ตอนที่ 2
ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี ฉันพูดแบบนั้นและมันก็คงจะเป็นแบบนั้น ..ต่อฉันตอนนี้ สุดท้ายแล้วฉันก็ต้องตามใจคุณน้าทุกอย่างนะคะ คุณน้าบอกอะไรก็ทำ ความใจดีของเธอแม้บางทีมันทำให้ฉันอึดอัดไปบ้าง แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันอบอุ่น ไม่เยอะนะคะ แต่ก็ไม่น้อยค่ะ
อย่างที่พูดไปก่อนหน้านี้ ฉันอาจจะบอกใครต่อใครไปว่าฉันนั้นทำใจได้ กับการจากไปไม่มีวันกลับของพ่อกับแม่ แต่ รู้ไหมคะ ? นั่นมันคือการหลอกใจตัวเองให้เข้มแข็งไปวันๆ ห้าวันมานี้ ฉันเหมือนมีแค่ร่างกาย ไร้จิตวิญญาณ ชีวิตจิตใจไปอยู่ไหน อันนี้ไม่ต้องไปถามถึง..เพราะฉันเองก็ไม่รู้
บ้านคุณน้าเป็นแบบสไตล์โมเดิร์นค่ะ จัดอยู่ในตระกูลคนมีเงินจะใช้คำว่ามหาเศรษฐีเลยก็ได้ อันนี้ก็เหมาะสมดี พูดง่ายๆแบบนี้นะคะว่า ต่อให้ฉันขยันทำงานทั้งชีวิตก็คงไม่มีปัญญา เทียบเท่ากับลูกสาวของเขา เกิดมาก็อยู่บนกองเงินกองทองเลย ไม่ได้อิจฉานะคะ แค่รู้ซึ่งถึงคำว่า แข่งเรือแข่งพายน่ะแข่งได้แต่แข่งวาสนาน่ะแข่งไม่ได้ มันเป็นยังไง เพิ่งค้นพบความหมายที่แท้จริงก็วันนี้ล่ะค่ะ
บริเวณนอกจากตัวบ้านแล้วยังมีสนามหญ้าสวยๆ สวนดอกไม้ ที่นั่งเล่นเดินเล่น สระว่ายน้ำ และอื่นๆที่ดูแล้ว มีความคิดประหนึ่งว่า เออเนอะ..มันช่างเป็นอะไรที่สบายกายอุรานี่กระไรดีจริงๆ เต็มไปหมดล่ะค่ะ ต่างกับที่ ที่ฉันจากมาราวฟ้ากับดิน ไม่แปลกค่ะที่เด็กสาวอายุประมาณฉันจะติดหรูและอีโก้สูงมาก หมายถึงบางคนนะคะ ไม่ได้พาดพิงผู้ใด บางสังคมบางตระกูลและบางคน ก็ดีค่ะ ถึงแม้รวยแต่ก็ยังมีความใจดี เผยแพร่ออกมาให้ดีต่อใจของผู้อื่น คำว่าน้ำใจต่อให้มีแค่รอยยิ้ม ก็มีค่าต่อจิตใจเสมอ
ฉันหมายถึงครอบครัวอื่น และคนอื่นหรอกนะคะ ซึ่งไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้ ....
คนที่ไม่ยินดีกับการเข้ามาของฉันในวันแรก เธอไม่พอใจที่ฉันมาร่วมชายคาเดียวกับเธอ สีหน้า ท่าทาง บ่งบอกถึงความเกลียดชังได้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องคิดไปไกลให้เหนื่อย อีโก้สูงทรงประสิทธิภาพเสมอต้นเสมอปลายนับตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น ยันมาถึงตอนนี้ ชิงชังฉันยังไง ปัจจุบันก็ยังคงชิงชังฉันแบบนั้น
เธอชื่อแมริชนะคะ ฟังจากชื่อก็รู้แล้วใช่ไหม ว่า ไฮโซระดับเกรดพรีเมี่ยมแค่ไหน เธอ มีศักดิ์เป็นบุตรสาวคนเดียวของคุณน้าค่ะ และเป็นหนึ่งเดียวที่มีอำนาจลองลงมาจากคุณพ่อของเธอเป็นอันดับที่สอง ของบ้านหลังทีฉันอยู่นี้
ไม่น่าเชื่อเลยล่ะค่ะ ว่าห้าวันมานี้ ห้าวันที่ฉันอาศัยในบ้านหลังใหญ่นี้ มันจะทวีคูณความอึดอัดให้ฉันหนักเข้าไปกว่าเก่า ทีนี้คุณรู้แล้วใช่ไหมละคะ ว่าสิ่งที่ฉันกำลังจะสื่อเกี่ยวกับความรู้สึกข้างต้นก่อนหน้านี้มันคืออะไร ‘ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี ’ คืออะไร?? มีความหมายลึกซึ้งขนาดไหน
ข้อนี้ไม่ต้องอธิบายให้ยาวความ...
