เราบรรดาจอมยุทธ์ทั้งหลายก็ได้เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายแล้วของ VSA for Dummies เราได้ทำการสะกดรอยเท้าของ potential player มาจนจะสุดทางแล้ว ยังเหลืออีก 4 กระบวนท่าสุดท้ายที่เราต้องเรียนรู้... ลุยกันต่อเลยดีกว่า จะรออะไร go go go !!
ลักษณะวอลุ่มเช่นนี้คือช่วงเวลาของการ “กระจายจ่ายแจก” หุ้นจำนวนมากออกมาจากผู้เล่นรายใหญ่มาสู่ผู้เล่นรายย่อยในตลาด การกระจายเป็นอะไรที่ต้องใช้ “ฝีมือ” มากกว่าการขายเพราะมันต้องค่อยๆเป็นไปและไม่สามารถจะทำให้เสร็จภารกิจได้อย่างรวดเร็ว หุ้นทุกตัวไม่สามารถที่จะมี “ข่าวดี” มา “drive” ให้เกิด “huge demand” ได้ตลอดไป เมื่อไม่มี มันก็ไม่สามารถจะ “ปิดดีล” ได้อย่างรวดเร็ว หากพวกเขาขายหุ้นที่มีทั้งหมดออกมาในคราวเดียวก็จะต้องเกิดการ ขายหนัก ไม้ใหญ่ แน่นอนมันเป็นการทุบหม้อข้าวตัวเอง จะดีกว่ามั้ยหากเขาค่อยๆกระจายหุ้นออกมาโดยที่ราคาหุ้นไม่ได้ตกลงไปมากนัก อาการที่โผล่ออกมาคือ หุ้นเหวี่ยงตัวไปมาอยู่หลายวัน ดูเหมือนมันจะขึ้นและก็ดูเหมือนมันจะลง... แล้ววอลุ่มก็เกิดอย่างแน่นหนา นี่เองจึงเป็นสาเหตุของการเกิดแพตเทิร์นต่างๆที่บ่งบอกลักษณะของการที่หุ้นถูกกระจายออกมา เช่น double top, rounding top, churning day etc, อาการเหล่านี้ อาจเกิดในช่วงไม่เกินสัปดาห์หรือเกิดเป็นเดือนก็แล้วแต่ว่าหุ้นตัวนั้นๆวิ่งเป็นกระทิงมายาวนานแค่ไหน ช่วงต้นของการกระจายหุ้นหากมีแรงขายหนักๆออกมาจนทำให้ราคาหุ้นทรุดลงเร็วเกินไป การทำการกระจายหุ้นดังกล่าวนี้จะต้องหยุดไว้ชั่วคราวก่อนและทีมส์กระจายหุ้นของพวกเขาจะต้องทำการ “support” ราคาเอาไว้หรือไม่ก็ทำให้ราคาขึ้นมาก่อนแล้วค่อยทำการขายรอบต่อไป เมื่อหุ้นในมือส่วนใหญ่ของพวกเขาได้ถูกปล่อยออกมาแล้ว ราคาหุ้นก็จะไม่ถูกประคองไว้อีกต่อไป หุ้นจำนวนมากของคนจำนวนน้อยถูกปลดปล่อยไปสู่คนจำนวนมากที่มีหุ้นจำนวนน้อย ก็เป็นเช่นเดิม หมีมาเยือน...
