่ตรงไหน
เธอหยิบแก้วกาแฟเย็นที่ผมซื้อมาจากร้านหน้าปากซอยมาดูดเสียงดังแบบไม่เกรงใจ เธอจิกตามองแล้วอ้าปากกว้างดูดอีกสองครั้งติด ๆ ก่อนวางแก้วลงที่เดิม ผมเตรียมอ้าปากจะบอกเธอว่าผมยังไม่ได้ดูดได้ดื่มมันเลยสักหยด เป็นสาเหตุที่ผมผมเสียบแหบแห้ง
“เจ๋งดี พี่ชอบ” ดีตรงที่เธอเอ่ยปากชม ผมเลยหุบปากเสีย
“เรื่องสนุกมีความโดดเด่น มีสองสามเรื่องที่แหวก..แนวไปจนน่า..ทึ่ง” เธอบอกขณะคืนต้นฉบับให้ ทำท่าเหมือนตัวละครในเรื่องของผมเหลือเกิน
“อีกอย่าง ถ้าพระเอกจะฟันรุ่นพี่ฝรั่งตาน้ำข้าว ถ้าไม่มีคอนด้อม ไงก็ไม่ได้แอ้มหรอก”
ผมอ้าปากค้าง จินตนาการในเรื่องนั้นมันกำลังย้อนมาทำร้ายผมอีกแล้ว
“แต่พี่ไม่สนเรื่องนั้น ไปแล้วนะ ดีใจที่ได้พบกัน”
เธอลุกขึ้นสะพายกระเป๋า
“ขอบคุณนะครับพี่ พี่นามปากกาอะไรเป็นนักเขียนเรื่องแนวไหนครับ”
ร่างบางหันหน้ามายิ้ม ลักยิ้มเธอแทบจะโค้งเข้าหา่หมุดสีเงินที่เจาะอยู่ข้างจมูกอย่างเหมาะเจาะ
“พี่เขียนแบบส่งมาจากผู้อ่านทางบ้าน เรื่องเปิดบริสุทธิ์ เรื่องเสียสาวคราวแรก อะไรแบบนั้น เขียนมาสิบห้าปีแล้วนะ”
ลักยิ้มเธอยังไม่คลายจากใบหน้าแต่สายตาเธอวาวน่าค้นหา
“นามปากกาพี่ไม่สำคัญ เธอคงไม่อยากรู้หรอก”
เธอยิ้มยั่วเปิดเผย ก่อนเดินลงจากสำนักพิมพ์ไป ทิ้งผมไว้กับต้นฉบับปึกหนาและแก้วกาแฟที่มีแต่ก้อนน้ำแข็ง
ผมก็รู้สึกหนาวขึ้นมาอีกแล้ว พลันหยิบแฟ้มเดินออกไป ทิ้งนัดสำคัญ เสียงนาฬิกายังคงเดิน ต่อก แต่ก
...........................................................................................
ปล. ไม่ได้ลงงานเสียนาน แวะมาติ มาชม พูดคุยกันได้ครับ
The Editor
ร่างบางผมยาวหยิกไม่เป็นทรงผลักประตูกระจกที่ผมจ้องมองออกมา เราสบตากันในนาทีนั้น ผมยกมือสวัสดีเธอ เพราะคะเนอายุนั้นคงมากกว่าผมอยู่เป็นสิบปี เธอไม่ได้รับไหว้แต่เดินรี่มาที่โซฟา จ้องหน้าและมองแฟ้มของผมที่อยู่บนตัก
“เอาต้นฉบับมาเสนอเหรอ ?”
