สถานการณ์นี้ต่อไปนี้กำลังร้อนในกลุ่มของชาวเทรดคริปโต จากการเล่าเรื่องราวของคนๆหนึ่ง เมื่อความหวังกลับเป็นความสิ้นหวัง โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดหมี (Bear Market) เมื่อการตัดสินใจที่มั่นใจกำลังจะกลายเป็นการพนันและความเสี่ยงที่ยากเกินควบคุม
เรื่องมันเริ่มต้นที่ บุคคลนึงได้เริ่มต้นด้วยการนำเงินจากธุรกิจส่วนตัวมาลงทุนในตลาดคริปโต แต่เนื่องจากตอนนี้ตลาดเข้าสู่ภาวะขาลง (ตลาดหมี) เขาคิดว่าจะซื้อไว้ เพื่อรอจังหวะพลิกเป็นกำไร ด้วยความเชื่อมั่นในคริปโตมาก เขาขายทรัพย์สินที่สำคัญ (บ้านมรดก รถ ของใช้ในบ้าน) และเปลี่ยนโรงเรียนลูก เพื่อนำเงินมาลงทุนต่อ เขาอ้างว่าใช้กลยุทธ์ DCA (Dollar-Cost Averaging) แต่ในทางปฏิบัติดูเหมือนว่าเขากำลัง “ถัวต้นทุน”
เขาเลือกลงทุนในเหรียญเล็ก (Altcoins) ที่มีความเสี่ยงสูงกว่า หวังว่าจะได้กำไรมากขึ้น แต่การลงทุนนี้ส่งผลให้พอร์ตลงทุนที่เคยมีมูลค่ากว่าล้านบาทลดลงเหลือไม่ถึงแสนบาทในระยะเวลาสั้น ๆ
หลังจากประสบความล้มเหลวในด้านการเงิน เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง จึงต้องขายเหรียญในพอร์ตเพื่อหาเงินมารักษาตัว แม้สถานการณ์จะย่ำแย่ เขายังพยายามลงทุนในตลาดคริปโตอีกครั้ง โดยเลือก Altcoins ที่ “ไม่เสี่ยง” (ในความคิดเขา) แต่พอร์ตลงทุนกลับแตกอีกครั้งจนเหลือเพียง 30,000 บาท
ขณะนี้เขาสงสัยว่าจะออกจากตลาดคริปโตดีหรือไม่ พร้อมแสดงความกลัวที่จะกลับไปอยู่ในลูปการพนัน
เรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการขาดการวางแผนทางการเงินและการขาดความเข้าใจที่แท้จริงเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุน โดยเฉพาะในตลาดที่มีความผันผวนสูงอย่างคริปโตเคอเรนซี การนำทรัพย์สินสำคัญ เช่น บ้าน รถ หรือเงินสำหรับการศึกษาลูกมาใช้ลงทุนในตลาดที่ไม่มั่นคง ถือเป็นความเสี่ยงที่สูงมาก และดูเหมือนจะเกิดจากการขาดความยับยั้งชั่งใจและการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์มากกว่าความรอบคอบ
สาเหตุที่สถานการณ์นี้เกิดขึ้น
1. การยึดติดกับความหวังเกินไป
คนจำนวนมากมักมองการลงทุนในคริปโตว่าเป็น “ทางลัด” ไปสู่ความมั่งคั่ง โดยเฉพาะในช่วงตลาดกระทิงที่ราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิด FOMO (Fear of Missing Out) และความเชื่อผิดๆ ว่าตลาดนี้จะมีโอกาสพลิกชีวิตเสมอ
2. การขาดความรู้เรื่องการกระจายความเสี่ยง
การลงเฉพาะเหรียญเล็กๆ ที่มีโอกาสทำกำไรมาก แต่ก็มีโอกาสเสียสูงมาก (High Risk, High Return) โดยไม่กระจายความเสี่ยงเลย เป็นการตัดสินใจที่ขาดกลยุทธ์อย่างสิ้นเชิง
3. การปฏิเสธที่จะยอมรับความล้มเหลว
การพยายาม “ถัว” หรือ DCA (Dollar-Cost Averaging) ในตลาดที่กำลังตกอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ได้วิเคราะห์ภาพรวมของตลาด มักเกิดจากจิตวิทยาไม่อยากสูญเสีย (Loss Aversion) มากกว่าการตัดสินใจอย่างมีข้อมูล
บทเรียนที่ควรเรียนรู้
1. คริปโตไม่ใช่การพนัน แต่ก็ใกล้เคียงหากคุณไม่มีแผนที่ดี
การลงทุนในคริปโตอาจทำกำไรได้ในระยะสั้น แต่ไม่ใช่ตลาดที่เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะคนที่ขาดความรู้และไม่สามารถรับความเสี่ยงสูงได้
2. ความสำคัญของการมีเงินสำรองฉุกเฉิน
ก่อนลงทุนในสินทรัพย์ใดๆ ควรมีเงินสำรองอย่างน้อย 6-12 เดือนสำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และไม่ควรลงทุนเงินที่ไม่สามารถเสียได้
3. การวางแผนการเงินระยะยาวสำคัญที่สุด
การขายบ้าน ขายรถ หรือใช้เงินก้อนสุดท้ายในชีวิตเพื่อ “หวัง” จะกลับมาได้ทุนคืน ไม่ใช่การลงทุน แต่เป็นการเล่นการพนันในรูปแบบหนึ่ง
• “คริปโตไม่ใช่ทางลัดสู่ความร่ำรวย”
