Moonlight
สั้น ๆ
"ทรงพลัง โรแมนติค น้ำตาซึม หลงใหล"
เหมาะแก่ช่วง "วาเลนไทน์" มาก ๆ (มากกว่าอีกเรื่อง...ตอนฉีกตั๋ว พนักงานขอตรวจบัตรประชาชน เหมือนตรวจเป็นระบบอัติโนมัติเพราะคนมาดูหนังเรื่อง "นั้น" เยอะ)
กลาง ๆ (ไม่สปอยส์แน่นอนเพราะรู้สึกโชคดีมากที่ไม่อ่านเรื่องย่อใด ๆ ทั้งสิ้น เชื่อว่า ถ้าอ่านเรื่องย่ออาจจะไม่ "รู้สึกเท่านี้")
ชอบมาก Scene ในร้านอาหารของเควินมาก เรายิ้มไม่หุบเลย อินเลิฟ มีความสุข นึกถึงความรักแรกของชีวิต
ไม่เคยดูหนังของ "หว่อง กา ไว" ไม่ใช่ว่าไม่ชอบนะ แต่เป็นความกลัว กลัวว่าจะเหงาตายเมื่อดูหนังจบ หลายคนบอกว่า เรื่องนี้มี Ref. มาจากหนังของหว่อง ส่วนตัวเราก็คิดแบบนั้น แม้ไม่เคยดูหนังของหว่อง แต่จากการอ่านรีวิว การดูภาพในฉากของหนังหว่อง ฟังคนดูหนังพูดถึงหนังหว่อง เราคิดว่า เรื่องนี้มีความเป็น "เอเชีย" ในระดับหนึ่งเลย และแน่นอนมันให้ความรู้สึกว่าเรากำลังดูหนังหว่อง...ทั้งที่ยังไม่เคยดูหนังหว่อง
องค์ประกอบภาพ แสงที่ใช้ส้มอมเขียว คอนทราสต์จัด ๆ แต่ไม่คม ดนตรีประกอบเหมือนหนังเอเชีย มุมภาพ มันให้ความเป็นหนังเอเชียทั้งแบบไต้หวัน จีนและเกาหลียุค 90 เรานึกถึงหนังหลาย ๆ เรื่องของเกาหลีใต้เลย
รู้สึกเป็นหนังที่ "ยกระดับจิตใจและจิตวิญญาณ" ของเรา ทำให้เราก้าวผ่านมโนทัศน์เดิมของตัวเอง ดังนั้นนี่จึงเป็นหนังที่มีพลังสำหรับเรา
และที่ชอบมากที่สุดคือ Casting การแสดงของตัวเอกทั้งสองที่เป็น "คู้รัก" คือ ทุกอย่าง จังหวะการพูด การเคลื่อนไหวสายตา การใช้ภาษากายสื่อสารถึงกันและกัน คือที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้
น่าแปลกใจมากๆๆๆๆว่า ทำไมออสการ์ถึงไม่เลือกเลยสักคน เล่นดีกว่า ไรอัล กรอสซิ่งอีกนะในความเห็นเรา
สปอยยยยยยยยยยยยยยแล้วนะ ไม่อยากให้อ่าน ข้ามไปเลย ถ้าดูหนังแล้วค่อยอ่านนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
โคตรชอบ ฉากที่ "เพื่อนจูบปากเพื่อน" ริมทะเลให้ช่วยเพื่อน(ตัวเอก)ให้สำเร็จความใคร่ด้วยมือเป็นอะไรที่ "ช๊อค" มากกกกกกกกกก แต่มันกลับสวยมากกกสำหรับเรา ทั้งที่เอาเข้าจริงสิ่งที่เราไม่ก้าวข้ามในแง่มายาคติคือ เพศทางเลือกกลุ่มสภาวะเพศชายนี้ล่ะที่เรายังรังเกียจ จนกระทั่งได้ดูหนังเรื่องนี้
ทำไมเราถึงชอบและหนังเรื่องนี้ทำให้เราก้าวข้ามและยกระดับจิตวิญญาณของเราได้น่ะหรออออออ??????
