ทีโอทีเผยผลประกอบการปี’59 ขาดทุน 5.8 พันล้านบาท



ทีโอทีเผยผลประกอบการปี’59 ขาดทุน 5.8 พันล้านบาท

        ทีโอที เผยรายได้รวมปี 2559 อยู่ที่ 30,800 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายรวม 29,200 ล้านบาท โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) ประมาณ 1,617 ล้านบาท และประมาณว่าจะขาดทุนสุทธิ 5,800 ล้านบาทซึ่งมีผลขาดทุนน้อยกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 14,000 ล้านบาท ส่วนปี 2560 คาดขาดทุน 8,000 ล้านบาท เนื่องจากมีค่าเสื่อมสะสม ส่วนโครงการเน็ตประชารัฐต้องเสร็จทันเวลา
       
       นายมนต์ชัย หนูสง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)เปิดเผยถึงผลประกอบการปี 2559 ว่า จะมีรายได้รวม 30,800 ล้านบาทและมีค่าใช้จ่ายรวม 29,200 ล้านบาทโดยมีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA)ประมาณ 1,617 ล้านบาท และประมาณว่าจะขาดทุนสุทธิ 5,800 ล้านบาทซึ่งมีผลขาดทุนน้อยกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 14,000 ล้านบาท สำหรับผลการดำเนินงานตามแผนงานที่สำคัญในปี 2559 ได้แก่โครงการเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศ AAE1 การดำเนินการก่อสร้างระบบหลักแล้วเสร็จ 97% การจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมท่อร้อยสาย อยู่ระหว่างการดำเนินงานของบริษัทที่ปรึกษา
       
       สำหรับการเจรจาพันธมิตรธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2100 MHz อยู่ระหว่างทดสอบการให้บริการข้ามโครงข่ายเชิงพาณิชย์ ในส่วนของการเจรจายุติข้อพิพาทและการให้บริการเสาโทรคมนาคมและทรัพย์สิน2G กับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส อยู่ในขั้นตอนการเจรจาข้อตกลงทางธุรกิจจัดตั้ง Joint Venture เสาโทรคมนาคม
       
       ในส่วนของปี 2560 ทีโอที คาดว่าจะขาดทุน 8,000 ล้านบาทเนื่องจากมีการหักค่าเสื่อมต่างๆ ส่วนทิศทางการดำเนินงานในปี 2560 ทีโอที มีโครงการสำคัญที่จะต้องดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมาย ดังนี้ 1.โครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ การขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ผ่านสื่อสัญญาณสายเคเบิลใยแก้วนำแสง (FTTx) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งได้รับมอบหมายจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี ให้ดำเนินการในลักษณะการเบิกจ่ายเงินงบประมาณแทนกันโดยมีเป้าหมายจะต้องดำเนินการติดตั้งจำนวน 24,700 หมู่บ้านซึ่งคาดว่าจะสามารถจัดหา OFC พร้อมอุปกรณ์แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2560 และดำเนินการติดตั้งให้แล้วเสร็จภายในปี 2560 ซึ่งการดำเนินการทุกขั้นตอนเป็นไปอย่างโปร่งใสและการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน
       
       2. การบริหารทรัพย์สินสัญญาสัมปทาน โดย ทีโอทีมุ่งเน้นการนำทรัพย์สินตามสัญญาสัมปทานมาใช้ประโยชน์สร้างรายได้ให้กับองค์กรควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทไม่ว่าจะเป็นการเจรจาพันธมิตรธุรกิจโทรศัพท์ เคลื่อนที่ระบบ 2100 MHz การให้เช่าเสาโทรคมนาคม และการให้เช่าอุปกรณ์โครงข่ายระบบ 2G คลื่น 900 MHz ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ให้ ทีโอที ปีละประมาณ 9,500 ล้านบาท
       
       3. พัฒนาคลื่น 2300 MHz เพื่อให้บริการ Wireless Broadband และ Mobile Broadband ซึ่งมีรูปแบบการดำเนินการโดย ทีโอที เองและสรรหาคู่ค้าลงทุนวางระบบ โดยมีเป้าหมายที่จะเปิดให้บริการภายในปี 2560 ทั้งนี้ ปัจจุบัน ทีโอที ได้เริ่มทดสอบระบบตามเส้นทางรถไฟฟ้าและที่จังหวัดราชบุรี ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ในอนาคตให้กับ ทีโอที
       
       4. โครงการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานท่อร้อยสาย เพื่อระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ท่อร้อยสายใต้ดิน โดยนำรายได้หรือกระแสเงินสดในอนาคตจากการเสนอขายหน่วยลงทุนมาขยายงานท่อร้อยสายโดยมีเป้าหมายที่จะขายหน่วยลงทุนภายในเดือนธันวาคม 2560
       
       นายมนต์ชัย กล่าวเพิ่มเติมว่าสำหรับการปรับโครงสร้างองค์กรตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.)โดย คนร.ได้มีมติเมื่อวันที่ 9 ม.ค.2560 ครั้งที่ 1/2560รับทราบความคืบหน้าในการดำเนินการปรับโครงสร้างการประกอบธุรกิจของ บมจ. ทีโอที และ บมจ. กสท โดยจัดตั้งบริษัท NGDCในการดำเนินธุรกิจเคเบิลใยแก้วใต้น้ำและอินเทอร์เน็ตดาต้าเซ็นเตอร์ และ NBN ในการดำเนินธุรกิจอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์
       
       ส่วนการปรับโครงสร้าง ทีโอที ได้กำหนดรูปแบบในการประกอบธุรกิจ โดยมีบริษัท NBN Co เพื่อให้บริการค้าส่งโครงข่ายและโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมภายในประเทศ และ บริษัท Service Co ด้วยการหาพันธมิตรเพื่อให้บริการกลุ่มผลิตภัณฑ์ สำหรับกลุ่มลูกค้าทั่วไป ลูกค้า SMEs ลูกค้าองค์กร และราชการ โดย ทีโอที ซึ่งเป็นบริษัทแม่จะดำเนินธุรกิจจากการสร้างรายได้จากคลื่นความถี่ บริการโทรศัพท์ประจำที่ และการบริหารจัดการสินทรัพย์และบริการที่มีอยู่


แหล่งข่าว
Manager Online
http://manager.co.th/CbizReview/ViewNews.aspx?NewsID=9600000003575
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่