ก๊อกๆๆ
ฉันชะงักจากสิ่งที่กำลังคิดอยู่ในหัว เปลี่ยนเป็นการมองไปที่ประตูแทน คุณน้าเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มต้อนรับเข้าวันใหม่ ฉันยิ้มตอบ มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอสวยจัง กำลังจะไปไหน...
“ ไงจ๊ะ กุหลาบ ไม่ค่อยได้เข้ามาคุยเล่นด้วยเลย ช่วงนี้น้างานยุ่งน่ะจ๊ะ “
เธอเจรจาด้วยน้ำเสียงที่สดใส ในขณะที่มือเธอนั้นกำลังลูบหัวฉันอยู่ ฉันยกมือไหว้ ก่อนจะบอกไปว่า
“ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณน้าเหนื่อยควรจะพักผ่อนน่ะถูกแล้วนะคะ “
“ เหงาไหมลูก อยู่มาก็ห้าวันแล้ว น้าไม่ได้ชวนกุหลาบออกไปไหนเลย “
คราวนี้ฉันส่ายหน้า คุณน้าเองก็ถามต่อ
“ อยู่ได้ไหม อยู่แล้วสบายใจรึเปล่า “
มันคือคำถามที่ตรงใจฉันมากนะคะ ฮ่าๆๆ อยากจะตอบที่สุดล่ะค่ะ ว่าโคตรว้าเหว่ ไม่น่าอยู่ อยากกลับบ้าน ไม่อยากเจอลูกคุณน้า ไม่อยากวุ่นวายกับใคร ...
แต่จะดูแรงไปไหมหากฉันตอบ ก็อย่างที่บอกล่ะค่ะ ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี ( รู้สึกจะพูดคำนี้สามรอบแล้ว ฮ่าๆๆ ) เพื่อความสบายใจเลยต้องตอบตรงกันข้ามไป แบบนี้ค่ะ
“ กุหลาบอยู่ได้ค่ะคุณน้า ไม่ต้องห่วงนะคะ “
“ ดีจ๊ะ งั้นหนูแต่งตัวเถอะ “
“ ไปไหนคะ “
ฉันผงะจากร่างเธอในขณะที่ก่อนหน้านี้ฉันนั้นนั่งอยู่บนเตียง ส่วนคุณน้านั้นยืนกอดฉันอยู่ แหงนหน้าขึ้นถามเธอด้วยความแปลกใจ เธอก้มลงมายิ้มบางๆ ให้ฉัน แล้วตอบ ด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วต้องยิ้มตาม
“ มหาลัยจ้ะ “
“ มหาลัย? “
“ ทำเรื่องส่งกุหลาบเรียนต่อไงล่ะจ๊ะ “
“ คุณน้า...”
ฉันเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ ออกมาจากปากสวยของผู้หญิงคนนึงที่มีศักดิ์เป็นน้องสาวของแม่ ซึ่งเป็นเพียงแค่น้าสาวของฉัน
“ ขอบคุณนะคะ ขอบคุณจริงๆ “
และฉันก็เผลอกอดเธออีกรอบด้วยความตื้นตันใจ พระเจ้า..เธอนั้นช่างมีจิตใจงดงามขาวบริสุทธิ์ดั่งต้นมะลิดอกที่สองลองจากแม่ ...ฉันรักเธอจัง
“ ไปเถอะจ้ะ น้าจะรอข้างล่าง กุหลาบเสร็จแล้วก็ตามลงมา “
“ ค่ะ^^”
( โปรดติดตามตอนต่อไป..)
