วรรณกรรมลอกเลียน ๑ ก.พ.๖๐

กระทู้สนทนา
บันทึกของคนเดินเท้า

วรรณกรรมลอกเลียน

“เจียวต้าย”

ในช่วงปี พ.ศ.๒๕๔๙ ที่ผ่านมา ในถนนนักเขียน ของห้องสมุด เวป พันทิป ดอท คอมได้มีการวิจารณ์ถึง เรื่องที่มีการลอกเรียน ดัดแปลง งานเขียนของผู้อื่น เอามาลงในเวปไซด์ หรือเอาไปให้สำนักพิมพ์ผลิตออกสู่ท้องตลาดหลายเรื่อง หลายครั้ง พอที่จะสรุปได้ว่า ผู้ที่ถูกลอกเรื่อง จะเป็นเดือดเป็นแค้นและถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงมาก ต้องมีการฟ้องร้องให้ลงโทษทางกฎหมาย และได้รับการประนามอย่างรุนแรง แต่ฝ่ายผู้ที่ลอกเขามาดัดแปลงหรือแต่งเติมเสริมต่อ กลับไม่รู้สึกว่ามีความผิดร้ายแรงอะไรสักเท่าใดนัก ดูเหมือนว่าใคร ๆ ก็ลอกกันได้

ผมจึงคิดจะสารภาพผิดกับท่านผู้อ่านว่า ผมเองก็เป็นนักลอกคนสำคัญเหมือนกัน เรื่องที่ผมเขียนมาเผยแพร่ในถนนนักเขียน ห้องสมุดพันทิปนี้ เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ก็ลอกเขามาทั้งนั้น

เรื่องสามก๊กฉบับอะไรต่อมิอะไรทั้งหมด เรื่องขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ เรื่อง เปาบุ้นจิ้น แม้แต่เรื่องคนซื่อแห่งกังหนำ ที่กำลังร่ายอยู่ในปัจจุบัน ก็ลอกมาจาก สามก๊กของเจ้าพระยาพระคลัง(หน) เรื่องจุยฮือซ้องกั๋ง เรื่องเปาเล่งถูกงอั้น และเรื่องอิวกังหนำ ที่มีผู้แปลจากภาษาจีนมาเป็นภาษาไทยไว้ ตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ทั้งสิ้น

เรื่องประเภทคุ้ยวรรณคดี ก็ลอกเอามาจาก พระอภัยมณี และ ขุนช้างขุนแผน อันโด่งดัง ของท่านสุนทรภู่ และนักกวีผู้ยิ่งใหญ่ของไทยเรามาแต่โบราณเหมือนกัน

เรื่องเกี่ยวกับประวัติของบุคคลที่น่าสนใจ ทั้งในด้านการทหารและการเมือง ในบันทึกของคนเดินเท้า ก็คัดลอกเอามาจากหนังสือที่ระลึกงานฌาปนกิจศพ ของท่านเจ้าของเรื่องบ้าง ของท่านผู้อื่นบ้าง เอามาปะติดปะต่อกันเข้า โดยไม่ได้ขออนุญาตจากทายาทของท่านเหล่านั้นเลย

เรื่องที่เป็นคดีอาชญากรรมที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นอุทาหรณ์สอนใจคนปัจจุบัน ก็ลอกเอามาจากข่าวของหนังสือพิมพ์รายวัน เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนมาทั้งดุ้นเลย

แล้วยังมีบทกวีที่เด่น ๆ เป็นคติสอนใจ ก็ลอกเอามาแปะให้อ่านกัน เป็นแบบอย่างของการเขียนโคลง กลอน กาพย์ ฉันท์ ที่ดีมีคุณค่าน่ายึดถือ ทั้งคำและความเหล่านั้น

ดูเหมือนจะมีแต่เพียงเรื่องสั้นเท่านั้น ที่ส่วนใหญ่เขียนจากประสบการณ์ของตนเอง หรือของเพื่อน หรือของคนรู้จัก เอามาดัดแปลงให้เป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งส่วนมากก็ไม่ใช่เรื่องสั้นที่ดีสักเท่าไร

