เรื่องราวของนักปั่นที่อยากทดสอบตัวเองวนสนาม Audax1400km
เริ่มจากปี2016กับความพยายามในจักรยาน1ปีที่ทำมา นำมาพาตัวเองมาสู่เส้นทางการปั่นจักรยานทางไกลที่เขาเรียกว่าAudax จนพาตัวเองมาถึงระดับ SR ภายใน 1 ปี สำเร็จดังใจหวัง เมื่อจบภาระกิจก็ไม่ได้มีการซ้อมอะไรมากมายเพียงแค่ไปปั่นตามงานAudaxกับเพื่อนๆจนกว่าจะไปทำSRอีกครั้งในปี2017
แต่แล้ว Audax ก็มีสนามโผล่ขึ้นมาตอนปลายปีมันคือสนามระดับ LRM ที่ระยะถึง 1400 km ในใจคิดไม่ไปละมันไม่พร้อม แต่ท้ายสุดในวันสุดท้ายของการรับสมัครก็ ยอมสมัครไป ด้วยเหตุที่ว่า อยากไปเที่ยว และ ไปร่วมกับสนามนี้ด้วย ก็ไปแบบทำใจไว้ก่อนถ้ามันจะDNFก็ตาม
ในคราวนี้มีกลุ่มเพื่อนแบบเขาสมัครมาแบบตั้งใจด้วย 3 ท่าน เราก็ดีใจมีเพื่อนไปด้วย จุดเริ่มต้นคือที่วัดพญาญาติ ที่บางปะอิน นักแข่งที่มาร่วมการปั่นมีจำนวน 100 คน เลขสวยแต่จะจบกี่คนละ แต่ละคนที่มาบอกได้เลยโปรในสายAudaxทั้งนั้นผ่านประสบการณ์ขัดเกลามาอย่างโชกโชน ส่วนไอ้ตัวเราหน้าใหม่เพิ่งจะ1ปีแต่ก็อยากลอง แถมมางวดนี้วันปั่นที่ 24 ธันวาคม ตรงวันเกิดอีกมาฉลองวันเกิดด้วยเลย เอ้าลุย
เรารวมตัวกันครบทีม แต่ละคนต่างพร้อมด้วยหน้าตาที่พร้อมจะลุยศึกนี้กันอย่างพร้อมเพรียง แต่ละคนมีแผนต่างกันไป และ มีทีมที่ตนนัดมาเพื่อไปปั่นกันเรียบร้อย ส่วนผมไม่มีแค่มาแจมกับเขาเดียวก็หมกไปกับกลุ่มไหนก็ได้ที่ไปไหว
พร้อมstartก่อนเริ่มทางทีมงานเจามีการตรวจความปลอดภัยของนักปั่นอย่างถี่ถ้วนและกฎต่างๆให้เข้าใจก่อนเริ่มปั่น เวลา22:00คือเวบาปล่อยตัวของนักปั่น
งวดนี้ผมเอาเสือหมอบมา แต่ ปกติผมปั่นAudaxจะใช้เสือภูเขา เสือหมอบเพิ่งประกอบได้ลองปั่นก่อนมาแค่3วันแต่เอาไปเทสมาที่Audax200kmทุ่งมะขาม ก็ถือว่าเร็วกว่าเสือภูเขา แต่ยังไม่ถนัดมือเอาลองมาลุยดูเลย
CP1 อ่างทอง เสียงปล่อยตัวดังขึ้นนักปั่นทะยานออกไปด้วยจิตใจมุ่งมั่น ความเร็วไม่เป็นมิตรต่างจากAudaxที่ผ่านมาเหมือนม้าชั้นดีมาปั่นกันยิงกันแต่เริ่มกับความเร็วบนถนนมิตรภาพ 35up มันจะรีบไปไหนวะ พุ่งกันออกไปเพื่อไปแต่ละ CP อย่างรวดเร็ว กลุ่มที่ผมไปด้วยเป็นกลุ่มทีมสุรินทร์ พาไปแรงมาก เมื่อเข้าสู่อยุธยา เรากับเจองานเข้าอย่างไม่คาดคิดเราหลง กามินบอกทางผิดทำให้เราหลงวนไป1รอบเกินระยะ 15โล และแล้ว15โลจุดนี้สำคัญมากนั่นคือเรากลายเป็นกลุ่มท้ายทันที แต่เราก็ไปกันต่อ ด้วยความเร็วที่แรงเหมือนเดิมเพื่อจะไปให้ทันที่ อ่างทองระยะ55กอโลเมตร เราไปกันทันแต่เป็นกลุ่มท้ายจิงๆเกือบไม่ทันเหลือเวลาแค่20นาที พักได้10นาทีเราไปต่อ เพื่อไป ชัยนาทระยะ 148km
CP2 ชัยนาท พอเราวิ่งไปได้แค่5โล ผมรู้สึกทำไมหลังผมมันเด้งๆรถหนืดและทำความเร็วไม่ขึ้นและผมเริ่มสงสัย จึงจอดดู นั้นไงยางรั่ว และ แล้วผมค้องปั่นคนเดียวอีกแล้วสินะ
