ทางวิทยาศาสตร์นี่ไม่แน่ใจ แต่ทางสังคมศาสตร์หรือจิตวิทยา น่าจะเพราะว่าสังคมคาดหวังตุ๊ดว่าต้องรักดีอ่ะ ถึงจะอยู่รอด

เอาจริงๆนะ สังคมไทยยังเป็นสังคมที่ "เหยียดเพศ" พวกที่บอกว่าไหนใครว่าเหยียดเพศ เดี๋ยวนี้เปิดกว้างจะตายนี่คือส่วนใหญ่มองในมุมมองว่าตุ๊ดไม่ควรได้รับการยอมรับอะไรมากมาย เพราะยังมองว่าตุ๊ดนั้นด้อยกว่าชายหญิงปกติ คนส่วนใหญ่ยังมองว่าตุ๊ดเป็นพวกผิดปกติ ถ้าไม่วิปริตทางเพศก็ยังมองว่าตุ๊ดมีปัญหาการควบคุมอารมณ์ และยังมักมองเหมารวมว่าตุ๊ดจะต้องมีภาพลักษณ์ตามที่สื่อยัดเยียด เช่น ต้องแรด เสียงดัง บ้าผู้ชาย แต่หน้าเป็นตุ๊ดที่หน้าตาสะสวย ผิวขาว ทำมาเนียนนี ก็จะได้รับการมองว่ากุลสตรีเรียบร้อย แต่ถ้าตัวใหญ่ล่ำๆแมนๆ ต่อให้ทำตัวเรียบร้อยก็ยังโดนมองว่าเป็นกะเทยควายด้วยนะ

ทั้งนี้ทั้งนั้น ในบรรดาตุ๊ดๆก็ยังถูกมองเหมารวมต่างกันไปอีก ตุ๊ดแอ๊บแมนก็ถูกมองอีกแบบ ตุ๊ดสาวแตกแต่งชายก็อีกแบบ ตุ๊ดแต่งหญิงก็อีกแบบ โดยที่เกย์ หรือตุ๊ดแอ๊บแมนจะได้รับการยอมรับมากที่สุด เพราะยังไม่แตกต่างจากอัตลักษณ์เพศเดิม ส่วนกะเทยแต่งหญิงที่โดนหนักสุด เพราะกล้าฉีกอัตลักษณ์เพศเดิม สังคมเลยมักมองว่าวิปริตผิดเพศ ซึ่งมีคนเหมารวมกะเทยแต่งหญิงในทางแบบนั้นหลายๆ กระทู้นะ ความเห็นข้างบนๆ ก็มี

ทีนี้ว่าด้วยตุ๊ดกะเทยที่สาวมาก สังคมมองเหมารวมว่าไม่ดี วิปริต ทำดีเสมอตัว ทำไม่ดีก็โดนด่าเหมารวมเผลอๆ ด่าเหมารวมไปยังพ่อแม่ว่าเลี้ยงลูกให้เป็นกะเทยไม่พอยังทำตัวไม่ดีอีก ทีนี้กะเทยบางคนถ้ารักตัวเอง รักอนาคต ก็ต้องรักดีหน่อยแหละ ตั้งงใจเรียนตั้งใจทำงาน จบมาจะได้มีอะไรดีๆ ในชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่ก็ต้องผ่ากำแพงอคติเพศที่สามในตลาดหางานกันไปอีก บางคนท้อกับตรงนี้ก็ออกมาทำธุรกิจส่วนตัวก็มี ชีวิตต่อให้ไม่มีใครยอมรับ แต่ถ้ารับตัวเองได้ ยังสู้ไหวก็ไม่ล้มอ่ะ

ขนาดตุ๊ดกะเทยสู้กันมาได้ขนาดนี้คนบางคนก็ยังหาว่าวิปริตอยู่เลย 555+ ตุ๊ดกะเทยที่เขาจิตแกร่งเขาไม่มาคิดเรื่องหยุมหยิมอะไรแบบนี้หรอก ยาวหน่อยแต่คิดว่าน่าจะพอตอบ จขกท ได้