ลำนำกุหลาบขาว ตอน 1

กระทู้สนทนา
ตอนที่ 1

        หกเดือนต่อมา...
        Bangkok 18:00 น..
        ครั้งแรกในรอบยี่สิบปี ที่ฉันได้มีโอกาสมาเหยียบที่นี่   ในเมืองหลวง เมืองฟ้า เมืองสวรรค์แห่งนี้   ที่ใครต่อใครต่างพูดกันปากต่อปากจนมาปะทะหูฉันว่า  มีแต่คนอีโก้หรู การศึกษาสูง   บุคลิกคล้ายๆเทวดา เท่านั้นล่ะ  ที่จะอยู่ได้ เพราะที่นี่ล้วนแต่มีการแข่งขัน แต่ละก้าวของชีวิตต้องควบคู่ไปกับระยะเวลา ไม่ขยัน  ไม่อดทน   ไม่อึดจริง ก็ไม่สามารถที่จะอยู่แบบสบายๆได้  คนเรียนน้อยก็มักจะเป็นลูกจ้าง   คนจบตามมาตรฐานระดับปริญญาก็มักจะเป็นมนุษย์เงินเดือน  ส่วนคนจบจากเมืองนอกที่ไกลโพ้นไปจากถิ่นฐานของตัวเองก็มักจะเป็นเจ้าคนนายคน และคนที่จะสบายได้ก็ต้องมีเงิน
          ไม่รู้สิ  ฉันได้ยินมาแบบนั้น เขาว่ากัน แต่เขานั้นไม่รู้ว่าใคร  คำบอกเล่าสิบปากหรือ จะเท่าตาตัวเองเห็น   ฉันไม่เชื่อหรอกนะ เพราะฉันไม่รู้ว่า  เทวดานั้นเป็นเช่นไร ..
         “ ลุงคะ..ช่วยไปส่งที่นี่หน่อยได้ไหม “
คนแปลกหน้าอย่างเช่นฉัน  สิ่งแรกที่ควรทำ ก็คือการไม่ไว้ใจ ฉันไม่ควรจะเชื่อใจใครง่ายๆ
ฉันบอกลุงที่สวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้า  นั่งอยู่หลังพวงมาลัยของรถเก๋ง สีเหลือง-เขียว คู่ใจ ยื่นที่อยู่จุดหมายปลายทางที่ฉันจะไปซึ่งจดใส่แผ่นกระดาษแผ่นเล็ก  ไปให้ แล้วกระโดดขึ้นรถทันที เมื่อแกพยักหน้าเป็นอันตกลง
ก่อนรถจะเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ  ฉันจดรายละเอียดทุกอย่างที่เกี่ยวกับคนขับ ไม่ว่าจะเป็นหมายเลขทะเบียนรถ เลขรถ  เรียกว่าทุกอย่างที่เป็นประวัติของรถที่ฉันนั้นนั่งอย่างละเอียดยิบ เพื่อส่งทางข้อความไปให้คุณน้า น้องสาวของแม่ที่รออยู่ตรงปลายทางที่ฉันกำลังจะไป  
มันคือกลยุทธ์ ของเด็กบ้านนอกอย่างฉันค่ะ..
ใช้เวลาไม่นานสำหรับการเดินทาง คุณลุงก็พาฉันมาถึงโดยสวัสดิภาพ  เขายิ้มให้ฉัน  
           “ทำดีแล้วนังหนูเอ้ย   ลุงน่ะไม่ทำอะไรเราหรอก  แต่คนอื่นน่ะไม่แน่  นี่คงเป็นเด็กต่างจังหวัดล่ะสิ  เออๆ  โชคดีล่ะ “
มันคือคำทักทายของคนหาเช้ากินค่ำค่ะ  ฉันยกมือไหว้แก  ก่อนจะยื่นเงินค่าแท็กซี่ให้ อันที่จริงมันเหลือเศษยี่สิบบาท แต่ฉันบอกแกว่า
           “ ไม่ต้องทอนนะลุง ขับรถดีๆล่ะ “
ลุงยิ้มให้ฉัน  มันคือไมตรีจิตที่ฉันดีใจมาก สำหรับการได้พบเจอมันตั้งแต่ก้าวแรกที่มาถึง  หวังว่าการมาเยือนกรุงเทพครั้งนี้ ส่งผลให้ฉันเจอแต่สิ่งที่ดีๆนะ
           “ พ่อคะ แม่คะ หนูมาถึงแล้วค่ะ “
เสียงครวญครางจากปากหรือ จะเท่าเสียงหัวใจที่มันกระสับกระส่าย อยู่ตอนนี้  ใช่ค่ะ.. ฉันตื่นเต้น
นี่มันบ้านคนหรืออะไร ?  ทำไมมันถึงได้ใหญ่โตมโหฬารแบบนี้  ที่ผ่านมา คุณน้าอยู่สบายขนาดนี้เลยเหรอ