คำถามดังมาก่อนหย่อนก้นลงนั่งตรงข้ามกับผม เธออยู่ในชุดเสื้อแขนกุดกว้าง บางเบาแต่งด้วยลูกปัดหลายสี ไม่กลัดกระดุมสองเม็ดบน กระโปรงบานสไตล์โบฮีเมียนสีฟ้าสดเช้าชุดกันดี ผมเห็นชัดว่ามันยับย่นและมีกลิ่นที่ผมคุ้นเคยติดตัวเธอ สมองผมเริ่มจินตนาการไปทีละน้อย
“ครับ”
ผมตอบสั้นเสมอเมื่อต้องสนทนากับคนแปลกหน้า คนแปลกหน้าซึ่งอาจรวมถึง บก. ที่จะต้องเจอ ถ้าเขาว่างและเรียกเข้าไปพบเหมือนเธอ
ผมกำลังจะเอ่ยต่อว่า บก. เขาเรียกมาคุยวันนี้ ให้เธอเห็นว่าผมก็พอมีดีอยู่บ้าง เธอก็ชิงถามผมอีก
“อายุเท่าไหร่แล้วเรา”
ผมก้มหน้าก่อนบอกไป
“สะ.สิบเก้า”
ผมโกหก ผมเพิ่งสิบเจ็ดเมื่อเดือนที่แล้ว เธอยิ้มพราย ผมแค่โกหกเรื่องอายุแต่ทำไมมือเย็นนักก็ไม่รู้
เสียงแอร์เก่าครางเบาสลับกับเสียงเข็มนาฬิกาเดินต่อกแต่ก เธอมองหน้าเหมือนผมทำผิดอะไรมาสักอย่าง ทั้งที่ผมแค่อยากเป็นนักเขียน
“ขออ่านได้ไหม” เธอว่า
“ครับ”
บ้าจริงผมพูดได้เท่านี้เอง เธอโน้มตัวมาหยิบแฟ้มจากตักของผมและนั่งไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์ สาบานต่อหน้าหลอดไฟสีส้ม ผมมองตามเธอทุกอากัปกริยา ในไม่กี่วินาทีที่เธอเข้ามาใกล้ ผมเห็นว่าเธอมีทรวงอกที่ซ่อนรูปอยู่ในเสื้อคอกว้าง ซ้ำระยะช่องกระดุมมันดูห่างเกินกว่าที่มันจะห่างไหว บราเซียสีน้ำตาลเข้มมีลูกไม้ มันประคับประคองปทุมถันที่กระเพื่อมราวมีสปริงเมื่อเธอขยับเอนหลังลงพนักเก้าอี้
แต่อะไรก็ไม่เท่าเมื่อเธอวาดขาไปไขว้กันด้วยความเร็วปกติ ชายกระโปรงสีฟ้าขยับเลยไปกองตรงเข่า ในสมองผมเห็นเป็นภาพช้าในเอ็มวีเพลงของนักร้องฝรั่งผิวสี มันเหมือนกวักมือเรียกสายตาผมให้มองตามขาเรียวยาวนั้นไป ตามความงามนั้นเข้าไปจนสุดโคนขา เธอไม่ได้ใส่กางเกงใน เธอไม่มีกางเกงในที่ผมอยากเห็นในหวังแรก ผมได้กลิ่นอันคุ้นเคยชัดขึ้น เหงื่อเริ่มออกหน้าผากและตีนผม
ผมผินหน้าไปมองนาฬิกาติดผนัง ใจคอระส่ำเหมือนกำลังถ้ามองพี่ผู้หญิงที่พักห้องติดกันอาบน้ำ กล้า กลัว อยาก บอกไม่ถูก แต่ที่แน่ใจคือไม่อยากให้บก. มาเปิดประตูเรียกผมเขาไปคุยเลย เธอยังคงก้มหน้าอ่านงานของผม สลับกับกับจ้องมองผมที่ลอบมองเธอแบบเอาเถิดเอาล่ออยู่ไปมา
“บก. เหรอ เขาคงยังไม่พร้อมพบเธอตอนนี้หรอก เขาดูเหนื่อย แต่พี่ยัง” เธอเห็นผมชะเง้อมองห้องกระจกม่านสีเข้ม อาจบอกให้ผมคลายกังวล แต่ไม่หรอก ผมกลับดีใจด้วยซ้ำ
สาวแปลกหน้าที่นาทีนี้ยังไม่รู้จักชื่อของกันเลย บรรจงหยิบบุหรี่ซองเขียวออกมาจากกระเป๋าผ้า
“บุหรี่ไหม โตแล้วน่าจะสูบบุหรี่ได้”
เธอยื่นให้ผมตัวหนึ่ง ผมยื่นมือที่พยายามไม่ให้มันสั่นไปรับมาคาบไว้ตรงมุมปากข้างซ้าย ข้างเดียวกับเธอ ผมคิดว่าคนสูบบุหรี่คงจะคาบไว้ทางมุมซ้ายทั้งนั้น
“ขอบคุณครับ”
ผมพูดยาวขึ้น ดีจังบุหรี่คงไม่ทำให้เธอถามผมมากนักและผมคงตอบสั้นๆ ได้แบบมีเหตุผลขึ้นอีกหน่อย
เสียงไฟแช็กติด เธอโน้มตัวมาจ่อไฟให้ ผมโน้มศีรษะไปแต่ตาเจ้ากรรมก็มองแต่ถันคู่งามตรงหน้า บุหรี่มวนแรกในชีวิตของผมจึงหล่นลงโต๊ะเล็กที่คั่นเราสองคนก่อนที่มันจะสัมผัสเปลวไฟเสียด้วยซ้ำ
เจ้าของบุหรี่หัวเราะเบา ๆ ก่อนระบายควันสีเทาออกจากปาก เธอเหมือนเจ้ามือไพ่ที่ควบคุมสถานการณ์ของขาไพ่ได้หมดสิ้นแล้วในตอนนี้
“เอา...ใหม่”
น้ำเสียงเปลี่ยนไป เธอเว้นช่องไฟห่าง แต่กลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมขึ้นอีก ร่างกายและจินตนาการผมลุกโชน
ผมระบายควันออกทางปากก้อนใหญ่ นั่งตัวตรง กลั้นใจไม่ให้ไอ แสบร้อนคอ ร้อนไปทั้งใบหน้า เธอกลับไปนั่งอ่านงานของผมต่อ ผมมองควันบุหรี่ของเธอที่พ่นออกมาเป็นสายยาวทั้งทางปากและทางจมูก มันม้วนตัวอ่อนช้อยเหมือนสาวเปลือยยืนบิดตัว ผมคิดว่าควันบุหรี่ที่สวยงามคงเป็นแบบนี้
“เขียนเรื่องแบบนี้ เคยมีอารมณ์กับตัวหนังสือของเธอไหม”
คำถามมาอีกแล้ว
“ผมมีอารมณ์กับทุกฉากในเรื่องที่ผมเขียน มัน...ทำให้ผมพรรณนาได้ไหลลื่น”
ผมตอบเธอไปตามตรง แต่น้ำเสียงสั่นไม่ไหลลื่นอย่างทีว่าเลย ผมกดดับบุหรี่ในขณะที่เธอต่อบุหรี่มวนใหม่
“มีฉากเชือดคอไก่ ต้มน้ำถอนขนไก่ ล้างหน้าไก่ มันให้อะไรกับคนอ่านเหรอ ?”