เรื่องความซวยในAudaxผมเยอะมากๆ สุรินทร์400km อาหารเป็นพิษ อ้วก ท้องเสีย ปั่นคนเดียว80กว่าโลคนสุดท้าย Audax400เขาสอยดาว ยางแตก7รอบ ปั่นคนสุดท้ายระยะ50โล และนี่Audax1400 ตูซวยยางแตกปั่นคนสุดท้ายไปชัยนาท90โลโอ้เยี่ยมชีวิตตั้งแต่ออกตัว ทำอะไรได้ละนั่งปะยาง เจอแหละรอยรั่วมันมารั่วจุดเดิมที่ปะไว้ มันคงทนไม่ไหวเลยแตกที่อุดไว้ ถอดทิ้งเปลี่ยนเส้นใหม่ เสียเวลาไปอีก 15 นาที ลุยละดูเวลา 55ตัวคนเดียวซัดคนเดียวละงานนี้ อัดสิครับรออะไรสายแล้วจะไม่ทันเอา ยิงไป30ยาวๆ แต่แล้วสิ่งที่ไม่ควรเกิดก็มาจนได้อาการเข่าซ้ายด้านในเกิดปวดขึ้นมา เวรกรรม จากความเร็ว30ลดฮวบทันทีเหลือ25และต้องหยุดนวดยาทุกๆ10โล อาการนี้ได้มาจากการแข่งใจเกินร้อยและคว่ำหน้าเส้นชัย มันดันตามมางานนี้ด้วย ดีจุงซวยไม่เลิกในวันเกิด แต่ก็ปั่นไปจนไปทันจนได้ที่ CP2 คนเขาหลับเขานอนกันหมดผมก็อยากนอนพัก แต่ เจอเพื่อนบอกไปกันต่อไปกับกลุ่มพี่กลุ่มนี้เขาไปด้วยความเร็ว21-25ผมก็เออเอาไงดีอยากนอนนะ แต่เราเข่าเจ็บไม่สามารถไปกับกลุ่มไหนได้แน่นอกจากกลุ่มนี้ เอ้าไปก็ไป ง่วงก็ง่วง และเราก็ออกตัวไปด้วยกันก็แอบหวังว่าพวกพี่ๆจะนอนบ้างสัก20นาทีก็ดี แต่เอ๊ยนี่มันกลุ่มผีดิบชัดๆไม่นอนเลยยันถึงเช้า ตรูซวยอีกแล้ว
เพื่อนผม ตาเอ แนวทัวริ่ง ชอบใจใหญ่ ที่ผมปั่นได้แค่21-25ซึ่งโดยปกติ ผมจะเป็นหัวลากให้กับทีมและความเร็วต้อง25-30มาวันนี้ได้แค่นี้จิงๆได้แค่เข่าขวาที่กดบันใด เข่าซ้ายดึง และกดเบาๆ มันช่างเป็นโชคชะตาที่มาแกล้งกันในวันเกิดผมด้วย ดันพาตัวเองมาทรมานบันเทิงแบบนี้ บ่นไปปั่นไปสุดท้ายเราผ่านจุด Control ที่อุทัยธานี ไปได้สบายๆเพราะไม่ได้นอน555 ระหว่างทางกลุ่มที่ตื่นมาตามหลังก็ไล่แซงเราไปเรื่อยๆผมก็บอกกับตัวเองถ้าไม่มากับเขาเราแย่แน่เพราะปั่นได้เท่านี้จิงๆ แวะทานข้าวและเดินทางไป ชุมแสงระยะ269โล
CP3 ชุมแสง ตรงที่จะไปชุมแสงแดดร้อนแรงมากๆเราเริ่มล้าและเพลียเพราะไม่ได้นอนเลยแต่พี่ๆเขาก็ไปเรื่อยๆเราก็ตามเขาไปทุกๆ10โลเราต้องจอดเพื่อเติมยานวดที่เข่าให้สามารถปั่นไปได้ เรามาทันชุมแสงแล้ว เหลือเวลาเข้าก่อน2ชั่วโมงและจุดต่อไป วังกรดจังหวัดพิจิตร ระยะ336โล เราควรไปต่อเพราะผมรู้ว่าผมเริ่มช้าลงและเพลียมากขึ้นและจุดนอนคือระยะ415โลจุด CP5 ที่พิษณุโลก
CP4 วังกรด ความเหนื่อยความล้าของผมเริ่มส่งผลเรื่อยๆอาการเข่าไม่สู้ดีนักผมเริ่มช้าลงความเร็วไม่ถึง22แล้ว และช่วงที่ผ่านชุมแสงไปสักพักอากาศร้อนอบอ้าวมากๆเป็นช่วงเที่ยงแล้ว ไม่มีการพักการนอน ไปแบบผีดิบ จนใกล้วังกรด เราแวะทานน้ำแข็งใสกัน ผมมองแล้วไม่อยากทานเพราะเหนื่อยๆแต่เพื่อนซื้อให้ทานก็เอาหน่อยเพราะร้อนมากๆ และ ความซวยระดับถัดมาก็เกิด ผมเริ่มมีอาหารคลื่นไส้อย่างงงๆเริ่มบ้วนน่ำลาย หายใจติดขัด มวลๆท้อง และ ใช่เลย ผมอ้วกออกมาเป็นน้ำแดง น้ำแข็งใสที่ทานเข้าไป ความเร็วเริ่มตก ตามไม่ทันเริ่มห่างออกไปแต่ไม่ได้เรียกดันตัวเอง มายันถึงวังกรด และ ไปอ้วกจนโล่ง แต่เพลียสุดๆอยากนอน พวกพี่ๆเริ่มออกตัวกันไป ผมตามออกไปและเริ่มหมดแรง