แต่ว่า.. อันที่จริงมันก็ไม่ได้เรียกว่าใหญ่อะไรหรอกนะ ถ้าเทียบกับหลังอื่นๆ ใกล้เคียงกัน
          ที่ฉันยืนมองอยู่นี่ น่าจะมีความใหญ่โตปานกลางซะมากกว่า  แต่ถ้า..เทียบกับบ้านต่างจังหวัดที่ฉันจากมาน่ะหรือ
         “ ฮะๆๆ คนละเรื่องเลยจ้า “
         ปิ๊งป๊อง  ปิ๊งป๊อง     
        แค่เสียงออดหน้าบ้านก็นำโด่ไปทิเบตล่ะมั้ง  บ้านฉันแค่เดินขึ้นเรือนก็รู้แล้ว มีคนมา
        แอด...
        ทันทีที่ประตูเปิด นั่นคือนาทีเปลี่ยนชีวิตของฉัน คุณน้าดูดีอกดีใจ ที่เห็น  เธอเดินมากอดฉัน แล้วเอ่ยประโยคที่ทำให้ฉันรู้สึกใจชื้นมากมาย เธอชวนฉันเข้าไปในบ้าน  บอกให้ฉันนั่งรอบนโซฟา ..เอ่อ โซฟานะคะ ไม่ใช่พื้นกระดานบ้านฉัน  และยื่นน้ำดื่มอุณภูมิเย็นเฉียบแก้วกระเบื้องดูไฮโซ ไม่ใช่ขันเหล็กใบเบี้ยวบรรจุน้ำกรองเวลาฝน ตก
         ...มันต่างกันไกลระลิ่ว จนฉันทำตัวไม่ถูกเลยนะคะ  วินาทีนี้อยากจะกลับไปนอนบ้านเลยล่ะค่ะ  แม้ความกว้างจะคับแคบกว่ามาก แต่มันก็ไม่เท่ากับใจ
        “ เป็นไงบ้างจ๊ะกุหลาบ เรื่องพ่อกับแม่  น้าเสียใจด้วยนะ “
นั่นคือประโยคแรกที่ฉันถูกถามหลังจากมานั่งในห้องโถงได้สักพักหนึ่ง  แอร์เย็นฉ่ำทำเอาระบบรูขุมขนของฉันถึงกับช่วยกันทำงานทันที
        “ ค่ะคุณน้า  พ่อกับแม่ไปสบายแล้ว  คงเหลือแต่กุหลาบนี่แหละ  ที่ยังต้องอยู่ต่อไป “
        “ กุหลาบเป็นคนเก่งมากนะ สมกับที่แม่หนูมาโม้ไว้ “  ฉันขำ มองหน้าคนพูด ที่เคล้าโคลงสวยไม่ต่างกับแม่ของฉันเลย เธอเอื้อมมือมากุมมือฉันไว้ บีบมันแน่น ทำเอาฉันต้องยิ้มกว้างกลับไปให้   “ น้าเรียกหนูมาที่นี่ วันนี้ไม่ได้ให้มาเที่ยว  เดี๋ยวเดียวก็กลับหรอกนะรู้ไหม  อยู่ด้วยกันซะที่นี่แหละกุหลาบ น้าจะดูแลเธอเอง “
       “ เอ๋?  แต่คุณน้าคะ “
       “ ไม่ต้องกังวลหรอกกุหลาบ ย้ายมาอยู่กับน้าเถอะ น้าเหงา  ไม่ต้องห่วงเรื่องการเรียนหนูหรอก น้าจะย้ายมาให้ทั้งหมด “
ฉันเหลือบตามองรอบบ้าน มองสลับกับคนพูด  เธอพูดดี แต่ทำไมฉันนั้นกลับอึดอัด  ยิ่งมองลึกลงไปในตาคุณน้า ทำไมใจฉัน  ถึงต้องเต้นแรง
      “ แต่ว่า..”   
      “ อย่าปฏิเสธน้าเลยนะ กุหลาบ “
ฉันอยากจะขำลั่น  นี่ฉันตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้อีกจนได้สินะ  ประเภทความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดีเนี่ย มันช่างชนะอะไรทุกอย่างเบอร์นี้น้า
สายตาคุณน้าก็เช่นกัน
ฉันผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะ..
      “ ก็ได้ค่ะ “
     “ กุหลาบเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุด  รู้มั้ย “
     ฉันรู้ๆ แต่ไม่จำเป็นต้องกอดฉันแน่นขนาดนี้ก็ได้หรอกม้าง...


                                               ( โปรดติดตามตอนต่อไป...)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่