ประสบการณ์หลังการขายจากศูนย์ MG ของผม เพื่อลูกค้าปัจจุบันและอนาคต

(ผมใช้แอคเค้าของแฟนผมครับ)

สิ่งที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ ผมพยายามทำให้มันยุติธรรมที่สุดกับทั้งสองฝ่าย โดยไม่เข้าข้างผมฝ่ายเดี่ยว ซึ่งถ้าหากผมมีเล่าอะไรผิดไป ผมเชื่อว่าทาง call center นั้น ได้อัดเสียงการคุยระหว่างผมกับ call center อยู่แล้ว

เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2559 ผมได้เข้าไปใช้บริการที่ศูนย์ขายรถ MG พิษณุโลก ที่มีการเช็คสภาพตัวรถยนต์ฟรี 20 อย่างที่ทางบริษัท MG จัดตั้งขึ้น ผมเลยคิดว่าเอารถของผมไปตรวจสภาพดูกับที่ศูนย์ หลังจากที่ช่างตรวจสภาพเสร็จเรียบร้อย พนักงานได้มาแจ้งผมว่าแบตเตอรี่ของผมเริ่มมีอาการเสื่อมสภาพและควรจะเปลี่ยนก่อนที่จะเดินทาง ตอนแรกที่ผมได้ยิน ผมก็ยังแปลกใจนิดๆ เพราะว่าผมเพิ่งจะได้ซื้อรถคันนี้เมื่อต้นปีเดือนกุมภาพันธ์นี่เอง นั่นหมายความว่าผมพึ่งได้ใช้รถคันนี้มา 10 เดือนเอง แต่สภาพแบตเตอรี่ของผมมันเสื่อมได้อย่างไร

ตอนแรก ทางศูนย์ (manager ของด้านบริการ) แนะนำให้ผมเปลี่ยนตัวแบตเตอรี่ใหม่ ราคาอยู่ที่ประมาณ 3,400 กว่าบาท+ค่าแรง หรือ ให้ผมหาซื้อแบตเตอรี่จากข้างนอก แล้วนำมาเปลี่ยนที่ศูนย์ได้ แต่ผมคิดว่าราคาก็คงไม่แตกต่างกันมากมาย
ทางศูนย์ MG บอกเพิ่มมาว่า ทางศูนย์จะรับประกันให้ ถ้ายังอยู่ในระยะ 1 ปี หรือ ใช้รถไม่เกิน 20,000 กิโล หรือ ถ้าอันใดอันหนึ่งเกินกำหนด เขาจะไม่รับประกันให้  ซึ่งกิโลที่ผมมีอยู่ในตอนนั้น คือ 21,050 กิโล ช่วงไม่นานมานี้ ผมได้เข้ามาที่ศูนย์ MG ก่อนหนึ่งครั้ง เพื่อมาถ่ายน้ำมันเครื่อง เพราะมันครบ 20000 กิโล ในตอนนั้นตัวกิโลเกินมา ประมาณหลักร้อย ทางศูนย์ก็ไม่ได้แจ้งอะไรให้ผมทราบเกี่ยวกับตัวแบตเตอรี่ เพราะเขาบอกว่าตอนนั้นแบตเตอรี่ยังดีอยู่ พอถัดมาไม่กี่สัปดาห์ กลายเป็นว่าแบตเตอรี่ผมเสื่อมโดยทันที

หลังจากที่ผมได้คุยกับผู้จัดการด้านเซอร์วิส ผมได้โทรไปปรึกษากับช่างที่อู่ซ่อมรถ เป็นพี่ที่ผมรู้จัก แล้วถามเรื่องแบตเตอรี่เสื่อม ทางอู่แนะนำผมว่า มันน่าจะผิดปกติที่สภาพแบตเตอรี่เสื่อมเร็วขนาดนี้ ซึ่งมันไม่ควรเกิดขึ้นกับรถมือหนึ่ง จากศูนย์โดยตรง และเขายังบอกมาอีกว่า โดยปกติแบตเตอรี่จะใช้งานได้ประมาณ 2 ปี และถ้าการใช้งานของมันไม่ดีภายใน 1 ปี เราจะสามารถเคลมหรือเปลี่ยนได้