CP5 พิษณุโลก และแล้วเพื่อนๆก็ปั่นห่างออกไปจนผมตามไม่ทัน มาถึงจุดนี้ผมต้องปรับตัวเองให้ปั่นแบบเซฟตัวเองปั่นแบบคนเดียวตามแบบที่เราเอาตัวรอดได้เพื่อให้ไปถึง พิษณุโลก ดูเวลาและความเร็วบีบหัวใจยิ่งนักถ้าผมปกติ ไม่ปวดเข่าและไม่เพลียจากการอ้วกที่เมื่อกี้ผมสมารถยิงไปได้สบายๆแต่นั้นไม่ใช่ ตอนนี้เราไปได้เท่านี้20kmก็ไปมันเท่านี้ และดูถนนให้ดี ดูลมให้ดี ไหลได้เติม ลมมาก้ม ใช้ทุกเทคนิคที่เราทำมาเพื่อเพิ่มความเร็วให้ได้ถึง25Km ปั่นต่อไปและตั้งจิตให้ดีดูแผนที่ให้ดีอย่าหลง ผมก็ไปเรื่อยๆเริ่มจะมืดเรายังอยู่คนเดียว มีคนแซงไปเรื่อยๆ และแวะพักทายาไปพักๆ หิวก็แวะทานเพื่อเติมกำลังอย่าให้หมดแรง
จนมาไกลสักพัก ผมก็ดันมาเจอเพื่อนๆอีกรอบเขาก็สงสัยผมมาทันและแซงเขาไปตอนไหน ผมก็บอกไปพี่แวะไหนไหมเขาว่าแวะทานข้าวนั่นละผมเลยทัน55
แต่พวกพี่ก็เริ่มเร่งกันเพื่อไปนอน ผมก็ตามไม่ทันแต่เพื่อนก็ไม่ตามกลุ่มมาปั่นกับผมแหละเพราะพี่ๆเขาแรงขึ้นจนฮีทแล้ว ตอนนี้เรากเหลือกัน2คนไปกันเริ่อยๆ เส้นทางยาวไกลจิงๆอีก10โล เราไปถึงก่อนเวลาปิด2ชั่วโมง นั่นคือความซวยอีกครา เพราะเราจะได้นอนแค่ 1ชั่วโมงครึ่งเราต้องไปต่อที่ วังชิ้น ในระย585KM และเวลาปิดตอน11โมงกับระยะ170โลมันจะทันไหมละ
CP6 วังชิ้น รีบราดน้ำและรีบนอนกว่าจะได้นอนปาไป5ทุ่มเกือบเที่ยงคืน และ ตื่นตี1 ออกตัวตี 2 โอ้ผีดิบอีกแล้วตรู คนอื่นๆนอนกันอิ่มสบาย บางคนตื่นตี3ก็ทันเพราะเขาไม่บาดเจ็บแต่ผมคำนวณขาตัวเองและความเร็วมันบอกว่าต้องไปตอนตี2ก็บีบเวลาสุกๆแล้ว ระหว่างทางปั่นไปผมก็เจอนักกั่นปั่นแซงไปคนแล้วคนเล่าเพราะ ไปได้แค่ 22-25สุดๆแล้ว จะได้เจอกลุ่มอื่นก็ตรงจุดพักตามปั๊มเราไปถึงเขาออกไปแล้ว55แต่ผมก็ไปตาอของผม จนสุดท้ายต้องยอมทานยาแก้ปวดจนได้เพราะไม่ไหวแล้ว ไม่ทันแน่ๆ ควักมันออกมาไอเท็มเสริม ยาระงับปวด ไม่อยากทานเพราะรุ่พอทานไปเราจะไม่ปวดและเราจะอัดจนเข่าเราพังโดยไม่รู้ตัว แต่ สถานการณ์นี้จำเป็นแล้ว จะพยายามนวดยาและใช้เกียร์ระวังที่สุด จัดไป ผ่านไป10นาทียาออกฤทธิ์ ไม่ปวดร่างกายฟูลพาวเว่อร์ ใช่มันมาแล้ว ผมเริ่มไต่ความเร็วขึ้นไปจาก25เป็น30ตามรอยขาปกติ แรงไม่หยุดจะทางชัน ทางเนิน เลขค้างที่30ช่วงดันเนินขึ้น ศรีสัชนาลัย เนินยาวๆนักปั่นเริ่มช้าแต่ ผมเริ่มเร็วยิงขึ้นไปแช่30up มันส์มาก แซงคนแล้วคนเล่า แซงเพื่อนๆตกใจกันเอ๊ยมันกลับมาแล้ว รอบขาเกิน90 ยิงไปจนถึงจุด Control point ที่ศรีสัชนาลัยตอน7.30 เวลาเหลือไม่มากตากจุดนี้ไปอีก65โลได้มีเวลาไม่ให้เกิน 11 โมง