โดยเฉพาะเรื่องสั้นหรรษา ที่มักจะเป็นมุกหรือไคลแม็กซ์ที่ซ้ำกันไปซ้ำกันมา ทั้งเรื่องไทย เรื่องฝรั่ง เรื่องจีน เรื่องแขก จนไม่สามารถจะบอกได้ว่า ใครลอกใครกันแน่

ผมเคยอ่านเรื่องขำขันในหนังสือชื่อดังของต่างประเทศในภาษาไทย ฉบับ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ พบเรื่องหนึ่งมีเนื้อความว่า

ผู้กองต้องการใช้โทรศัพท์หยอดเหรียญ แต่ไม่มีเหรียญ พอดีเหลือบไปเห็นพลทหารกำลังก้มหน้าก้มตาถูพื้นอยู่ จึงตรงเข้าไปถามว่า

“ พลทหาร มีเหรียญหยอดโทรศัพท์บ้างไหม “

“ มีอยู่แล้วพรรคพวก “ พลทหารตอบ

ผู้กองจ้องหน้าเอาเรื่อง แล้วพูดว่า

“ ใครสอนให้พูดกับนายทหารแบบนี้ พูดใหม่ซิ พลทหารมีเหรียญหยอดโทรศัพท์ไหม “

“ ไม่มีครับผม “ พลทหารตอบหนักแน่น.

และอีกเรื่องหนึ่ง มีความว่า

เพื่อนคนหนึ่งเปิดหนังสือพิมพ์ แล้วเห็นชื่อตัวเองปรากฏอยู่ในหน้าไว้อาลัยผู้ตาย จึงรีบโทรฯมาหาผมทันที

“ นายเห็นชื่อฉันในหน้าไว้อาลัยเช้านี้หรือเปล่า “

“ เห็นสิ “ ผมตอบ “ ว่าแต่ว่า นายโทรฯมาจากนรกใช่ไหม “


ทั้งสองเรื่องนี้ผู้เขียนเป็นฝรั่งทั้งคู่ และมีภูมิลำเนาอยู่ในสหรัฐอเมริกา ทั้งสองคน

ผมรู้สึกว่าได้เคยอ่านเรื่องทั้งสองนี้ มาแล้ว เมื่อหลายสิบปีก่อน จึงลองค้นหาในหนังสือเก่า ๆ ดู ก็พบว่าเป็นความจริง ทั้งสองเรื่อง คือ

จะเอาอะไรแน่

ว่าที่ร้อยตรีหมาด ๆ ในเครื่องแบบนายหนึ่ง กำลังยืนค้นหาเศษเหรียญในกระเป๋า อยู่หน้าตู้โทรศัพท์สาธารณะ ที่ป้ายรถเมล์ย่านสถานีรถ บ.ข.ส. อย่างขะมักเขม้น พอดีกับพลทหารในชุดฝึกคนหนึ่ง ก็เดินกรุบกรับมาถึง ผู้หมวดใหม่ของเราก็เลยกวักมือเรียก

“ นี่…เธอ มีเศษเหรียญบ้างไหม ขอฉันแลกโทรศัพท์บ้างสิ “

พลทหารผู้นั้นยิ้มให้ พลางล้วงประเป๋ากางเกง

“ คิดว่ามี รอเดี๋ยวนะครับ “

ร้อยตรีใหม่ผู้นั้นรู้สึกฉุนโกรธเป็นอันมาก ที่พลทหารได้พูดกับเขา ด้วยกิริยา สบาย ๆ ไม่แสดงความมีวินัยของทหาร จึงว่าต่อไปว่า

“ นี่…เธอ..เธอเป็นใคร และฉันเป็นใคร ให้มันรู้เสียบ้าง เอาใหม่…มีเศษเหรียญให้ฉันแลกบ้างหรือเปล่า “

พลทหารใหม่นายนั้นตกกะใจ รีบชักมือออกจากกระเป๋ากางเกง ชิดเท้าโดยแรงจนส้นเท้ากระทบกันดังโป๊ก พร้อมกับวันทยาหัตถ์อย่างเข้มแข็ง พลางตอบเสียงลั่นถนน จนได้ยินไปถึงใน บ.ข.ส.

