ดร.เอ้-สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
เปิดเผยถึงการที่ Nvidia บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ AI ชั้นนำของโลก ตัดสินใจเปิดศูนย์ออกแบบและวิจัยในเวียดนาม โดยระบุว่ามี 4 ปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดการลงทุนจากบริษัทระดับโลก
ประการแรก
เวียดนามให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพประชากร โดยเฉพาะด้านการศึกษา สะท้อนจากคะแนน PISA ที่สูงเป็นอันดับสองในอาเซียนรองจากสิงคโปร์ และการส่งนักศึกษาไปเรียนด้านวิศวกรรมและคอมพิวเตอร์ในมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก
ประการที่สอง
เวียดนามมีนโยบายสนับสนุนการลงทุนที่เข้มแข็ง โดยเรียนรู้จากโมเดลของจีนในการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ พร้อมทั้งส่งเสริมให้ SME ท้องถิ่นได้เรียนรู้และพัฒนาศักยภาพ
ประการที่สาม
เวียดนามมีความต่อเนื่องด้านนโยบาย โดยเฉพาะนับตั้งแต่การฟื้นฟูเศรษฐกิจในปี 2529 และการเข้าร่วม WTO ในปี 2550 ซึ่งช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน
ประการสุดท้าย
คนเวียดนามมีความสามัคคีและช่วยเหลือกัน มีแนวคิดชาตินิยมที่มุ่งพัฒนาประเทศโดยไม่รุกรานผู้อื่น
นอกจากนี้ ดร.สุชัชวีร์ ยังคาดการณ์ว่า เวียดนามมีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำเศรษฐกิจในอาเซียน และอาจพัฒนาเทียบชั้นเกาหลีได้ในอนาคต พร้อมแสดงความกังวลว่าประเทศไทยยังไม่ได้เข้าสู่โหมดการแข่งขันอย่างจริงจัง ทำให้เสียโอกาสในการพัฒนาไปทุกวัน
"ที่จริงไทยเราจับสัญญาณ การก้าวกระโดดของเวียดนามได้มาพักใหญ่ เพราะอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงชัดเจนมาก อย่างต่อเนื่อง แต่ไทยเรายังนิ่งไม่เข้าสู่โหมดแข่งขันอย่างจริงจังสักที ทำให้เสียโอกาสไปทุกวัน ที่ไม่อาจย้อนคืน แม้ผมยังเชื่อมั่นว่า #คนไทยเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่ก็กังวลไม่น้อย เมื่อรู้แจ้งว่า เวียดนามและชาติอื่น ไม่มีใครอยู่นิ่งเลย ทุกชาติทุ่มสุดตัว พร้อมแข่งขัน แล้วไทยจะทำอย่างไร ทุกท่านคิดว่าไง
แชร์กันได้นะครับ"
https://www.thansettakij.com/business/economy/614987?fbclid=IwY2xjawHUMc5leHRuA2FlbQIxMQABHUCyK2B3f8J-j-WPya6EQqRsK9m9Wx8obtdwScMn2ITuUCR6Lgl6SImHag_aem_RlTBnRw1MoY9Gv843iAzRA#google_vignette
4 เหตุผล NVIDIA ทิ้งไทย เลือกลงทุนในเวียดนาม
เปิดเผยถึงการที่ Nvidia บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ AI ชั้นนำของโลก ตัดสินใจเปิดศูนย์ออกแบบและวิจัยในเวียดนาม โดยระบุว่ามี 4 ปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดการลงทุนจากบริษัทระดับโลก
ประการแรก
เวียดนามให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพประชากร โดยเฉพาะด้านการศึกษา สะท้อนจากคะแนน PISA ที่สูงเป็นอันดับสองในอาเซียนรองจากสิงคโปร์ และการส่งนักศึกษาไปเรียนด้านวิศวกรรมและคอมพิวเตอร์ในมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก
ประการที่สอง
เวียดนามมีนโยบายสนับสนุนการลงทุนที่เข้มแข็ง โดยเรียนรู้จากโมเดลของจีนในการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ พร้อมทั้งส่งเสริมให้ SME ท้องถิ่นได้เรียนรู้และพัฒนาศักยภาพ
ประการที่สาม
เวียดนามมีความต่อเนื่องด้านนโยบาย โดยเฉพาะนับตั้งแต่การฟื้นฟูเศรษฐกิจในปี 2529 และการเข้าร่วม WTO ในปี 2550 ซึ่งช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน
ประการสุดท้าย
คนเวียดนามมีความสามัคคีและช่วยเหลือกัน มีแนวคิดชาตินิยมที่มุ่งพัฒนาประเทศโดยไม่รุกรานผู้อื่น
นอกจากนี้ ดร.สุชัชวีร์ ยังคาดการณ์ว่า เวียดนามมีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำเศรษฐกิจในอาเซียน และอาจพัฒนาเทียบชั้นเกาหลีได้ในอนาคต พร้อมแสดงความกังวลว่าประเทศไทยยังไม่ได้เข้าสู่โหมดการแข่งขันอย่างจริงจัง ทำให้เสียโอกาสในการพัฒนาไปทุกวัน
"ที่จริงไทยเราจับสัญญาณ การก้าวกระโดดของเวียดนามได้มาพักใหญ่ เพราะอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงชัดเจนมาก อย่างต่อเนื่อง แต่ไทยเรายังนิ่งไม่เข้าสู่โหมดแข่งขันอย่างจริงจังสักที ทำให้เสียโอกาสไปทุกวัน ที่ไม่อาจย้อนคืน แม้ผมยังเชื่อมั่นว่า #คนไทยเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่ก็กังวลไม่น้อย เมื่อรู้แจ้งว่า เวียดนามและชาติอื่น ไม่มีใครอยู่นิ่งเลย ทุกชาติทุ่มสุดตัว พร้อมแข่งขัน แล้วไทยจะทำอย่างไร ทุกท่านคิดว่าไง
แชร์กันได้นะครับ"
https://www.thansettakij.com/business/economy/614987?fbclid=IwY2xjawHUMc5leHRuA2FlbQIxMQABHUCyK2B3f8J-j-WPya6EQqRsK9m9Wx8obtdwScMn2ITuUCR6Lgl6SImHag_aem_RlTBnRw1MoY9Gv843iAzRA#google_vignette