ติดตามต่อได้ที่เพจ : เกศิณี แอดมินสกั้ง
ลำนำกุหลาบขาว ตอน2
ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี ฉันพูดแบบนั้นและมันก็คงจะเป็นแบบนั้น ..ต่อฉันตอนนี้ สุดท้ายแล้วฉันก็ต้องตามใจคุณน้าทุกอย่างนะคะ คุณน้าบอกอะไรก็ทำ ความใจดีของเธอแม้บางทีมันทำให้ฉันอึดอัดไปบ้าง แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันอบอุ่น ไม่เยอะนะคะ แต่ก็ไม่น้อยค่ะ
อย่างที่พูดไปก่อนหน้านี้ ฉันอาจจะบอกใครต่อใครไปว่าฉันนั้นทำใจได้ กับการจากไปไม่มีวันกลับของพ่อกับแม่ แต่ รู้ไหมคะ ? นั่นมันคือการหลอกใจตัวเองให้เข้มแข็งไปวันๆ ห้าวันมานี้ ฉันเหมือนมีแค่ร่างกาย ไร้จิตวิญญาณ ชีวิตจิตใจไปอยู่ไหน อันนี้ไม่ต้องไปถามถึง..เพราะฉันเองก็ไม่รู้
บ้านคุณน้าเป็นแบบสไตล์โมเดิร์นค่ะ จัดอยู่ในตระกูลคนมีเงินจะใช้คำว่ามหาเศรษฐีเลยก็ได้ อันนี้ก็เหมาะสมดี พูดง่ายๆแบบนี้นะคะว่า ต่อให้ฉันขยันทำงานทั้งชีวิตก็คงไม่มีปัญญา เทียบเท่ากับลูกสาวของเขา เกิดมาก็อยู่บนกองเงินกองทองเลย ไม่ได้อิจฉานะคะ แค่รู้ซึ่งถึงคำว่า แข่งเรือแข่งพายน่ะแข่งได้แต่แข่งวาสนาน่ะแข่งไม่ได้ มันเป็นยังไง เพิ่งค้นพบความหมายที่แท้จริงก็วันนี้ล่ะค่ะ
บริเวณนอกจากตัวบ้านแล้วยังมีสนามหญ้าสวยๆ สวนดอกไม้ ที่นั่งเล่นเดินเล่น สระว่ายน้ำ และอื่นๆที่ดูแล้ว มีความคิดประหนึ่งว่า เออเนอะ..มันช่างเป็นอะไรที่สบายกายอุรานี่กระไรดีจริงๆ เต็มไปหมดล่ะค่ะ ต่างกับที่ ที่ฉันจากมาราวฟ้ากับดิน ไม่แปลกค่ะที่เด็กสาวอายุประมาณฉันจะติดหรูและอีโก้สูงมาก หมายถึงบางคนนะคะ ไม่ได้พาดพิงผู้ใด บางสังคมบางตระกูลและบางคน ก็ดีค่ะ ถึงแม้รวยแต่ก็ยังมีความใจดี เผยแพร่ออกมาให้ดีต่อใจของผู้อื่น คำว่าน้ำใจต่อให้มีแค่รอยยิ้ม ก็มีค่าต่อจิตใจเสมอ
ฉันหมายถึงครอบครัวอื่น และคนอื่นหรอกนะคะ ซึ่งไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้ ....
คนที่ไม่ยินดีกับการเข้ามาของฉันในวันแรก เธอไม่พอใจที่ฉันมาร่วมชายคาเดียวกับเธอ สีหน้า ท่าทาง บ่งบอกถึงความเกลียดชังได้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องคิดไปไกลให้เหนื่อย อีโก้สูงทรงประสิทธิภาพเสมอต้นเสมอปลายนับตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น ยันมาถึงตอนนี้ ชิงชังฉันยังไง ปัจจุบันก็ยังคงชิงชังฉันแบบนั้น
เธอชื่อแมริชนะคะ ฟังจากชื่อก็รู้แล้วใช่ไหม ว่า ไฮโซระดับเกรดพรีเมี่ยมแค่ไหน เธอ มีศักดิ์เป็นบุตรสาวคนเดียวของคุณน้าค่ะ และเป็นหนึ่งเดียวที่มีอำนาจลองลงมาจากคุณพ่อของเธอเป็นอันดับที่สอง ของบ้านหลังทีฉันอยู่นี้
ไม่น่าเชื่อเลยล่ะค่ะ ว่าห้าวันมานี้ ห้าวันที่ฉันอาศัยในบ้านหลังใหญ่นี้ มันจะทวีคูณความอึดอัดให้ฉันหนักเข้าไปกว่าเก่า ทีนี้คุณรู้แล้วใช่ไหมละคะ ว่าสิ่งที่ฉันกำลังจะสื่อเกี่ยวกับความรู้สึกข้างต้นก่อนหน้านี้มันคืออะไร ‘ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี ’ คืออะไร?? มีความหมายลึกซึ้งขนาดไหน
ข้อนี้ไม่ต้องอธิบายให้ยาวความ...