ผมนั่งกินเพิ่มพลังและมองดูทางมาแล้วสินะเส้นทางภูเขา ถ้าไปถึงจุดนี้ได้จะได้เวลาเพิ่มและจะได้พักสักหน่อย มองดูเข่ายายังออกฤทธิ์อยู่นวดยาเข้าไป และ กินเข้าไป และลุยต่อ เวลาแค่นี้ถ้าทางราบมันคงง่ายแต่นี่ทางเขามันต้องใส่อย่างเดียวแล้ว ผมเริ่มไปและดูlineเส้นทางประสบการณ์สอนมาเยอะแต่ละช่วงแต่ละเนินต้องไปไง ผมเริ่มปั่นหมอบได้4ครั้งเริ่มจับทางได้บ้างแต่ไม่เชี่ยวเท่าเสือภูเขาแต่ก็พอใส่เกียร์ไล่ได้ ไปพร้อมระหว่างทางผมยังคงรักษาความเร็วได้แบบมันส์สะใจ 30-35มันมาแล้วนี่ละผมละ ส่งยิง ลงไหลขึ้นส่ง เนินแล้วเนินเล่า กวดไล่ทันข้างหน้าที่ไปก่อนแล้ว อย่างสนุกสนาน แต่ มันแฝงด้วยความช้ำที่เข่าซ้ายในอนาคต แน่นอน จนมาทัน CPที่วังชิ้นตอน 10:38เข้าก่อนเวลา จุดหมายต่อไปที่ระยะ 663km ที่แพร่ ปิดตอน17:31 ผ่านไปสักพักเพื่อนๆก็ทยอยมาทุกคนถามทำไมมาใวเข่าหายแล้วเหรอ ผมบอกอัดยาไปนะ เลยมาได้ใว แต่ก็มองเข่าซ้ายและพักสัก10นาทีเดียวไปต่อ
CP7 แพร่ เริ่มลุยต่อจุดหมายคือแพร่ เวลาเริ่มขยายออกต้องไปให้ทันก่อน 17:31 กับระยะทางอีกประมาณ120km เพื่อนขอไปก่อนเพราะบอกว่าเริ่มปวดขา เอ้าแล้วเพื่อนAผมมีอาการที่เอ็นร้อยหวาย ผมตามออกไปแต่ไปแวะทานข้าวให้อิ่มท้องก่อน พอไปได้สักพักเริ่มบ่น นี่มันภาคเหนือหรือภาคอีสานวะร้อน
แดดแรงโคตร แรงมากๆ เริ่มล้าหมดแรง แวะหาร้านน้ำ ผมเอาน้ำแข็งเป็นก้อนๆยัดใส่หลังเสื่อเลย เอาผ้าบัฟแช่น้ำเย็นห่มหัวเพื่อไปต่อ ร้อนขนาดไหนรู้กัน และไปต่อไล่ไปจนทันเพื่อนเรียกแวะพัก และให้ยาไป1หลอดเอาไปทานะ และผมก็ไปต่อ และแล้ว ยาที่ทานก็หมดฤทธิ์ หนทางก็ยังเป็นเนินเขาสลับกันไป และก็ต้องมาลดความเร็วลงอีกครั้ง อาการปวดกลับมา แต่ไม่อยากทานยา นวดเอาแทนละกัน เริ่มประคองไปเรื่อยๆจนหยุดพักขา รอเพื่อนที่เจ็บขาและไปด้วยกันแบบเจ็บๆทั้งคู่555 พิการ2ดีกว่าไปแบบพิการ1 เราพากันไปถึงแพร่จนได้ถึงทันเวลาก่อนปิด15นาที ไปเจอกลุ่มเพื่อนอีกกลุ่ม ถามทำไมมาช้า มาได้ก็บุญแล้วพี่ครับ
และที่ตรงนี้เราได้มีโอกาสได้เขียนลงบนสัญลักษณ์ของAudax เจ้าช้างไคจู ดีใจมากที่มาถึงตรงนี้ได้เกินระยะที่ผมเคยปั่นแล้วสูสุดเคยแค่ 600โล นี่มาได้ถึง663โล แล้วดีใจมากขอเขียนชื่อหน่อยนะ คนอื่นเขาเขียนไปหมดแล้วไม่ค่อยมีที่ให้เราเลย
CP8 น้ำปาด ทานข้าวแล้วออกลุยต่อเริ่มมืดและความหนาวเย็นเริ่มมาอีกครา ผมตัดสินใจกินยาอีกครั้งเพราะเส้นทางที่ตะไปคือ น้ำปาด เราต่องผ่านหุบเขาที่ชื่อ เขาพลึง และ เขาน้อยๆอีก2เขา เพื่อขึ้นไปจุดพัก จากจุดแพร่ ไป น้ำปาด ระยะทางอีก 120โลมันไกลมากๆและต้องไปให้ทันก่อน ตี4:17นาที เราช้าอีกครั้งและไปกันเรื่อยๆเพื่อนผมเริ่มเจ็บขา เข่าผมก็เจ็บแต่ทานยาแล้วเริ่มดีขึ้น เรานัดกันนอนสัก15นาทีแถวริมถนน และไปต่อ จากจุดนี้ผมเริ่มยิงยาวขึ้นไปอีกครั้งเมื่อยาออกฤทธิ์