นี่คือโคตรสัญญาณของการมี strength in the BG ผู้ซื้อที่แข็งแกร่งได้มีมุมมองในอนาคตที่เป็น bullish อย่างมากต่อตัวหุ้น และจะเริ่มเข้าสะสมเมื่อได้คาดการณ์ว่าราคาหุ้นจะไม่ต่ำไปกว่านี้อีกแล้ว เหตุการณ์นี้จะดำเนินไปในสภาวะปลายตลาดหมี เขาจะทำการสะสมหุ้นให้ได้จำนวนมากที่สุดวันแล้ววันเล่าในช่วงระยะเวลาที่ยาวนานในระยะเดือนหรือหลายเดือน ความหมายของการ “สะสมหุ้น” จะแตกต่างจากการซื้อหุ้น การสะสมจะค่อยๆดำเนินไป เพราะพวกเขาไม่สามารถที่จะเก็บหุ้นได้จำนวนมหาศาลในระยะเวลาสั้นๆ เพราะนั่นอาจเป็นการทุบหม้อข้าวตัวเองหากเร่งเข้าไปซื้อหุ้น การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นจะไม่ค่อยขยับขึ้นไปจนโดดเด่นนัก เค้าไม่อยากให้ใครสังเกตเห็น แต่หากดูในระยะเดือนก็จะพบว่าวอลุ่มหนาแน่นอย่างมาก เมื่อ supplyในตลาดถูกดูดของไป ณ low price level เป็นจำนวนมหาศาลแล้ว มันง่ายมากๆที่หุ้นจะขยับขึ้นไปโดยไร้ “สิ่งกีดขวาง” สิ่งดีของการเกิดเหตุการณ์นี้คือ ราคาหุ้นมักจะโดน limit ไม่ให้ลงต่ำลงไปอีก เนื่องจากทุนของหุ้นจำนวนมหาศาลที่พวกเขาได้เก็บไปแล้วอยู่ในระดับนั้นนั่นเอง ซึ่งหุ้นจำนวนมหาศาลถูกคาดมาแล้วว่าราคาต้องขึ้นไปจากระดับนี้เป็นอย่างมาก ในระดับราคาที่สูงพอที่จะสามารถปล่อยหุ้นจำนวนมากมายขนาดนั้นออกมาได้ทั้งหมด และนั่นเองเป็น "โอกาส" ของเรา..
#11 Temporary Exhaustion Volume
กรณีนี้คืออยู่ๆก็มีวอลุ่มพุ่งขึ้นมา วอลุ่มแบบนี้นั้นมันมัก “ทำท่าจะดีขึ้นมาชั่วคราว” แต่แล้วก็ไปไม่รอด ทำให้ดูเหมือนเป็นการ Vol BO หรือ มีวอลุ่มที่พุ่งขึ้นค่าเฉลี่ยเป็นอย่างมาก มันจึงน่าดึงดูดให้คนนอกเข้าไปไล่ซื้อตามหรือคนที่มีหุ้นอยู่ได้ขายหุ้นจำนวนมากสวนออกมา มันสามารถเกิดในหุ้นที่ทำ flat base ได้บ่อยหรือในแพตเทิร์นอื่นๆที่ไม่มี strength in the BG ซึ่งอาจเป็นแรงซื้อของผู้ซื้อทั่วไปที่วิ่งเข้ามาซื้อหุ้นโดยปราศจากการทำการสะสมหุ้นเพื่อ absorb แรงขายที่ level ต่างๆก่อนที่จะปล่อยให้หุ้นขึ้นไป ซึ่งการที่จะ identify ว่า วอลุ่มที่พุ่งขึ้นมานั้นเป็นtemporary หรือไม่นั้นก็ต้องตามดูไปที่ following sign ของมันที่จะเกิดตามมา หาก demand ในตัวหุ้นนั้นมีอยู่จริง เป็นแรงซื้อจริงๆ การแสดงออกต่อมาของตัวหุ้นก็ควรจะเป็นไปในทางที่ดี เช่น ราคาหุ้นขึ้นต่อไปพร้อมวอลุ่มก็ตามมา การพักตัวออกข้างหรือหย่อนตัวลงมาด้วยวอลุ่มที่บางเฉียบ นั่นหมายความว่า มีแรง support หุ้นไว้ หรือไม่มีการเทขายหุ้นออกมา การเกิดเหตุการณ์นี้มักจะเป็น noise ไปเพราะว่าตลาดได้เทสแรงขายที่มีอยู่ในตัวหุ้นนั้นไม่ผ่าน เนื่องจากว่าหุ้นตัวนั้นเต็มไปด้วย more supply level นั่นเอง ผู้ซื้อที่ “ทะเล่อทะล่า” เข้ามาเพื่อต้องการ “ buy low” หรือกรณีอื่นเมื่อเจอแรงขายดังกล่าวจึงต้อง “ถอดใจ” ลงกลางคัน
#12 Bearish Vol. on Top & Rising Vol. on Decline
เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่มีความขัดแย้งของการเคลื่อนตัวขึ้นไปของราคาหุ้น แล้วตามมาด้วยสัญญาณที่รุนแรงของการแสดงตัวเป็นขาลงของหุ้นที่เกิดขึ้นตามมา จากหลักการพื้นฐานของเราคือ
