ไปดูมาแล้ว : Moonlight
( คะแนน 9/10 )
หากมนุษย์เราตัดเรื่องของเพศสภาพที่แสดงอัตลักษณ์ของตัวเองออกไปได้ มนุษย์จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่จำเป็นต้องโหยหาความต้องการทางเพศจากเพศตรงข้ามแต่เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป และก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่เพศสภาพจะเป็นตัวกำหนดความเป็นไปของชีวิต แต่ความรักและสังคมที่หล่อหลอมมาตั้งแต่เด็กต่างหากที่มีอิทธิพลกับเรามากพอที่จะกำหนดทิศทางชีวิตว่าเราจะเป็นอะไรในวันข้างหน้า
Moonlight หนังดราม่าหม่นมืดของผู้กำกับแบร์รี่ เจนกิ้นส์ นำเสนอตัวเองในแนวทางดราม่าที่แบ่งช่วงของเรื่องราวออกเป็น3ตอนเพื่อถ่ายทอดชีวิตของ ไชรอน ในสามช่วงวัย คือวัยเด็ก วัยรุ่น และวัยผู้ใหญ่ ( รับบทในสามช่วงได้อย่างเข้าถึงโดย อเล็กซ์ ฮิบเบิร์ท, แอชตัน แซนเดอร์ และ เทรแวนท์ โรดส์ )
มันเล่าถึงเรื่องราวชีวิตของ ไชรอน เด็กที่เติบโตมาในชุมชนคนผิวสีในไมอามี่ ชีวิตของเขาตั้งแต่เล็กจนโตได้ผ่านการหล่อหลอมมาจากผู้คนรอบข้างที่มีทั้งดีและร้าย ฮวนซึ่งเป็นพ่อค้ายารายใหญ่ได้มีอิทธิพลต่อการเติบโตขึ้นของเขาอย่างมากจากการที่เขาได้รับการช่วยเหลือจากฮวนในวันที่ถูกเพื่อนๆในชั้นเรียนกลั่นแกล้ง ความเป็นเด็กเรียบร้อยผิดกับวิสัยของเด็กชายผิวดำทั่วไปทำให้เขาถูกมองว่าเป็นเด็กที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ มีเพียงเควิน เพื่อนชายของเขาคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจ แม้เควินคือรักแรกและเป็นความทรงจำที่ไม่อาจลืม แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งคู่ต้องจากกันไปและมาเจอกันอีกครั้งในวันที่ทั้งคู่เติบโตเป็นผู้ใหญ่
หนังทำได้อย่างยอดเยี่ยมในการถ่ายทอดภาพของสังคมที่ตัวละครอาศัยอยู่และเติบโตขึ้น ทั้งการสื่อความหมายด้วยภาพและการเปรียบเปรยด้วยวาจา นอกจากนี้ความโดดเด่นของดนตรีประกอบและการกำกับภาพยังทำหน้าที่ของมันได้อย่างทรงพลังอีกด้วย การแสดงของนักแสดงนำที่รับบทไชรอนมีความแตกต่างในแต่ละช่วงวัยได้อย่างน่าเชื่อถือ และทำให้เราเชื่อได้สนิทใจว่านี่คือคนๆเดียวกันที่ความคิดของเขาค่อยๆเติบโตขึ้นตามกาลเวลา
มาเฮอชาล่า อาลี และ นาโอมิ แฮร์ริส สองนักแสดงที่เข้าชิงออสการ์ในปีนี้มอบบทบาทที่น่าจดจำที่สุดในบทพ่อค้ายาใจดีและแม่ผู้เป็นพยาบาลแต่ตกเป็นทาสของยาเสพติด แม้จะเป็นบทสมทบแต่ตัวละครของทั้งคู่มีผลต่อชีวิตของไชรอนตั้งแต่เล็กจนโต ทำให้ตลอดทั้งเรื่องคนดูจะมีภาพของตัวละครสองตัวนี้ลอยมาในห้วงคำนึงตลอดเวลา
และบทเควิน ( ซึ่งรับบทโดยนักแสดงในสามช่วงวัยเช่นกัน ) ก็คือตัวละครที่เป็นรักแรกของไชรอนที่ส่งผลต่อการมองโลกของเขาได้อย่างมาก และบางทีความสัมพันธ์ที่อธิบายไม่ได้ของทั้งคู่อาจจะกำลังเรียกความทรงจำของคนดูในวัยเด็กกลับคืนมาจนไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้
จะมีหนังสักกี่เรื่องที่ถ่ายทอดชีวิตของคนหนึ่งคนผ่านการบอกเล่าด้วยบทสนทนาอันน้อยนิดแต่พลังของการสื่อสารด้วยภาพและอารมณ์ที่อัดแน่นอยู่ข้างในนั้นท่วมท้นและกระทบต่อความรู้สึกของคนดูได้มากมายมหาศาลเพียงนี้
และจะมีหนังของ “คนผิวสี” สักกี่เรื่องบนโลกใบนี้ที่อธิบายสภาวะทางจิตใจของเพศที่สามได้ทรงพลังเท่าหนังเรื่องนี้มาก่อน โดยเฉพาะกับฉากจบที่ทั้งแสนหดหู่และสวยงาม
This is the story of a lifetime
..นครินทร์.. facebookเพจ Cast & Crew ดูหนังสด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/CastandCrewDooNungsod/
สุดท้ายนี้ยินดีกับหนังด้วยที่ได้ ออสการ์ ค่ะ