เธออ่านหนังสือรวดเร็วอะไรอย่างนี้ หรือเธออ่านเหมือนคนที่กรอดูเฉพาะฉากสำคัญในวีดีโอ
เสียงนาฬิการเดิน ต่อก แต่ก คำถามทำเอาผมนิ่งเพราะมันจี้ใจดำ ด้วยเคยถามตัวเองมาก่อนที่จะมุ่งหน้ามาที่นี่แต่ก็ไม่เคยได้คำตอบสักหน
เธอเงยหน้ามองผม เหมือนจะบอกเป็นนัยว่าฉันรอคำตอบของเธออยู่นะ ขณะที่กำไลและสร้อยหินเต็มแขนทั้งสองมันพร้อมใจกันประสานเสียงเร่งเร้า ยามเธอขยับร่างกาย เธอปล่อยขาลงและแยกปลายขาออกช้าๆ
“ได้... ไม่ได้... มันเป็นเรื่องทีหลัง...ครับ” เสียงผมสั่น ผมจ้องและเธอก็รู้ว่าสายตาผมอยู่ตรงไหน
เธอหยิบแก้วกาแฟเย็นที่ผมซื้อมาจากร้านหน้าปากซอยมาดูดเสียงดังแบบไม่เกรงใจ เธอจิกตามองแล้วอ้าปากกว้างดูดอีกสองครั้งติด ๆ ก่อนวางแก้วลงที่เดิม ผมเตรียมอ้าปากจะบอกเธอว่าผมยังไม่ได้ดูดได้ดื่มมันเลยสักหยด เป็นสาเหตุที่ผมผมเสียบแหบแห้ง
“เจ๋งดี พี่ชอบ” ดีตรงที่เธอเอ่ยปากชม ผมเลยหุบปากเสีย
“เรื่องสนุกมีความโดดเด่น มีสองสามเรื่องที่แหวก..แนวไปจนน่า..ทึ่ง” เธอบอกขณะคืนต้นฉบับให้ ทำท่าเหมือนตัวละครในเรื่องของผมเหลือเกิน
“อีกอย่าง ถ้าพระเอกจะฟันรุ่นพี่ฝรั่งตาน้ำข้าว ถ้าไม่มีคอนด้อม ไงก็ไม่ได้แอ้มหรอก”
ผมอ้าปากค้าง จินตนาการในเรื่องนั้นมันกำลังย้อนมาทำร้ายผมอีกแล้ว
“แต่พี่ไม่สนเรื่องนั้น ไปแล้วนะ ดีใจที่ได้พบกัน”
เธอลุกขึ้นสะพายกระเป๋า
“ขอบคุณนะครับพี่ พี่นามปากกาอะไรเป็นนักเขียนเรื่องแนวไหนครับ”
ร่างบางหันหน้ามายิ้ม ลักยิ้มเธอแทบจะโค้งเข้าหา่หมุดสีเงินที่เจาะอยู่ข้างจมูกอย่างเหมาะเจาะ
“พี่เขียนแบบส่งมาจากผู้อ่านทางบ้าน เรื่องเปิดบริสุทธิ์ เรื่องเสียสาวคราวแรก อะไรแบบนั้น เขียนมาสิบห้าปีแล้วนะ”
ลักยิ้มเธอยังไม่คลายจากใบหน้าแต่สายตาเธอวาวน่าค้นหา
“นามปากกาพี่ไม่สำคัญ เธอคงไม่อยากรู้หรอก”
เธอยิ้มยั่วเปิดเผย ก่อนเดินลงจากสำนักพิมพ์ไป ทิ้งผมไว้กับต้นฉบับปึกหนาและแก้วกาแฟที่มีแต่ก้อนน้ำแข็ง
ผมก็รู้สึกหนาวขึ้นมาอีกแล้ว พลันหยิบแฟ้มเดินออกไป ทิ้งนัดสำคัญ เสียงนาฬิกายังคงเดิน ต่อก แต่ก
...........................................................................................
ปล. ไม่ได้ลงงานเสียนาน แวะมาติ มาชม พูดคุยกันได้ครับ