1. Bullish vol. และ
2. Bearish vol. หลักการของวอลุ่มหมีนั่นคือ หุ้นลงวอลุ่มเพิ่มแล้วหุ้นขึ้นวอลุ่มลด..
ในกรณีนี้คือการครบองค์ประกอบสองอย่างที่ชัดเจน มันเป็นการเกิดสัญญาณ “เตือน” แล้วก็ตามมาด้วยสัญญาณ “ยืนยัน” มันจะเกิดในช่วงของการจบรอบของภาวะกระทิง การพุ่งขึ้นไปนิวไฮของตัวหุ้นด้วยวอลุ่มที่น้อยเกินไปนั้นช่างไม่น่าประทับใจ มันคือสัญญาณที่แสดงความอ่อนแรงออกมาของผู้ซื้อ แล้วหุ้นก็ดูเหมือนจะขึ้นไปไม่ไหว แรงขายปรากฏตัวเข้ามาในตลาด หุ้นหล่นตุบลงมาด้วยวอลุ่มที่เพิ่มขึ้น หากตรวจสอบโดยใช้ indicator ก็มักจะพบว่าเกิดการทำ“bearish divergence” ณ จุดนิวไฮใหม่นั้น อาจเป็นไปได้ที่หุ้นจะถูกทำให้กลับขึ้นไปได้อีกแต่มันก็ยากเหลือเกิน หากเราตรวจพบสัญญาณนี้ของตัวหุ้นที่ได้เกิดขึ้น หรือที่พึ่งได้เกิดขึ้นผ่านไปได้ไม่นาน แม้หุ้นจะทำสัญญาณให้เข้าซื้อ เราก็ควรจะมองในทาง “หลีกเลี่ยง” ไว้ก่อนที่จะเข้าไปในหุ้นดังกล่าว....
..
..
..
จบแล้วครับ... เป็นไงกันบ้าง ไม่รู้มีประโยชน์มั่งรึป่าวนะ ครบทั้งหมด 12 แบบ เป็นซีรี่ย์ย่อมๆได้เลย
ท่านจะเห็นว่าที่เราได้พูดมาทั้งหมดนั้นเราไม่ได้พูดกันเลยว่าข่าวดีเราจะซื้อหรือจะขาย เพียงแต่เราจะโฟกัสไปที่สิ่งที่โชว์ออกมาในกราฟราคาและวอลุ่มดังที่กล่าวไป เพราะข่าวนั้นแทบจะเป็น "สิ่งสุดท้าย" จริงๆที่เราจะเอามาใช้ในการเล่นหุ้น ข่าวที่ถูกปล่อยมาเขย่าอารมณ์ของคนเล่นหุ้นนั้นมันเป็น "เครื่องมือ" ที่ดีเหลือเกินของรายใหญ่ พวกเขารู้เป็นอย่างดีว่าควรจะใช้ข่าวดีหรือข่าวร้ายในเวลาไหน ซึ่งมันก็ง่ายเหลือเกินที่จะนำมาใช้...
เราจะต้องไม่กังวลจนหลงลืมแผนการของเราไป และจะให้ความสนใจมันน้อยมากแก่ news ที่ถูก feed เข้ามาในตลาด เพราะท้ายที่สุดแล้ว result นั้นมันจะขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะทำให้มันเกิดขึ้นแบบใด คนเหล่านนี้มักมีความได้เปรียบที่เหนือกว่านักลงทุนทั่วๆไปในตลาดตามที่ได้กล่าวไปแล้ว
โชคดีที่เราเองแม้เสียเปรียบ แต่ก็สามารถจะสังเกตสิ่งเหล่านั้นได้จาก volume & price spread นั่นเอง....
ดังนั้น activityของพวกเขาคือสิ่งที่เราต้องให้ความสนใจมากกว่าสิ่งอื่นใด...
ต่อไปนี้เราจะมุ่งความสนใจไปที่ professional activity เป็นการสะกดรอยเท้าของรายใหญ่นั่นเอง...
เดวิดแม้จะตัวเล็กกว่าแต่ก็ใช้ทักษะการต่อสู้ที่ดีกว่าฆ่าโกไลแอธลงได้..
