ไม่ข้อพูดถึงเรื่องคดีความ แต่อยากให้ความรู้เกี่ยวกับกฏหมายพระ ว่าด้วยการลงนิคหกรรม อ้างตาม กฏมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 11 พศ.2521 ว่าด้วยการลงนิคหกรรม
ฉบับเต็มไปหาโหลดเอาเอง ซึ่งผมจะชี้แจงว่าทำไมสีกาที่ออกมาแฉบอกว่ายื่นเรื่องไปที่มหาเถรฯแต่ไม่มีคำตอบใดๆ
การลงนิคหกรรม มี3ระดับ คือ ชั้นต้น ในกรณีนี้ ให้ยืนเรื่องไปที่เจ้าคณะตำบลหรืออำเภอ เพื่อจะได้มีการสอบสวนหรือตัดสิน
อุทธรณ์ เป็นอำนาจของเจ้าคณะจังหวัด หรือภาค
ฏีกา เป็นอำนาจของมหาเถรสมาคม คำตัดสินถือเป็นสิ้นสุด
กรณีนี้ สีกาก็เหมือนลัดขั้นตอนไปฟ้องฏีกาเลย ซึ่งจะไม่รับก็ไมีแปลก
และที่สำคัญศาลสงฆ์จะไม่รับฟ้องด้วย เหตุผลดังต่อไปนี้
1.เรื่องที่ฟ้องไม่ใช่เรื่องเก่าที่โจทย์ไม่คิดจะฟ้องแต่เดิม
2.เรื่องที่นำมาฟ้องไม่ใช่เรื่องที่ผู้มีอำนาจลงนิคหกรรมตัดสินอันเป็นที่สุดแล้ว
3.เรื่องที่นำมาฟ้องต้องไม่อยู่ระหว่างพิจารณาคดีหรือศาลฝ่ายอาณาจักรตัดสินเป็นที่สุดแล้ว
ซึ่งปกติหากมีปัญหาอะไร ผู้เสียหายก็มักจะนำเรื่องไปฟ้องฝ่ายอาณาจักรก่อนอยู่แล้ว ซึ่งจากกฏหมายสงฆ์ก็เท่ากับปิดประตูการร้องผ่ายฝ่ายสงฆ์ไปเลย
แล้วใครที่ว่าพระแบ็คดี มหาเถรฯไม่หือไม่อือ ว่าพระเสียๆหายๆ ว่ารับลูกกันปกป้องกัน ก็ระวังจะหาบาปใส่ตัวโดยไม่รู้ตัว
เรื่อง ที่สีกาแฉว่าพระข่มขืน ระวังจะหาบาปใส่ตัวโดยไม่รู้ตัว
ฉบับเต็มไปหาโหลดเอาเอง ซึ่งผมจะชี้แจงว่าทำไมสีกาที่ออกมาแฉบอกว่ายื่นเรื่องไปที่มหาเถรฯแต่ไม่มีคำตอบใดๆ
การลงนิคหกรรม มี3ระดับ คือ ชั้นต้น ในกรณีนี้ ให้ยืนเรื่องไปที่เจ้าคณะตำบลหรืออำเภอ เพื่อจะได้มีการสอบสวนหรือตัดสิน
อุทธรณ์ เป็นอำนาจของเจ้าคณะจังหวัด หรือภาค
ฏีกา เป็นอำนาจของมหาเถรสมาคม คำตัดสินถือเป็นสิ้นสุด
กรณีนี้ สีกาก็เหมือนลัดขั้นตอนไปฟ้องฏีกาเลย ซึ่งจะไม่รับก็ไมีแปลก
และที่สำคัญศาลสงฆ์จะไม่รับฟ้องด้วย เหตุผลดังต่อไปนี้
1.เรื่องที่ฟ้องไม่ใช่เรื่องเก่าที่โจทย์ไม่คิดจะฟ้องแต่เดิม
2.เรื่องที่นำมาฟ้องไม่ใช่เรื่องที่ผู้มีอำนาจลงนิคหกรรมตัดสินอันเป็นที่สุดแล้ว
3.เรื่องที่นำมาฟ้องต้องไม่อยู่ระหว่างพิจารณาคดีหรือศาลฝ่ายอาณาจักรตัดสินเป็นที่สุดแล้ว
ซึ่งปกติหากมีปัญหาอะไร ผู้เสียหายก็มักจะนำเรื่องไปฟ้องฝ่ายอาณาจักรก่อนอยู่แล้ว ซึ่งจากกฏหมายสงฆ์ก็เท่ากับปิดประตูการร้องผ่ายฝ่ายสงฆ์ไปเลย
แล้วใครที่ว่าพระแบ็คดี มหาเถรฯไม่หือไม่อือ ว่าพระเสียๆหายๆ ว่ารับลูกกันปกป้องกัน ก็ระวังจะหาบาปใส่ตัวโดยไม่รู้ตัว