เพราะการวางเงื่อนไขตัวละครหลักคือ ลิตเติ้ล ไขรอน แบล๊ค ที่ชีวิตของเขาดำดิ่งทุกอย่าง เป็นคนชายขอบแห่งความเป็นมนุษย์โดยแท้ เกิดเป็นคนดำ เพื่อนแกล้ง ครอบครัวแหลกเหลว แม่ติดยา มีแฟนใหม่ คือชีวิตเขา "พังพินาศ"มาก
และเพราะชีวติเขาพังพินาศนี้ล่ะ การเข้ามาของ "ฮวน" และเพื่อนเลิฟ "เควิน" ซึ่งเข้ามาด้วย "ความรัก" จึงทำให้ชีวิตของ "ลิตเติ้ล ไชรอน แบล๊ก" มีความหมายและมีมิติ คือชีวิตดำดิ่งแต่ก็ยังมีแสงสว่าง เหมือนกับ "Moonlight"
ในยามที่มืดมิดก็ยังมีแสงจันทร์ส่องสว่างนำทางและทำให้เราเห็นตัวเอง
และสุดพลังคือ Scene ในภาพ Scene ในฉากร้านอาหารของเควิน
มันเป็นทั้งการพลัดพรากในรักแรกพบ ต่างคนต่างไปใช้ชีวิต แล้วก็ต่างฝ่ายต่างคิดถึงกัน ฝ่ายหนึ่งโทรหา มาเจอกัน พูดคุยประสาเพื่อน ไปยัง ๆ ที่มีความหลังด้วยกัน มองตากัน ต่างฝ่ายต่างคิดถึง เขยิบเข้ามาหากันมาขึ้น แล้วอีกฝ่ายก็พูดขึ้นว่า
"หลังจากวันนั้น ฉันก็ไม่เคยรักใครอีกเลย นอกจากเธอ ฉันก็ไม่เคยทำแบบนั้นกับใครอีก"
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
(แขวะนิดหน่อยว่า ไทยเรามี ผกก.เพศทางเลือกชายจำนวนมาก แต่กลับไม่ยักผลิตหรือสร้างงานภาพยนตร์ที่เปลี่ยนมโนทัศน์และการรับรู้ของคนในสังคมที่มีต่อเพศทางเลือกชายเท่าไรเลย)
[CR] Moonlight "ทรงพลัง โรแมนติค น้ำตาซึม หลงใหล"
สั้น ๆ
"ทรงพลัง โรแมนติค น้ำตาซึม หลงใหล"
เหมาะแก่ช่วง "วาเลนไทน์" มาก ๆ (มากกว่าอีกเรื่อง...ตอนฉีกตั๋ว พนักงานขอตรวจบัตรประชาชน เหมือนตรวจเป็นระบบอัติโนมัติเพราะคนมาดูหนังเรื่อง "นั้น" เยอะ)
กลาง ๆ (ไม่สปอยส์แน่นอนเพราะรู้สึกโชคดีมากที่ไม่อ่านเรื่องย่อใด ๆ ทั้งสิ้น เชื่อว่า ถ้าอ่านเรื่องย่ออาจจะไม่ "รู้สึกเท่านี้")
ชอบมาก Scene ในร้านอาหารของเควินมาก เรายิ้มไม่หุบเลย อินเลิฟ มีความสุข นึกถึงความรักแรกของชีวิต
ไม่เคยดูหนังของ "หว่อง กา ไว" ไม่ใช่ว่าไม่ชอบนะ แต่เป็นความกลัว กลัวว่าจะเหงาตายเมื่อดูหนังจบ หลายคนบอกว่า เรื่องนี้มี Ref. มาจากหนังของหว่อง ส่วนตัวเราก็คิดแบบนั้น แม้ไม่เคยดูหนังของหว่อง แต่จากการอ่านรีวิว การดูภาพในฉากของหนังหว่อง ฟังคนดูหนังพูดถึงหนังหว่อง เราคิดว่า เรื่องนี้มีความเป็น "เอเชีย" ในระดับหนึ่งเลย และแน่นอนมันให้ความรู้สึกว่าเรากำลังดูหนังหว่อง...ทั้งที่ยังไม่เคยดูหนังหว่อง
องค์ประกอบภาพ แสงที่ใช้ส้มอมเขียว คอนทราสต์จัด ๆ แต่ไม่คม ดนตรีประกอบเหมือนหนังเอเชีย มุมภาพ มันให้ความเป็นหนังเอเชียทั้งแบบไต้หวัน จีนและเกาหลียุค 90 เรานึกถึงหนังหลาย ๆ เรื่องของเกาหลีใต้เลย