“ ไม่มี….ครับผม…..! “

เรื่องนี้ผู้เขียนชื่อ “พจนารถ” จากวารสารกองพลทหารม้าที่ ๑ ฉบับ กันยายน ๒๕๓๙ ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง คือ

ถึงคราวจะซวย

กระทาชาย นายบุญส่ง ผู้ซึ่งเป็นนักนิยมหมอดูขนาดขึ้นสมองคนหนึ่ง ในกรุงเทพมหานคร ที่มีใครว่าไม่มีวันจะแตกเหมือนไซ่ง่อน พนมเปญ หรือเวียงจันทน์นี้ เขาได้รับการทำนายทายทัก จากอาจารย์โหราศาสตร์ที่มีชื่อเสียงติดอันดับท็อปเท็นท่านหนึ่งว่า จะเจอเคราะห์หามยามร้ายขนาดหนัก อาจจะถึงชีวิตในวันในพรุ่ง จึงแอบเก็บเนื้อเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในบ้าน โดยไม่พยายามที่จะทำอะไร ให้เป็นการเสี่ยงอันตรายด้วยประการทั้งปวง และไม่ยอมพบหน้าค่าตากับผู้ใดทั้งสิ้น แม้แต่เจ้าหนี้ที่น่านับถือทุกคน

ประมาณซักสี่ซ้าห้าวันหลังจากนั้น ในตอนเช้าตรู่เขาก็ได้พานพบข่าวหนังสือพิมพ์เช้า ฉบับที่ฮิตที่สุดในหมู่ผู้อ่านระดับชาวบ้าน ซึ่งออกวางขายตั้งแต่บ่ายเมื่อวาน ลงข่าวอย่างชัดเจนว่า ได้มีการฌาปนกิจศพตัวเขาเอง ที่วัดตรีทศเทพ เมื่อวานนี้ เวลา ๑๗.๐๐ น.

ด้วยความตื่นตระหนกในหัวอกหัวใจ เขาจึงได้ตาลีตาเหลือกหมุนโทรศัพท์ไปหา บำรุงศักดิ์ เพื่อนรักเพื่อนเกลอที่อยู่ไกลถึงเขาชะโงก เพื่อบอกเรื่องที่แสนจะประหลาดนี้ เป็นคนแรก

“ ไอ้ส่งน่ะเหรอ “ เสียงอ่อนระโหยโรยแรงกรอกมาตามสาย

“ ใช่….ตายเสียแล้วว่ะ อั๊วไปเผามาก๊ะมือเมื่อวานนี้เอง……อ้าว ตายห่ะ….นั่นแกเองน่ะรึ เป็นไงบ้างเพื่อน โทรมาจากสวรรค์หรือนรกล่ะเนี่ยะ…….”

เรื่องนี้ผู้เขียนใช้ชื่อ “ จอจาน “ จากนิตยสารทหารสื่อสาร กันยายน – ตุลาคม ๒๕๑๘

น่าแปลกอย่างยิ่ง ที่เรื่องทั้งสองมาซ้ำกันได้ โดยห่างกันถึง ๘ ปี กับ ๒๙ ปี ไม่น่าเชื่อว่าฝรั่งในสหรัฐอเมริกา ได้อ่านเรื่องนี้แล้วลอกเอาไปเขียน ลงในนิตยสารเป็นภาษาอังกฤษ แล้วกลับมาแปลเป็นไทยลงใน วารสารฉบับนี้

แล้วถ้าไม่ใช่อย่างนั้นจะเป็นไปได้อย่างไร

#############
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่