พอดีได้ติดตามข่าวเรื่องนี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ไปขอให้ DSI ช่วย จนกระทั้งเป็นข่างดังและตำรวจออกมาสวนกลับว่าจ้างคนมารับผิดแทนตน ส่วนตัวฝังความทั้งสองข้าง แต่พอวิเคราะห์ตามหลักความเป็นจริง ตามหลักฐานที่พอจะเห็นตามสื่อ ค่อนข้างจะเอียงมาทางครูมากกว่าครับ ผมสรุปให้เป็นข้อๆนะครับ สิ่งที่ผมรู้สึกตะขิดตะขวงใจ
1.ร่องรอยที่เกิดจากการชน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่รถจะไม่โดนส่วนอื่นเลยโดนแต่แผ่นบ้ายทะเบียน ที่มีสีเขียวหลุดออกเล็กน้อย จากการตรวจสอบรถของครู ไม่มีส่วนอื่นเป็นรอยแม้แต่น้อย รวมถึงป้ายทะเบียนไม่มีร่องรอยแถถลอกเลย มีแต่สีหลุดตามการใช้งาน แต่แค่พิสูจน์มาว่าสีตรงกัน แค่เนี้ย ยังงงอยู่ว่าหลักฐานแค่นี้ใช้มัดตัวครูได้อย่างไร
2.ข้อมูลทะเบียนรถ ของนายสับ วาปี หลักจากที่ดราม่ามานาน มีบางกลุ่มหาว่า Make บ้างแหละ หาว่าเป็นของคนอื่นบ้างแหละ ล่าสุดตามข่าวที่ทราบมาว่ามีการยืนยันมาจาก ขนส่งว่า ป้ายทะเบียน บค56 มุขดาหาร ยังเป็นของนายสับ วาปี อยู่ จริงแท้แน่นอน
3.ตำรวจที่บอกว่า นายสับ รับจ้างติดคุก ผมว่ามันไม่บังเอิญแบบเป๊ะๆไปหน่อยหรอครับ ที่ทะเบียนรถมันเป็นของนายสับพอดี ทะเบียนรถ หมดนะไม่ใช่จด หมดอายุปี 52 นั้นหมายความว่าต้องจดทะเบียนมาก่อนปี 48 ที่จะเกิดเหตุการณ์แน่นอน เพราะฉนั้นถ้าจะบอกว่าเป็นการเตรียมการตั้งแต่ต้น ลงทุนซื้อรถและจงใจจดทะเบียนเป็น บค 56 เพื่อรับผิดแทน มันคงเป็นไปไม่ได้
4. พยานให้การคลุมเครือ หรือตำรวจจงใจให้มันคลุมเครือ อันนี้ผมก็ไม่ทราบ เพราะจากปากครูบอก พยานได้บอกไปตั้งแต่แรกว่ามีคนลงจากรถมาเป็นผู้ชาย แต่ตำรวจจงใจที่จะไม่เขียนลงไปในสำนวน แต่ฝั่งตำรวจก็บอกว่าพึ่งมาให้การว่าเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ หลังจากศาลตัดสินไปแล้ว แล้วเท่าที่ฟังจากรายการ "ข่าวข้น เนชั่น" ต้องชมคุณกนกที่ไล่ถามจี้ได้ดีมาก จนตำรวจตอบแบบกระอักกระอวม แบบมีพิรุจเลย พูดภาษาชาวบ้านคือไปไม่เป็นอะ พอถามถึงตอนที่สอบถามพยานว่า คุณไม่ได้ถามตอนนั้นเลยหรือว่ามีคนลงมาจากรถหรือไม่ รูปร่างหน้ายังไง ตำรวจมีนำเสียที่แปลกไปและพยามพูดบ่างเบี่ยงว่าพยานบอกมาแค่นี้ แค่เลขทะเบียน
5. ตำรวจมีหลักฐานการแจ้งความ ของเจ้าของรถ บค56 คนอื่น ที่ไม่ใช่นายสับ วาปี และมีหลักฐานการสอบสวนผู้ที่เคยเกือบจะถูกครูจ้างมารับผิดแทนครูจอมทรัพย์ แต่ตนขับรถไม่เป็น อันนี้ถ้ามันเป็นความจริง ก็น่าคิดครับ แต่ผมคิดว่าแค่สำนวน มันเมคได้รึเปล่า เพราะถ้าตำรวจจะข้างกันผมไม่รู้นะ แต่รู้สึกว่าท่านนั้นที่เคยเป็นเจ้าของคดี เส้นเป้งๆเลยทีเดียว ยังไงรอดูผลต่อไปครับ ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว
ท่านใดคิดต่างไปจากผมบ้างครับหรือมีหลักฐานอะไรอื่นๆมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ครับ ตอนนี้ผมก็ยังไม่ปักใจ ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด 100% แต่ค่อนข้างจะมั่นใจฝั่งครูมากกว่า
สรุป คดีครูจอมทรัพย์ ตามความเข้าใจของผมนะครับ
1.ร่องรอยที่เกิดจากการชน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่รถจะไม่โดนส่วนอื่นเลยโดนแต่แผ่นบ้ายทะเบียน ที่มีสีเขียวหลุดออกเล็กน้อย จากการตรวจสอบรถของครู ไม่มีส่วนอื่นเป็นรอยแม้แต่น้อย รวมถึงป้ายทะเบียนไม่มีร่องรอยแถถลอกเลย มีแต่สีหลุดตามการใช้งาน แต่แค่พิสูจน์มาว่าสีตรงกัน แค่เนี้ย ยังงงอยู่ว่าหลักฐานแค่นี้ใช้มัดตัวครูได้อย่างไร
2.ข้อมูลทะเบียนรถ ของนายสับ วาปี หลักจากที่ดราม่ามานาน มีบางกลุ่มหาว่า Make บ้างแหละ หาว่าเป็นของคนอื่นบ้างแหละ ล่าสุดตามข่าวที่ทราบมาว่ามีการยืนยันมาจาก ขนส่งว่า ป้ายทะเบียน บค56 มุขดาหาร ยังเป็นของนายสับ วาปี อยู่ จริงแท้แน่นอน
3.ตำรวจที่บอกว่า นายสับ รับจ้างติดคุก ผมว่ามันไม่บังเอิญแบบเป๊ะๆไปหน่อยหรอครับ ที่ทะเบียนรถมันเป็นของนายสับพอดี ทะเบียนรถ หมดนะไม่ใช่จด หมดอายุปี 52 นั้นหมายความว่าต้องจดทะเบียนมาก่อนปี 48 ที่จะเกิดเหตุการณ์แน่นอน เพราะฉนั้นถ้าจะบอกว่าเป็นการเตรียมการตั้งแต่ต้น ลงทุนซื้อรถและจงใจจดทะเบียนเป็น บค 56 เพื่อรับผิดแทน มันคงเป็นไปไม่ได้
4. พยานให้การคลุมเครือ หรือตำรวจจงใจให้มันคลุมเครือ อันนี้ผมก็ไม่ทราบ เพราะจากปากครูบอก พยานได้บอกไปตั้งแต่แรกว่ามีคนลงจากรถมาเป็นผู้ชาย แต่ตำรวจจงใจที่จะไม่เขียนลงไปในสำนวน แต่ฝั่งตำรวจก็บอกว่าพึ่งมาให้การว่าเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ หลังจากศาลตัดสินไปแล้ว แล้วเท่าที่ฟังจากรายการ "ข่าวข้น เนชั่น" ต้องชมคุณกนกที่ไล่ถามจี้ได้ดีมาก จนตำรวจตอบแบบกระอักกระอวม แบบมีพิรุจเลย พูดภาษาชาวบ้านคือไปไม่เป็นอะ พอถามถึงตอนที่สอบถามพยานว่า คุณไม่ได้ถามตอนนั้นเลยหรือว่ามีคนลงมาจากรถหรือไม่ รูปร่างหน้ายังไง ตำรวจมีนำเสียที่แปลกไปและพยามพูดบ่างเบี่ยงว่าพยานบอกมาแค่นี้ แค่เลขทะเบียน
5. ตำรวจมีหลักฐานการแจ้งความ ของเจ้าของรถ บค56 คนอื่น ที่ไม่ใช่นายสับ วาปี และมีหลักฐานการสอบสวนผู้ที่เคยเกือบจะถูกครูจ้างมารับผิดแทนครูจอมทรัพย์ แต่ตนขับรถไม่เป็น อันนี้ถ้ามันเป็นความจริง ก็น่าคิดครับ แต่ผมคิดว่าแค่สำนวน มันเมคได้รึเปล่า เพราะถ้าตำรวจจะข้างกันผมไม่รู้นะ แต่รู้สึกว่าท่านนั้นที่เคยเป็นเจ้าของคดี เส้นเป้งๆเลยทีเดียว ยังไงรอดูผลต่อไปครับ ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว
ท่านใดคิดต่างไปจากผมบ้างครับหรือมีหลักฐานอะไรอื่นๆมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ครับ ตอนนี้ผมก็ยังไม่ปักใจ ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด 100% แต่ค่อนข้างจะมั่นใจฝั่งครูมากกว่า