ตอกย้ำความเยี่ยมยอดของ Moonlight ดีงามทุกตรง ด้วยรีวิวนี้ ดูแล้วมาคุยกัน ยังไม่ได้ดูมาอ่านกัน ( ไม่สปอย์ )
( คะแนน 9/10 )
หากมนุษย์เราตัดเรื่องของเพศสภาพที่แสดงอัตลักษณ์ของตัวเองออกไปได้ มนุษย์จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่จำเป็นต้องโหยหาความต้องการทางเพศจากเพศตรงข้ามแต่เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป และก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่เพศสภาพจะเป็นตัวกำหนดความเป็นไปของชีวิต แต่ความรักและสังคมที่หล่อหลอมมาตั้งแต่เด็กต่างหากที่มีอิทธิพลกับเรามากพอที่จะกำหนดทิศทางชีวิตว่าเราจะเป็นอะไรในวันข้างหน้า
Moonlight หนังดราม่าหม่นมืดของผู้กำกับแบร์รี่ เจนกิ้นส์ นำเสนอตัวเองในแนวทางดราม่าที่แบ่งช่วงของเรื่องราวออกเป็น3ตอนเพื่อถ่ายทอดชีวิตของ ไชรอน ในสามช่วงวัย คือวัยเด็ก วัยรุ่น และวัยผู้ใหญ่ ( รับบทในสามช่วงได้อย่างเข้าถึงโดย อเล็กซ์ ฮิบเบิร์ท, แอชตัน แซนเดอร์ และ เทรแวนท์ โรดส์ )
มันเล่าถึงเรื่องราวชีวิตของ ไชรอน เด็กที่เติบโตมาในชุมชนคนผิวสีในไมอามี่ ชีวิตของเขาตั้งแต่เล็กจนโตได้ผ่านการหล่อหลอมมาจากผู้คนรอบข้างที่มีทั้งดีและร้าย ฮวนซึ่งเป็นพ่อค้ายารายใหญ่ได้มีอิทธิพลต่อการเติบโตขึ้นของเขาอย่างมากจากการที่เขาได้รับการช่วยเหลือจากฮวนในวันที่ถูกเพื่อนๆในชั้นเรียนกลั่นแกล้ง ความเป็นเด็กเรียบร้อยผิดกับวิสัยของเด็กชายผิวดำทั่วไปทำให้เขาถูกมองว่าเป็นเด็กที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ มีเพียงเควิน เพื่อนชายของเขาคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจ แม้เควินคือรักแรกและเป็นความทรงจำที่ไม่อาจลืม แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งคู่ต้องจากกันไปและมาเจอกันอีกครั้งในวันที่ทั้งคู่เติบโตเป็นผู้ใหญ่
หนังทำได้อย่างยอดเยี่ยมในการถ่ายทอดภาพของสังคมที่ตัวละครอาศัยอยู่และเติบโตขึ้น ทั้งการสื่อความหมายด้วยภาพและการเปรียบเปรยด้วยวาจา นอกจากนี้ความโดดเด่นของดนตรีประกอบและการกำกับภาพยังทำหน้าที่ของมันได้อย่างทรงพลังอีกด้วย การแสดงของนักแสดงนำที่รับบทไชรอนมีความแตกต่างในแต่ละช่วงวัยได้อย่างน่าเชื่อถือ และทำให้เราเชื่อได้สนิทใจว่านี่คือคนๆเดียวกันที่ความคิดของเขาค่อยๆเติบโตขึ้นตามกาลเวลา
มาเฮอชาล่า อาลี และ นาโอมิ แฮร์ริส สองนักแสดงที่เข้าชิงออสการ์ในปีนี้มอบบทบาทที่น่าจดจำที่สุดในบทพ่อค้ายาใจดีและแม่ผู้เป็นพยาบาลแต่ตกเป็นทาสของยาเสพติด แม้จะเป็นบทสมทบแต่ตัวละครของทั้งคู่มีผลต่อชีวิตของไชรอนตั้งแต่เล็กจนโต ทำให้ตลอดทั้งเรื่องคนดูจะมีภาพของตัวละครสองตัวนี้ลอยมาในห้วงคำนึงตลอดเวลา
และบทเควิน ( ซึ่งรับบทโดยนักแสดงในสามช่วงวัยเช่นกัน ) ก็คือตัวละครที่เป็นรักแรกของไชรอนที่ส่งผลต่อการมองโลกของเขาได้อย่างมาก และบางทีความสัมพันธ์ที่อธิบายไม่ได้ของทั้งคู่อาจจะกำลังเรียกความทรงจำของคนดูในวัยเด็กกลับคืนมาจนไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้
จะมีหนังสักกี่เรื่องที่ถ่ายทอดชีวิตของคนหนึ่งคนผ่านการบอกเล่าด้วยบทสนทนาอันน้อยนิดแต่พลังของการสื่อสารด้วยภาพและอารมณ์ที่อัดแน่นอยู่ข้างในนั้นท่วมท้นและกระทบต่อความรู้สึกของคนดูได้มากมายมหาศาลเพียงนี้
และจะมีหนังของ “คนผิวสี” สักกี่เรื่องบนโลกใบนี้ที่อธิบายสภาวะทางจิตใจของเพศที่สามได้ทรงพลังเท่าหนังเรื่องนี้มาก่อน โดยเฉพาะกับฉากจบที่ทั้งแสนหดหู่และสวยงาม
This is the story of a lifetime
..นครินทร์.. facebookเพจ Cast & Crew ดูหนังสด [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สุดท้ายนี้ยินดีกับหนังด้วยที่ได้ ออสการ์ ค่ะ