Audax1400km บางกอก แพร่ บางกอก DNF ไปได้แค่900km
เริ่มจากปี2016กับความพยายามในจักรยาน1ปีที่ทำมา นำมาพาตัวเองมาสู่เส้นทางการปั่นจักรยานทางไกลที่เขาเรียกว่าAudax จนพาตัวเองมาถึงระดับ SR ภายใน 1 ปี สำเร็จดังใจหวัง เมื่อจบภาระกิจก็ไม่ได้มีการซ้อมอะไรมากมายเพียงแค่ไปปั่นตามงานAudaxกับเพื่อนๆจนกว่าจะไปทำSRอีกครั้งในปี2017
แต่แล้ว Audax ก็มีสนามโผล่ขึ้นมาตอนปลายปีมันคือสนามระดับ LRM ที่ระยะถึง 1400 km ในใจคิดไม่ไปละมันไม่พร้อม แต่ท้ายสุดในวันสุดท้ายของการรับสมัครก็ ยอมสมัครไป ด้วยเหตุที่ว่า อยากไปเที่ยว และ ไปร่วมกับสนามนี้ด้วย ก็ไปแบบทำใจไว้ก่อนถ้ามันจะDNFก็ตาม
ในคราวนี้มีกลุ่มเพื่อนแบบเขาสมัครมาแบบตั้งใจด้วย 3 ท่าน เราก็ดีใจมีเพื่อนไปด้วย จุดเริ่มต้นคือที่วัดพญาญาติ ที่บางปะอิน นักแข่งที่มาร่วมการปั่นมีจำนวน 100 คน เลขสวยแต่จะจบกี่คนละ แต่ละคนที่มาบอกได้เลยโปรในสายAudaxทั้งนั้นผ่านประสบการณ์ขัดเกลามาอย่างโชกโชน ส่วนไอ้ตัวเราหน้าใหม่เพิ่งจะ1ปีแต่ก็อยากลอง แถมมางวดนี้วันปั่นที่ 24 ธันวาคม ตรงวันเกิดอีกมาฉลองวันเกิดด้วยเลย เอ้าลุย
เรารวมตัวกันครบทีม แต่ละคนต่างพร้อมด้วยหน้าตาที่พร้อมจะลุยศึกนี้กันอย่างพร้อมเพรียง แต่ละคนมีแผนต่างกันไป และ มีทีมที่ตนนัดมาเพื่อไปปั่นกันเรียบร้อย ส่วนผมไม่มีแค่มาแจมกับเขาเดียวก็หมกไปกับกลุ่มไหนก็ได้ที่ไปไหว
พร้อมstartก่อนเริ่มทางทีมงานเจามีการตรวจความปลอดภัยของนักปั่นอย่างถี่ถ้วนและกฎต่างๆให้เข้าใจก่อนเริ่มปั่น เวลา22:00คือเวบาปล่อยตัวของนักปั่น
งวดนี้ผมเอาเสือหมอบมา แต่ ปกติผมปั่นAudaxจะใช้เสือภูเขา เสือหมอบเพิ่งประกอบได้ลองปั่นก่อนมาแค่3วันแต่เอาไปเทสมาที่Audax200kmทุ่งมะขาม ก็ถือว่าเร็วกว่าเสือภูเขา แต่ยังไม่ถนัดมือเอาลองมาลุยดูเลย
CP1 อ่างทอง เสียงปล่อยตัวดังขึ้นนักปั่นทะยานออกไปด้วยจิตใจมุ่งมั่น ความเร็วไม่เป็นมิตรต่างจากAudaxที่ผ่านมาเหมือนม้าชั้นดีมาปั่นกันยิงกันแต่เริ่มกับความเร็วบนถนนมิตรภาพ 35up มันจะรีบไปไหนวะ พุ่งกันออกไปเพื่อไปแต่ละ CP อย่างรวดเร็ว กลุ่มที่ผมไปด้วยเป็นกลุ่มทีมสุรินทร์ พาไปแรงมาก เมื่อเข้าสู่อยุธยา เรากับเจองานเข้าอย่างไม่คาดคิดเราหลง กามินบอกทางผิดทำให้เราหลงวนไป1รอบเกินระยะ 15โล และแล้ว15โลจุดนี้สำคัญมากนั่นคือเรากลายเป็นกลุ่มท้ายทันที แต่เราก็ไปกันต่อ ด้วยความเร็วที่แรงเหมือนเดิมเพื่อจะไปให้ทันที่ อ่างทองระยะ55กอโลเมตร เราไปกันทันแต่เป็นกลุ่มท้ายจิงๆเกือบไม่ทันเหลือเวลาแค่20นาที พักได้10นาทีเราไปต่อ เพื่อไป ชัยนาทระยะ 148km
CP2 ชัยนาท พอเราวิ่งไปได้แค่5โล ผมรู้สึกทำไมหลังผมมันเด้งๆรถหนืดและทำความเร็วไม่ขึ้นและผมเริ่มสงสัย จึงจอดดู นั้นไงยางรั่ว และ แล้วผมค้องปั่นคนเดียวอีกแล้วสินะ