ท้ายที่สุด การลงทุนทุกประเภทควรเริ่มจากความเข้าใจและการวางแผนที่ดี ไม่ใช่การตัดสินใจจากความหวังหรืออารมณ์เพียงอย่างเดียว
ชาวคริปโตช็อค ! หนุ่มเปิดใจเล่าปัญหา ขายบ้านขายรถ นำเงินมาลงคริปโต สุดท้ายขาดทุนยับ
เรื่องมันเริ่มต้นที่ บุคคลนึงได้เริ่มต้นด้วยการนำเงินจากธุรกิจส่วนตัวมาลงทุนในตลาดคริปโต แต่เนื่องจากตอนนี้ตลาดเข้าสู่ภาวะขาลง (ตลาดหมี) เขาคิดว่าจะซื้อไว้ เพื่อรอจังหวะพลิกเป็นกำไร ด้วยความเชื่อมั่นในคริปโตมาก เขาขายทรัพย์สินที่สำคัญ (บ้านมรดก รถ ของใช้ในบ้าน) และเปลี่ยนโรงเรียนลูก เพื่อนำเงินมาลงทุนต่อ เขาอ้างว่าใช้กลยุทธ์ DCA (Dollar-Cost Averaging) แต่ในทางปฏิบัติดูเหมือนว่าเขากำลัง “ถัวต้นทุน”
เขาเลือกลงทุนในเหรียญเล็ก (Altcoins) ที่มีความเสี่ยงสูงกว่า หวังว่าจะได้กำไรมากขึ้น แต่การลงทุนนี้ส่งผลให้พอร์ตลงทุนที่เคยมีมูลค่ากว่าล้านบาทลดลงเหลือไม่ถึงแสนบาทในระยะเวลาสั้น ๆ
หลังจากประสบความล้มเหลวในด้านการเงิน เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง จึงต้องขายเหรียญในพอร์ตเพื่อหาเงินมารักษาตัว แม้สถานการณ์จะย่ำแย่ เขายังพยายามลงทุนในตลาดคริปโตอีกครั้ง โดยเลือก Altcoins ที่ “ไม่เสี่ยง” (ในความคิดเขา) แต่พอร์ตลงทุนกลับแตกอีกครั้งจนเหลือเพียง 30,000 บาท
ขณะนี้เขาสงสัยว่าจะออกจากตลาดคริปโตดีหรือไม่ พร้อมแสดงความกลัวที่จะกลับไปอยู่ในลูปการพนัน
เรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการขาดการวางแผนทางการเงินและการขาดความเข้าใจที่แท้จริงเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุน โดยเฉพาะในตลาดที่มีความผันผวนสูงอย่างคริปโตเคอเรนซี การนำทรัพย์สินสำคัญ เช่น บ้าน รถ หรือเงินสำหรับการศึกษาลูกมาใช้ลงทุนในตลาดที่ไม่มั่นคง ถือเป็นความเสี่ยงที่สูงมาก และดูเหมือนจะเกิดจากการขาดความยับยั้งชั่งใจและการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์มากกว่าความรอบคอบ
สาเหตุที่สถานการณ์นี้เกิดขึ้น
1. การยึดติดกับความหวังเกินไป
คนจำนวนมากมักมองการลงทุนในคริปโตว่าเป็น “ทางลัด” ไปสู่ความมั่งคั่ง โดยเฉพาะในช่วงตลาดกระทิงที่ราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิด FOMO (Fear of Missing Out) และความเชื่อผิดๆ ว่าตลาดนี้จะมีโอกาสพลิกชีวิตเสมอ
2. การขาดความรู้เรื่องการกระจายความเสี่ยง
การลงเฉพาะเหรียญเล็กๆ ที่มีโอกาสทำกำไรมาก แต่ก็มีโอกาสเสียสูงมาก (High Risk, High Return) โดยไม่กระจายความเสี่ยงเลย เป็นการตัดสินใจที่ขาดกลยุทธ์อย่างสิ้นเชิง
3. การปฏิเสธที่จะยอมรับความล้มเหลว
การพยายาม “ถัว” หรือ DCA (Dollar-Cost Averaging) ในตลาดที่กำลังตกอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ได้วิเคราะห์ภาพรวมของตลาด มักเกิดจากจิตวิทยาไม่อยากสูญเสีย (Loss Aversion) มากกว่าการตัดสินใจอย่างมีข้อมูล
บทเรียนที่ควรเรียนรู้
1. คริปโตไม่ใช่การพนัน แต่ก็ใกล้เคียงหากคุณไม่มีแผนที่ดี
การลงทุนในคริปโตอาจทำกำไรได้ในระยะสั้น แต่ไม่ใช่ตลาดที่เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะคนที่ขาดความรู้และไม่สามารถรับความเสี่ยงสูงได้
2. ความสำคัญของการมีเงินสำรองฉุกเฉิน
ก่อนลงทุนในสินทรัพย์ใดๆ ควรมีเงินสำรองอย่างน้อย 6-12 เดือนสำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และไม่ควรลงทุนเงินที่ไม่สามารถเสียได้
3. การวางแผนการเงินระยะยาวสำคัญที่สุด
การขายบ้าน ขายรถ หรือใช้เงินก้อนสุดท้ายในชีวิตเพื่อ “หวัง” จะกลับมาได้ทุนคืน ไม่ใช่การลงทุน แต่เป็นการเล่นการพนันในรูปแบบหนึ่ง
• “คริปโตไม่ใช่ทางลัดสู่ความร่ำรวย”
ท้ายที่สุด การลงทุนทุกประเภทควรเริ่มจากความเข้าใจและการวางแผนที่ดี ไม่ใช่การตัดสินใจจากความหวังหรืออารมณ์เพียงอย่างเดียว