=======================================
█ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂ บทเรียนที่ 1 : Volume Investor (VI) ▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █
Link :
https://ppantip.com/topic/36037787
█ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂ บทเรียนที่ 2 : Volume Spread Analysis for Dummies ▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █
Link :
https://ppantip.com/topic/36037830
█ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂ บทเรียนที่ 3 : Volume Spread Analysis for Dummies ▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █
Link :
https://ppantip.com/topic/36037852
█ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂ บทเรียนที่ 4 : Volume Spread Analysis for Dummies ▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █
Link :
https://ppantip.com/topic/36038456
Credit :
https://goo.gl/ND4uEp ,
https://goo.gl/1X4lXv ,
https://goo.gl/kJFN9E ,
https://goo.gl/tD1fXx
=======================================
█ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂ บทเรียนที่ 4 : Volume Spread Analysis for Dummies ▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █
ลักษณะวอลุ่มเช่นนี้คือช่วงเวลาของการ “กระจายจ่ายแจก” หุ้นจำนวนมากออกมาจากผู้เล่นรายใหญ่มาสู่ผู้เล่นรายย่อยในตลาด การกระจายเป็นอะไรที่ต้องใช้ “ฝีมือ” มากกว่าการขายเพราะมันต้องค่อยๆเป็นไปและไม่สามารถจะทำให้เสร็จภารกิจได้อย่างรวดเร็ว หุ้นทุกตัวไม่สามารถที่จะมี “ข่าวดี” มา “drive” ให้เกิด “huge demand” ได้ตลอดไป เมื่อไม่มี มันก็ไม่สามารถจะ “ปิดดีล” ได้อย่างรวดเร็ว หากพวกเขาขายหุ้นที่มีทั้งหมดออกมาในคราวเดียวก็จะต้องเกิดการ ขายหนัก ไม้ใหญ่ แน่นอนมันเป็นการทุบหม้อข้าวตัวเอง จะดีกว่ามั้ยหากเขาค่อยๆกระจายหุ้นออกมาโดยที่ราคาหุ้นไม่ได้ตกลงไปมากนัก อาการที่โผล่ออกมาคือ หุ้นเหวี่ยงตัวไปมาอยู่หลายวัน ดูเหมือนมันจะขึ้นและก็ดูเหมือนมันจะลง... แล้ววอลุ่มก็เกิดอย่างแน่นหนา นี่เองจึงเป็นสาเหตุของการเกิดแพตเทิร์นต่างๆที่บ่งบอกลักษณะของการที่หุ้นถูกกระจายออกมา เช่น double top, rounding top, churning day etc, อาการเหล่านี้ อาจเกิดในช่วงไม่เกินสัปดาห์หรือเกิดเป็นเดือนก็แล้วแต่ว่าหุ้นตัวนั้นๆวิ่งเป็นกระทิงมายาวนานแค่ไหน ช่วงต้นของการกระจายหุ้นหากมีแรงขายหนักๆออกมาจนทำให้ราคาหุ้นทรุดลงเร็วเกินไป การทำการกระจายหุ้นดังกล่าวนี้จะต้องหยุดไว้ชั่วคราวก่อนและทีมส์กระจายหุ้นของพวกเขาจะต้องทำการ “support” ราคาเอาไว้หรือไม่ก็ทำให้ราคาขึ้นมาก่อนแล้วค่อยทำการขายรอบต่อไป เมื่อหุ้นในมือส่วนใหญ่ของพวกเขาได้ถูกปล่อยออกมาแล้ว ราคาหุ้นก็จะไม่ถูกประคองไว้อีกต่อไป หุ้นจำนวนมากของคนจำนวนน้อยถูกปลดปล่อยไปสู่คนจำนวนมากที่มีหุ้นจำนวนน้อย ก็เป็นเช่นเดิม หมีมาเยือน...
