ฉางอันเตรียมจ้างงานเพิ่ม 1.4 พันอัตราปี 69 พื้นที่ระยอง

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) เปิดเผยว่า
บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซ้าท์อีส เอเชีย จำกัด จะดำเนินการจ้างงานบุคลากรคนไทย จากปัจจุบันมีจำนวน 600 คน เป็น 2,000 คน ในปี 2569 หรือคิดเป็น 90% ของการจ้างงานทั้งหมด

ทั้งนี้ เพื่อรองรับการเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าพวงมาลัยขวาที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 จังหวัดระยอง อย่างเป็นทางการในวันที่ 16 พ.ค. 68 

โดยตั้งเป้าที่จะใช้วัตถุดิบและชิ้นส่วนในประเทศ 65% ภายในปีนี้ และเพิ่มเป็น 80% ในปี 2571 อีกทั้งมีแผนถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับผู้ผลิตชิ้นส่วนไทย




นอกจากนี้ บริษัท ฉางอาน ออโต้โมบิล มีแผนการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา รวมถึงจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคโดยย้ายจากนครฉงชิ่งมายังประเทศไทย เพื่อดูแลกิจการของบริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทยที่ต้องการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเพื่อช่วยยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และสนับสนุนให้ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในระดับโลก



ฉางอันเตรียมจ้างงานเพิ่ม 1.4 พันอัตราปี 69 พื้นที่ระยอง





สำหรับฉางอาน ออโต้โมบิลนั้น ถือเป็น 1 ใน 4 กลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศจีน เข้ามาจัดตั้งบริษัทในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2566 และตัดสินใจเลือกไทยเป็นที่ตั้งโรงงานแห่งใหม่ 

ซึ่งถือเป็นฐานการผลิตแห่งแรกนอกประเทศจีน สำหรับผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบพวงมาลัยขวาเพื่อจำหน่ายในประเทศไทยและส่งออกไปยังภูมิภาคต่าง ๆ 

โดยได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ มีเงินลงทุนในเฟสแรกมากกว่า 10,000 ล้านบาท กำลังการผลิต 100,000 คันต่อปี และคาดว่าจะสามารถเพิ่มเป็น 200,000 คันต่อปีได้ในอนาคต 



 
และสำนักงานใหญ่ในประเทศจีน ยังได้อนุมัติให้จัดตั้ง Technology and Engineering Center ในประเทศไทย เพื่อให้เป็นศูนย์กลางด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์สำหรับรถยนต์พวงมาลัยขวาในภูมิภาค

“การจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาในประเทศไทยของฉางอานดังกล่าว มีแผนคัดเลือกบุคลากรไทยเข้าร่วมทีม โดยบีโอไอจะเป็นตัวกลางในการประสานกับสถาบันการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนบุคลากรทักษะสูงให้มีโอกาสร่วมงานในศูนย์วิจัยดังกล่าว” 

รวมถึงดึงผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยให้เข้ามามีส่วนร่วมในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์พวงมาลัยขวา เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจะช่วยยกระดับการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของบุคลากรไทยและผู้ประกอบการไทย รองรับการเป็นฐานผลิตของอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ในอนาคต



ข่าวโดย ฐานเศรษฐกิจ Thansettakij
ต้นฉบับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่