คั่วกลิ้งเนื้อปลาน้ำดอกไม้และปลาข้างเหลือง


คั่วกลิ้งปลาน้ำดอกไม้ (L) คั่วกลิ้งปลาข้างเหลือง (R)

ไปเดินชมตลาดเกษตร (ตลาดสด) ที่เมืองภูเก็ตตอนเช้า ไปเห็นแม่ค้ากำลังแล่เนื้อปลาข้างเหลืองและปลาน้ำดอกไม้ ก็เกิดแนวคิดขึ้นมาว่า ทำไมไม่ซื้อเนื้อปลาเหล่านี้พร้อมพริกแกงไปทำคั่วกลิ่งที่บ้านพี่ แล้วเอาใส่ถุงกลับไปที่ กทม. เพราะว่า คั่วกลิ่งเป็นอาหารที่ทำง่ายๆ และเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน อยากทานเมื่อไรก็เอามาอุ่นเท่านั้น  และเนื้อปลาข้างเหลืองและปลาน้ำดอกไม้ที่ภูเก็ตก็สดและมีราคาถูก เพียง 90 บาท/กก. ที่ กทม. ไม่มีใครแล่เนื้อปลาเหล่านี้ขายเลย

จัดการซื้อข้างเหลืองและปลาน้ำดอกไม้มาอย่างละ 1 กก. พร้อมพริกแกงเผ็ดใต้ 2 ขีด พริกแกงพริก 2 ขีด นำมาผสมกัน คั่วกลิ่งต้องมีรสเผ็ดจัดๆ เพราะทานพร้อมข้าวสวย  พริกแกงเผ็ดใต้ ความเผ็ดยังไม่ถึงใจ ต้องเอาพริกแกงพริกที่รสเผ็ดร้อนกว่าผสม

ปลาข้างเหลืองและปลาน้ำดอกไม้ แม่ค้าแล่ปลาในตลาดเกษตร

เนื้อปลาข้างเหลืองและเนื้อปลาน้ำดอกไม้ อย่างละ 1 กก.

พริกแกงเผ็ดใต้ และ พริกแกงพริก (แกงป่าปักษ์ใต้) อย่างละ 2 ขีด นำมาผสมกันทำคั่วกลิ้ง

เอาเนื้อปลาน้ำดอกไม้ที่ล้างสะอาด ลงไปในกระทะที่ตั้งไฟร้อน ไม่ต้องใส่น้ำมันหรือน้ำ ผัดไปเดี๋ยวเดียว ปลาจะคลายน้ำออกมา ผัดไปจนน้ำแห้ง

เอาพริกแกงผสมน้ำให้เหลวนิดหน่อยใส่ลงไป กวนให้เข้ากัน

ผัดต่อไปจนแห้ง ปรุงรสด้วยน้ำปลาเท่านั้น ตักปลาขึ้น กระทะจะมีรอยไหม้นิดหน่อย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของการผัดคั่วกลิ้งไม่มีการใส่น้ำมันลงไป ผัดให้แห้ง

คั่วกลิ้งปลาน้ำดอกไม้

คั่วกลิ้งปลาข้างเหลือง

ตอนทานเอาคั่วกลิ่งปลาข้างเหลืองมาอุ่น ใส่ใบมะกรูดซอย


ทานกับข้าวหอมมะลิใหม่เลิศ


สวัสดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่