นี่คือโคตรสัญญาณของการมี strength in the BG ผู้ซื้อที่แข็งแกร่งได้มีมุมมองในอนาคตที่เป็น bullish อย่างมากต่อตัวหุ้น และจะเริ่มเข้าสะสมเมื่อได้คาดการณ์ว่าราคาหุ้นจะไม่ต่ำไปกว่านี้อีกแล้ว เหตุการณ์นี้จะดำเนินไปในสภาวะปลายตลาดหมี เขาจะทำการสะสมหุ้นให้ได้จำนวนมากที่สุดวันแล้ววันเล่าในช่วงระยะเวลาที่ยาวนานในระยะเดือนหรือหลายเดือน ความหมายของการ “สะสมหุ้น” จะแตกต่างจากการซื้อหุ้น การสะสมจะค่อยๆดำเนินไป เพราะพวกเขาไม่สามารถที่จะเก็บหุ้นได้จำนวนมหาศาลในระยะเวลาสั้นๆ เพราะนั่นอาจเป็นการทุบหม้อข้าวตัวเองหากเร่งเข้าไปซื้อหุ้น การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นจะไม่ค่อยขยับขึ้นไปจนโดดเด่นนัก เค้าไม่อยากให้ใครสังเกตเห็น แต่หากดูในระยะเดือนก็จะพบว่าวอลุ่มหนาแน่นอย่างมาก เมื่อ supplyในตลาดถูกดูดของไป ณ low price level เป็นจำนวนมหาศาลแล้ว มันง่ายมากๆที่หุ้นจะขยับขึ้นไปโดยไร้ “สิ่งกีดขวาง” สิ่งดีของการเกิดเหตุการณ์นี้คือ ราคาหุ้นมักจะโดน limit ไม่ให้ลงต่ำลงไปอีก เนื่องจากทุนของหุ้นจำนวนมหาศาลที่พวกเขาได้เก็บไปแล้วอยู่ในระดับนั้นนั่นเอง ซึ่งหุ้นจำนวนมหาศาลถูกคาดมาแล้วว่าราคาต้องขึ้นไปจากระดับนี้เป็นอย่างมาก ในระดับราคาที่สูงพอที่จะสามารถปล่อยหุ้นจำนวนมากมายขนาดนั้นออกมาได้ทั้งหมด และนั่นเองเป็น "โอกาส" ของเรา..
กรณีนี้คืออยู่ๆก็มีวอลุ่มพุ่งขึ้นมา วอลุ่มแบบนี้นั้นมันมัก “ทำท่าจะดีขึ้นมาชั่วคราว” แต่แล้วก็ไปไม่รอด ทำให้ดูเหมือนเป็นการ Vol BO หรือ มีวอลุ่มที่พุ่งขึ้นค่าเฉลี่ยเป็นอย่างมาก มันจึงน่าดึงดูดให้คนนอกเข้าไปไล่ซื้อตามหรือคนที่มีหุ้นอยู่ได้ขายหุ้นจำนวนมากสวนออกมา มันสามารถเกิดในหุ้นที่ทำ flat base ได้บ่อยหรือในแพตเทิร์นอื่นๆที่ไม่มี strength in the BG ซึ่งอาจเป็นแรงซื้อของผู้ซื้อทั่วไปที่วิ่งเข้ามาซื้อหุ้นโดยปราศจากการทำการสะสมหุ้นเพื่อ absorb แรงขายที่ level ต่างๆก่อนที่จะปล่อยให้หุ้นขึ้นไป ซึ่งการที่จะ identify ว่า วอลุ่มที่พุ่งขึ้นมานั้นเป็นtemporary หรือไม่นั้นก็ต้องตามดูไปที่ following sign ของมันที่จะเกิดตามมา หาก demand ในตัวหุ้นนั้นมีอยู่จริง เป็นแรงซื้อจริงๆ การแสดงออกต่อมาของตัวหุ้นก็ควรจะเป็นไปในทางที่ดี เช่น ราคาหุ้นขึ้นต่อไปพร้อมวอลุ่มก็ตามมา การพักตัวออกข้างหรือหย่อนตัวลงมาด้วยวอลุ่มที่บางเฉียบ นั่นหมายความว่า มีแรง support หุ้นไว้ หรือไม่มีการเทขายหุ้นออกมา การเกิดเหตุการณ์นี้มักจะเป็น noise ไปเพราะว่าตลาดได้เทสแรงขายที่มีอยู่ในตัวหุ้นนั้นไม่ผ่าน เนื่องจากว่าหุ้นตัวนั้นเต็มไปด้วย more supply level นั่นเอง ผู้ซื้อที่ “ทะเล่อทะล่า” เข้ามาเพื่อต้องการ “ buy low” หรือกรณีอื่นเมื่อเจอแรงขายดังกล่าวจึงต้อง “ถอดใจ” ลงกลางคัน
เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่มีความขัดแย้งของการเคลื่อนตัวขึ้นไปของราคาหุ้น แล้วตามมาด้วยสัญญาณที่รุนแรงของการแสดงตัวเป็นขาลงของหุ้นที่เกิดขึ้นตามมา จากหลักการพื้นฐานของเราคือ