เรื่องความซวยในAudaxผมเยอะมากๆ สุรินทร์400km อาหารเป็นพิษ อ้วก ท้องเสีย ปั่นคนเดียว80กว่าโลคนสุดท้าย Audax400เขาสอยดาว ยางแตก7รอบ ปั่นคนสุดท้ายระยะ50โล และนี่Audax1400 ตูซวยยางแตกปั่นคนสุดท้ายไปชัยนาท90โลโอ้เยี่ยมชีวิตตั้งแต่ออกตัว ทำอะไรได้ละนั่งปะยาง เจอแหละรอยรั่วมันมารั่วจุดเดิมที่ปะไว้ มันคงทนไม่ไหวเลยแตกที่อุดไว้ ถอดทิ้งเปลี่ยนเส้นใหม่ เสียเวลาไปอีก 15 นาที ลุยละดูเวลา 55ตัวคนเดียวซัดคนเดียวละงานนี้ อัดสิครับรออะไรสายแล้วจะไม่ทันเอา ยิงไป30ยาวๆ แต่แล้วสิ่งที่ไม่ควรเกิดก็มาจนได้อาการเข่าซ้ายด้านในเกิดปวดขึ้นมา เวรกรรม จากความเร็ว30ลดฮวบทันทีเหลือ25และต้องหยุดนวดยาทุกๆ10โล อาการนี้ได้มาจากการแข่งใจเกินร้อยและคว่ำหน้าเส้นชัย มันดันตามมางานนี้ด้วย ดีจุงซวยไม่เลิกในวันเกิด แต่ก็ปั่นไปจนไปทันจนได้ที่ CP2 คนเขาหลับเขานอนกันหมดผมก็อยากนอนพัก แต่ เจอเพื่อนบอกไปกันต่อไปกับกลุ่มพี่กลุ่มนี้เขาไปด้วยความเร็ว21-25ผมก็เออเอาไงดีอยากนอนนะ แต่เราเข่าเจ็บไม่สามารถไปกับกลุ่มไหนได้แน่นอกจากกลุ่มนี้ เอ้าไปก็ไป ง่วงก็ง่วง และเราก็ออกตัวไปด้วยกันก็แอบหวังว่าพวกพี่ๆจะนอนบ้างสัก20นาทีก็ดี แต่เอ๊ยนี่มันกลุ่มผีดิบชัดๆไม่นอนเลยยันถึงเช้า ตรูซวยอีกแล้ว
เพื่อนผม ตาเอ แนวทัวริ่ง ชอบใจใหญ่ ที่ผมปั่นได้แค่21-25ซึ่งโดยปกติ ผมจะเป็นหัวลากให้กับทีมและความเร็วต้อง25-30มาวันนี้ได้แค่นี้จิงๆได้แค่เข่าขวาที่กดบันใด เข่าซ้ายดึง และกดเบาๆ มันช่างเป็นโชคชะตาที่มาแกล้งกันในวันเกิดผมด้วย ดันพาตัวเองมาทรมานบันเทิงแบบนี้ บ่นไปปั่นไปสุดท้ายเราผ่านจุด Control ที่อุทัยธานี ไปได้สบายๆเพราะไม่ได้นอน555 ระหว่างทางกลุ่มที่ตื่นมาตามหลังก็ไล่แซงเราไปเรื่อยๆผมก็บอกกับตัวเองถ้าไม่มากับเขาเราแย่แน่เพราะปั่นได้เท่านี้จิงๆ แวะทานข้าวและเดินทางไป ชุมแสงระยะ269โล
CP3 ชุมแสง ตรงที่จะไปชุมแสงแดดร้อนแรงมากๆเราเริ่มล้าและเพลียเพราะไม่ได้นอนเลยแต่พี่ๆเขาก็ไปเรื่อยๆเราก็ตามเขาไปทุกๆ10โลเราต้องจอดเพื่อเติมยานวดที่เข่าให้สามารถปั่นไปได้ เรามาทันชุมแสงแล้ว เหลือเวลาเข้าก่อน2ชั่วโมงและจุดต่อไป วังกรดจังหวัดพิจิตร ระยะ336โล เราควรไปต่อเพราะผมรู้ว่าผมเริ่มช้าลงและเพลียมากขึ้นและจุดนอนคือระยะ415โลจุด CP5 ที่พิษณุโลก
CP4 วังกรด ความเหนื่อยความล้าของผมเริ่มส่งผลเรื่อยๆอาการเข่าไม่สู้ดีนักผมเริ่มช้าลงความเร็วไม่ถึง22แล้ว และช่วงที่ผ่านชุมแสงไปสักพักอากาศร้อนอบอ้าวมากๆเป็นช่วงเที่ยงแล้ว ไม่มีการพักการนอน ไปแบบผีดิบ จนใกล้วังกรด เราแวะทานน้ำแข็งใสกัน ผมมองแล้วไม่อยากทานเพราะเหนื่อยๆแต่เพื่อนซื้อให้ทานก็เอาหน่อยเพราะร้อนมากๆ และ ความซวยระดับถัดมาก็เกิด ผมเริ่มมีอาหารคลื่นไส้อย่างงงๆเริ่มบ้วนน่ำลาย หายใจติดขัด มวลๆท้อง และ ใช่เลย ผมอ้วกออกมาเป็นน้ำแดง น้ำแข็งใสที่ทานเข้าไป ความเร็วเริ่มตก ตามไม่ทันเริ่มห่างออกไปแต่ไม่ได้เรียกดันตัวเอง มายันถึงวังกรด และ ไปอ้วกจนโล่ง แต่เพลียสุดๆอยากนอน พวกพี่ๆเริ่มออกตัวกันไป ผมตามออกไปและเริ่มหมดแรง