ก๊อกๆๆ
ฉันชะงักจากสิ่งที่กำลังคิดอยู่ในหัว เปลี่ยนเป็นการมองไปที่ประตูแทน คุณน้าเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มต้อนรับเข้าวันใหม่ ฉันยิ้มตอบ มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอสวยจัง กำลังจะไปไหน...
“ ไงจ๊ะ กุหลาบ ไม่ค่อยได้เข้ามาคุยเล่นด้วยเลย ช่วงนี้น้างานยุ่งน่ะจ๊ะ “
เธอเจรจาด้วยน้ำเสียงที่สดใส ในขณะที่มือเธอนั้นกำลังลูบหัวฉันอยู่ ฉันยกมือไหว้ ก่อนจะบอกไปว่า
“ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณน้าเหนื่อยควรจะพักผ่อนน่ะถูกแล้วนะคะ “
“ เหงาไหมลูก อยู่มาก็ห้าวันแล้ว น้าไม่ได้ชวนกุหลาบออกไปไหนเลย “
คราวนี้ฉันส่ายหน้า คุณน้าเองก็ถามต่อ
“ อยู่ได้ไหม อยู่แล้วสบายใจรึเปล่า “
มันคือคำถามที่ตรงใจฉันมากนะคะ ฮ่าๆๆ อยากจะตอบที่สุดล่ะค่ะ ว่าโคตรว้าเหว่ ไม่น่าอยู่ อยากกลับบ้าน ไม่อยากเจอลูกคุณน้า ไม่อยากวุ่นวายกับใคร ...
แต่จะดูแรงไปไหมหากฉันตอบ ก็อย่างที่บอกล่ะค่ะ ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี ( รู้สึกจะพูดคำนี้สามรอบแล้ว ฮ่าๆๆ ) เพื่อความสบายใจเลยต้องตอบตรงกันข้ามไป แบบนี้ค่ะ
“ กุหลาบอยู่ได้ค่ะคุณน้า ไม่ต้องห่วงนะคะ “
“ ดีจ๊ะ งั้นหนูแต่งตัวเถอะ “
“ ไปไหนคะ “
ฉันผงะจากร่างเธอในขณะที่ก่อนหน้านี้ฉันนั้นนั่งอยู่บนเตียง ส่วนคุณน้านั้นยืนกอดฉันอยู่ แหงนหน้าขึ้นถามเธอด้วยความแปลกใจ เธอก้มลงมายิ้มบางๆ ให้ฉัน แล้วตอบ ด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วต้องยิ้มตาม
“ มหาลัยจ้ะ “
“ มหาลัย? “
“ ทำเรื่องส่งกุหลาบเรียนต่อไงล่ะจ๊ะ “
“ คุณน้า...”
ฉันเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ ออกมาจากปากสวยของผู้หญิงคนนึงที่มีศักดิ์เป็นน้องสาวของแม่ ซึ่งเป็นเพียงแค่น้าสาวของฉัน
“ ขอบคุณนะคะ ขอบคุณจริงๆ “
และฉันก็เผลอกอดเธออีกรอบด้วยความตื้นตันใจ พระเจ้า..เธอนั้นช่างมีจิตใจงดงามขาวบริสุทธิ์ดั่งต้นมะลิดอกที่สองลองจากแม่ ...ฉันรักเธอจัง
“ ไปเถอะจ้ะ น้าจะรอข้างล่าง กุหลาบเสร็จแล้วก็ตามลงมา “
“ ค่ะ^^”
( โปรดติดตามตอนต่อไป..)
ติดตามต่อได้ที่เพจ : เกศิณี แอดมินสกั้ง