1. Bullish vol. และ
2. Bearish vol. หลักการของวอลุ่มหมีนั่นคือ หุ้นลงวอลุ่มเพิ่มแล้วหุ้นขึ้นวอลุ่มลด..
ในกรณีนี้คือการครบองค์ประกอบสองอย่างที่ชัดเจน มันเป็นการเกิดสัญญาณ “เตือน” แล้วก็ตามมาด้วยสัญญาณ “ยืนยัน” มันจะเกิดในช่วงของการจบรอบของภาวะกระทิง การพุ่งขึ้นไปนิวไฮของตัวหุ้นด้วยวอลุ่มที่น้อยเกินไปนั้นช่างไม่น่าประทับใจ มันคือสัญญาณที่แสดงความอ่อนแรงออกมาของผู้ซื้อ แล้วหุ้นก็ดูเหมือนจะขึ้นไปไม่ไหว แรงขายปรากฏตัวเข้ามาในตลาด หุ้นหล่นตุบลงมาด้วยวอลุ่มที่เพิ่มขึ้น หากตรวจสอบโดยใช้ indicator ก็มักจะพบว่าเกิดการทำ“bearish divergence” ณ จุดนิวไฮใหม่นั้น อาจเป็นไปได้ที่หุ้นจะถูกทำให้กลับขึ้นไปได้อีกแต่มันก็ยากเหลือเกิน หากเราตรวจพบสัญญาณนี้ของตัวหุ้นที่ได้เกิดขึ้น หรือที่พึ่งได้เกิดขึ้นผ่านไปได้ไม่นาน แม้หุ้นจะทำสัญญาณให้เข้าซื้อ เราก็ควรจะมองในทาง “หลีกเลี่ยง” ไว้ก่อนที่จะเข้าไปในหุ้นดังกล่าว....
..
..
..
จบแล้วครับ... เป็นไงกันบ้าง ไม่รู้มีประโยชน์มั่งรึป่าวนะ ครบทั้งหมด 12 แบบ เป็นซีรี่ย์ย่อมๆได้เลย
ท่านจะเห็นว่าที่เราได้พูดมาทั้งหมดนั้นเราไม่ได้พูดกันเลยว่าข่าวดีเราจะซื้อหรือจะขาย เพียงแต่เราจะโฟกัสไปที่สิ่งที่โชว์ออกมาในกราฟราคาและวอลุ่มดังที่กล่าวไป เพราะข่าวนั้นแทบจะเป็น "สิ่งสุดท้าย" จริงๆที่เราจะเอามาใช้ในการเล่นหุ้น ข่าวที่ถูกปล่อยมาเขย่าอารมณ์ของคนเล่นหุ้นนั้นมันเป็น "เครื่องมือ" ที่ดีเหลือเกินของรายใหญ่ พวกเขารู้เป็นอย่างดีว่าควรจะใช้ข่าวดีหรือข่าวร้ายในเวลาไหน ซึ่งมันก็ง่ายเหลือเกินที่จะนำมาใช้...
เราจะต้องไม่กังวลจนหลงลืมแผนการของเราไป และจะให้ความสนใจมันน้อยมากแก่ news ที่ถูก feed เข้ามาในตลาด เพราะท้ายที่สุดแล้ว result นั้นมันจะขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะทำให้มันเกิดขึ้นแบบใด คนเหล่านนี้มักมีความได้เปรียบที่เหนือกว่านักลงทุนทั่วๆไปในตลาดตามที่ได้กล่าวไปแล้ว
โชคดีที่เราเองแม้เสียเปรียบ แต่ก็สามารถจะสังเกตสิ่งเหล่านั้นได้จาก volume & price spread นั่นเอง....
ดังนั้น activityของพวกเขาคือสิ่งที่เราต้องให้ความสนใจมากกว่าสิ่งอื่นใด...
ต่อไปนี้เราจะมุ่งความสนใจไปที่ professional activity เป็นการสะกดรอยเท้าของรายใหญ่นั่นเอง...
=======================================
█ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂ บทเรียนที่ 1 : Volume Investor (VI) ▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █
Link : https://ppantip.com/topic/36037787
█ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂ บทเรียนที่ 2 : Volume Spread Analysis for Dummies ▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █
Link : https://ppantip.com/topic/36037830
█ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂ บทเรียนที่ 3 : Volume Spread Analysis for Dummies ▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █
Link : https://ppantip.com/topic/36037852
█ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂ บทเรียนที่ 4 : Volume Spread Analysis for Dummies ▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █
Link : https://ppantip.com/topic/36038456
Credit : https://goo.gl/ND4uEp , https://goo.gl/1X4lXv , https://goo.gl/kJFN9E , https://goo.gl/tD1fXx
=======================================