CP5 พิษณุโลก และแล้วเพื่อนๆก็ปั่นห่างออกไปจนผมตามไม่ทัน มาถึงจุดนี้ผมต้องปรับตัวเองให้ปั่นแบบเซฟตัวเองปั่นแบบคนเดียวตามแบบที่เราเอาตัวรอดได้เพื่อให้ไปถึง พิษณุโลก ดูเวลาและความเร็วบีบหัวใจยิ่งนักถ้าผมปกติ ไม่ปวดเข่าและไม่เพลียจากการอ้วกที่เมื่อกี้ผมสมารถยิงไปได้สบายๆแต่นั้นไม่ใช่ ตอนนี้เราไปได้เท่านี้20kmก็ไปมันเท่านี้ และดูถนนให้ดี ดูลมให้ดี ไหลได้เติม ลมมาก้ม ใช้ทุกเทคนิคที่เราทำมาเพื่อเพิ่มความเร็วให้ได้ถึง25Km ปั่นต่อไปและตั้งจิตให้ดีดูแผนที่ให้ดีอย่าหลง ผมก็ไปเรื่อยๆเริ่มจะมืดเรายังอยู่คนเดียว มีคนแซงไปเรื่อยๆ และแวะพักทายาไปพักๆ หิวก็แวะทานเพื่อเติมกำลังอย่าให้หมดแรง
จนมาไกลสักพัก ผมก็ดันมาเจอเพื่อนๆอีกรอบเขาก็สงสัยผมมาทันและแซงเขาไปตอนไหน ผมก็บอกไปพี่แวะไหนไหมเขาว่าแวะทานข้าวนั่นละผมเลยทัน55
แต่พวกพี่ก็เริ่มเร่งกันเพื่อไปนอน ผมก็ตามไม่ทันแต่เพื่อนก็ไม่ตามกลุ่มมาปั่นกับผมแหละเพราะพี่ๆเขาแรงขึ้นจนฮีทแล้ว ตอนนี้เรากเหลือกัน2คนไปกันเริ่อยๆ เส้นทางยาวไกลจิงๆอีก10โล เราไปถึงก่อนเวลาปิด2ชั่วโมง นั่นคือความซวยอีกครา เพราะเราจะได้นอนแค่ 1ชั่วโมงครึ่งเราต้องไปต่อที่ วังชิ้น ในระย585KM และเวลาปิดตอน11โมงกับระยะ170โลมันจะทันไหมละ
CP6 วังชิ้น รีบราดน้ำและรีบนอนกว่าจะได้นอนปาไป5ทุ่มเกือบเที่ยงคืน และ ตื่นตี1 ออกตัวตี 2 โอ้ผีดิบอีกแล้วตรู คนอื่นๆนอนกันอิ่มสบาย บางคนตื่นตี3ก็ทันเพราะเขาไม่บาดเจ็บแต่ผมคำนวณขาตัวเองและความเร็วมันบอกว่าต้องไปตอนตี2ก็บีบเวลาสุกๆแล้ว ระหว่างทางปั่นไปผมก็เจอนักกั่นปั่นแซงไปคนแล้วคนเล่าเพราะ ไปได้แค่ 22-25สุดๆแล้ว จะได้เจอกลุ่มอื่นก็ตรงจุดพักตามปั๊มเราไปถึงเขาออกไปแล้ว55แต่ผมก็ไปตาอของผม จนสุดท้ายต้องยอมทานยาแก้ปวดจนได้เพราะไม่ไหวแล้ว ไม่ทันแน่ๆ ควักมันออกมาไอเท็มเสริม ยาระงับปวด ไม่อยากทานเพราะรุ่พอทานไปเราจะไม่ปวดและเราจะอัดจนเข่าเราพังโดยไม่รู้ตัว แต่ สถานการณ์นี้จำเป็นแล้ว จะพยายามนวดยาและใช้เกียร์ระวังที่สุด จัดไป ผ่านไป10นาทียาออกฤทธิ์ ไม่ปวดร่างกายฟูลพาวเว่อร์ ใช่มันมาแล้ว ผมเริ่มไต่ความเร็วขึ้นไปจาก25เป็น30ตามรอยขาปกติ แรงไม่หยุดจะทางชัน ทางเนิน เลขค้างที่30ช่วงดันเนินขึ้น ศรีสัชนาลัย เนินยาวๆนักปั่นเริ่มช้าแต่ ผมเริ่มเร็วยิงขึ้นไปแช่30up มันส์มาก แซงคนแล้วคนเล่า แซงเพื่อนๆตกใจกันเอ๊ยมันกลับมาแล้ว รอบขาเกิน90 ยิงไปจนถึงจุด Control point ที่ศรีสัชนาลัยตอน7.30 เวลาเหลือไม่มากตากจุดนี้ไปอีก65โลได้มีเวลาไม่ให้เกิน 11 โมง