รู้สึกเป็นหนังที่ "ยกระดับจิตใจและจิตวิญญาณ" ของเรา ทำให้เราก้าวผ่านมโนทัศน์เดิมของตัวเอง ดังนั้นนี่จึงเป็นหนังที่มีพลังสำหรับเรา
และที่ชอบมากที่สุดคือ Casting การแสดงของตัวเอกทั้งสองที่เป็น "คู้รัก" คือ ทุกอย่าง จังหวะการพูด การเคลื่อนไหวสายตา การใช้ภาษากายสื่อสารถึงกันและกัน คือที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้
น่าแปลกใจมากๆๆๆๆว่า ทำไมออสการ์ถึงไม่เลือกเลยสักคน เล่นดีกว่า ไรอัล กรอสซิ่งอีกนะในความเห็นเรา
สปอยยยยยยยยยยยยยยแล้วนะ ไม่อยากให้อ่าน ข้ามไปเลย ถ้าดูหนังแล้วค่อยอ่านนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
โคตรชอบ ฉากที่ "เพื่อนจูบปากเพื่อน" ริมทะเลให้ช่วยเพื่อน(ตัวเอก)ให้สำเร็จความใคร่ด้วยมือเป็นอะไรที่ "ช๊อค" มากกกกกกกกกก แต่มันกลับสวยมากกกสำหรับเรา ทั้งที่เอาเข้าจริงสิ่งที่เราไม่ก้าวข้ามในแง่มายาคติคือ เพศทางเลือกกลุ่มสภาวะเพศชายนี้ล่ะที่เรายังรังเกียจ จนกระทั่งได้ดูหนังเรื่องนี้
ทำไมเราถึงชอบและหนังเรื่องนี้ทำให้เราก้าวข้ามและยกระดับจิตวิญญาณของเราได้น่ะหรออออออ??????
เพราะการวางเงื่อนไขตัวละครหลักคือ ลิตเติ้ล ไขรอน แบล๊ค ที่ชีวิตของเขาดำดิ่งทุกอย่าง เป็นคนชายขอบแห่งความเป็นมนุษย์โดยแท้ เกิดเป็นคนดำ เพื่อนแกล้ง ครอบครัวแหลกเหลว แม่ติดยา มีแฟนใหม่ คือชีวิตเขา "พังพินาศ"มาก
และเพราะชีวติเขาพังพินาศนี้ล่ะ การเข้ามาของ "ฮวน" และเพื่อนเลิฟ "เควิน" ซึ่งเข้ามาด้วย "ความรัก" จึงทำให้ชีวิตของ "ลิตเติ้ล ไชรอน แบล๊ก" มีความหมายและมีมิติ คือชีวิตดำดิ่งแต่ก็ยังมีแสงสว่าง เหมือนกับ "Moonlight"
ในยามที่มืดมิดก็ยังมีแสงจันทร์ส่องสว่างนำทางและทำให้เราเห็นตัวเอง
และสุดพลังคือ Scene ในภาพ Scene ในฉากร้านอาหารของเควิน
มันเป็นทั้งการพลัดพรากในรักแรกพบ ต่างคนต่างไปใช้ชีวิต แล้วก็ต่างฝ่ายต่างคิดถึงกัน ฝ่ายหนึ่งโทรหา มาเจอกัน พูดคุยประสาเพื่อน ไปยัง ๆ ที่มีความหลังด้วยกัน มองตากัน ต่างฝ่ายต่างคิดถึง เขยิบเข้ามาหากันมาขึ้น แล้วอีกฝ่ายก็พูดขึ้นว่า
"หลังจากวันนั้น ฉันก็ไม่เคยรักใครอีกเลย นอกจากเธอ ฉันก็ไม่เคยทำแบบนั้นกับใครอีก"
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
(แขวะนิดหน่อยว่า ไทยเรามี ผกก.เพศทางเลือกชายจำนวนมาก แต่กลับไม่ยักผลิตหรือสร้างงานภาพยนตร์ที่เปลี่ยนมโนทัศน์และการรับรู้ของคนในสังคมที่มีต่อเพศทางเลือกชายเท่าไรเลย)