ผมนั่งกินเพิ่มพลังและมองดูทางมาแล้วสินะเส้นทางภูเขา ถ้าไปถึงจุดนี้ได้จะได้เวลาเพิ่มและจะได้พักสักหน่อย มองดูเข่ายายังออกฤทธิ์อยู่นวดยาเข้าไป และ กินเข้าไป และลุยต่อ เวลาแค่นี้ถ้าทางราบมันคงง่ายแต่นี่ทางเขามันต้องใส่อย่างเดียวแล้ว ผมเริ่มไปและดูlineเส้นทางประสบการณ์สอนมาเยอะแต่ละช่วงแต่ละเนินต้องไปไง ผมเริ่มปั่นหมอบได้4ครั้งเริ่มจับทางได้บ้างแต่ไม่เชี่ยวเท่าเสือภูเขาแต่ก็พอใส่เกียร์ไล่ได้ ไปพร้อมระหว่างทางผมยังคงรักษาความเร็วได้แบบมันส์สะใจ 30-35มันมาแล้วนี่ละผมละ ส่งยิง ลงไหลขึ้นส่ง เนินแล้วเนินเล่า กวดไล่ทันข้างหน้าที่ไปก่อนแล้ว อย่างสนุกสนาน แต่ มันแฝงด้วยความช้ำที่เข่าซ้ายในอนาคต แน่นอน จนมาทัน CPที่วังชิ้นตอน 10:38เข้าก่อนเวลา จุดหมายต่อไปที่ระยะ 663km ที่แพร่ ปิดตอน17:31 ผ่านไปสักพักเพื่อนๆก็ทยอยมาทุกคนถามทำไมมาใวเข่าหายแล้วเหรอ ผมบอกอัดยาไปนะ เลยมาได้ใว แต่ก็มองเข่าซ้ายและพักสัก10นาทีเดียวไปต่อ
CP7 แพร่ เริ่มลุยต่อจุดหมายคือแพร่ เวลาเริ่มขยายออกต้องไปให้ทันก่อน 17:31 กับระยะทางอีกประมาณ120km เพื่อนขอไปก่อนเพราะบอกว่าเริ่มปวดขา เอ้าแล้วเพื่อนAผมมีอาการที่เอ็นร้อยหวาย ผมตามออกไปแต่ไปแวะทานข้าวให้อิ่มท้องก่อน พอไปได้สักพักเริ่มบ่น นี่มันภาคเหนือหรือภาคอีสานวะร้อน แดดแรงโคตร แรงมากๆ เริ่มล้าหมดแรง แวะหาร้านน้ำ ผมเอาน้ำแข็งเป็นก้อนๆยัดใส่หลังเสื่อเลย เอาผ้าบัฟแช่น้ำเย็นห่มหัวเพื่อไปต่อ ร้อนขนาดไหนรู้กัน และไปต่อไล่ไปจนทันเพื่อนเรียกแวะพัก และให้ยาไป1หลอดเอาไปทานะ และผมก็ไปต่อ และแล้ว ยาที่ทานก็หมดฤทธิ์ หนทางก็ยังเป็นเนินเขาสลับกันไป และก็ต้องมาลดความเร็วลงอีกครั้ง อาการปวดกลับมา แต่ไม่อยากทานยา นวดเอาแทนละกัน เริ่มประคองไปเรื่อยๆจนหยุดพักขา รอเพื่อนที่เจ็บขาและไปด้วยกันแบบเจ็บๆทั้งคู่555 พิการ2ดีกว่าไปแบบพิการ1 เราพากันไปถึงแพร่จนได้ถึงทันเวลาก่อนปิด15นาที ไปเจอกลุ่มเพื่อนอีกกลุ่ม ถามทำไมมาช้า มาได้ก็บุญแล้วพี่ครับ
และที่ตรงนี้เราได้มีโอกาสได้เขียนลงบนสัญลักษณ์ของAudax เจ้าช้างไคจู ดีใจมากที่มาถึงตรงนี้ได้เกินระยะที่ผมเคยปั่นแล้วสูสุดเคยแค่ 600โล นี่มาได้ถึง663โล แล้วดีใจมากขอเขียนชื่อหน่อยนะ คนอื่นเขาเขียนไปหมดแล้วไม่ค่อยมีที่ให้เราเลย
CP8 น้ำปาด ทานข้าวแล้วออกลุยต่อเริ่มมืดและความหนาวเย็นเริ่มมาอีกครา ผมตัดสินใจกินยาอีกครั้งเพราะเส้นทางที่ตะไปคือ น้ำปาด เราต่องผ่านหุบเขาที่ชื่อ เขาพลึง และ เขาน้อยๆอีก2เขา เพื่อขึ้นไปจุดพัก จากจุดแพร่ ไป น้ำปาด ระยะทางอีก 120โลมันไกลมากๆและต้องไปให้ทันก่อน ตี4:17นาที เราช้าอีกครั้งและไปกันเรื่อยๆเพื่อนผมเริ่มเจ็บขา เข่าผมก็เจ็บแต่ทานยาแล้วเริ่มดีขึ้น เรานัดกันนอนสัก15นาทีแถวริมถนน และไปต่อ จากจุดนี้ผมเริ่มยิงยาวขึ้นไปอีกครั้งเมื่อยาออกฤทธิ์