ผมก็เลยเข้าไปถามกับศูนย์ใหม่ ทางศูนย์ก็ยืนยันว่า เขาทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากว่าเขามีเงื่อนไขเขียนอยู่ในสมุดและให้ผมติดต่อกับทางศูนย์แม่ที่ call center ของบริษัท MG โดยตรง เพราะรถผมมันเลยกำหนด 2 หมื่นกิโลมาแล้ว แต่ยังไม่ถึง 1 ปี และผมก็ได้โทรไปอธิบายกับ call center ให้เข้าใจกับสถานการณ์ของผม และเช่นกันทางบริษัทแม่ ก็ปฏิเสธที่จะให้บริการแก้ไขปัญหาของผม

จากทั้งสองฝ่าย ศูนย์การขายที่พิษณุโลก และ ทาง call center ต่างยืนยันปฏิเสธในการช่วยแก้ไขปัญหาสภาพแบตเตอรี่เสื่อมของผมได้ - ทางศูนย์การขายพิษณุโลก ยืนยันปฏิเสธที่จะแก้ไขปัญหา เพราะตัวประกันมีการเขียนอยู่ในสมุดตามเงื่อนไข ส่วนทางศูนย์ call center ยืนยันปฏิเสธที่จะแก้ไขปัญหาของผมเช่นกัน แต่กล่าวขอโทษในความไม่สะดวกและจะรับเรื่องนี้ส่งต่อไปให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อไปพัฒนาและปรับปรุงในอนาคต - (ผมได้ยินคำตอบแบบนี้ 3 ครั้ง ตอนที่ผมโทรคุยกับ call center หลังจากที่อธิบายปัญหาและตำหนิในการบริการลูกค้าหลังการขาย)

ทางบริษัทปฏิเสธที่จะแก้ไขปัญหาของผม โดยให้เหตุผลว่า
1. ถึงแม่ว่าระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี แต่เลขกิโลในตัวรถก็ยังเกิน 20000 กิโล
2. สภาพแบตเตอรี่เสื่อมของผมนั้น อาจจะเป็นเพราะว่าการใช้งานของผมก็ได้ เช่น ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์ในรถยนต์ หรือ ผมขับรถในระยะทางที่สั้นเกินไปในแต่ละวัน แบตเตอรี่มันเลยไม่ได้มีโอกาสชาร์จตัวมันเองได้เต็มที่ (โดยปกติ ผมใช้เวลาเดินทางไปที่ทำงานประมาณ 20 นาที บวกกับเดินทางกลับบ้านมาอีกประมาณ 20 นาที และตอนพักกลางวันบางครั้ง ผมใช้รถออกไปหาอะไรทานช่วงพักกลางวัน ซึ่งผมคิดว่า การใช้รถแบบนี้ น่าจะถือว่าปกติของคนใช้รถทั่วไป และยังไม่ได้เอ่ยถึงการใช้รถนอกเหนือจากเวลาทำงาน และก็ยังมีการเดินทางไปต่างจังหวัดขึ้นเหนือลงใต้ เพิ่มอีกว่า ส่วนตัวผมมีตัว power bank ที่จะชาร์จโทรศัพท์ เลยไม่ค่อยชาร์จโทรศัพท์ในรถยนต์ และก็ไม่มีกล้องวงจรปิดในตัวรถเช่นกัน ผมเก็บตัวรถไว้สภาพเดิม)
ทางศูนย์การขายที่พิษณุโลก และ call center แนะนำผมมาว่า ควรจะซื้อตัวแบตเตอรี่ใหม่
ซึ่งคำถามที่ผมได้ถามหรือออกความคิดเห็นกลับไปกับทางศูนย์การขาย และ call center คือ

1. การรับประกันตัวแบตเตอรี่นั้น จากการที่ผมเข้าใจ ส่วนใหญ่แบตเตอรี่จะรับประกันเป็นระยะเวลา ไม่ใช่เป็นระยะทางตามกิโล (อันนี้อาจจะเป็นตามเงื่อนไขของ MG เองก็ได้) – ผมเคยใช้แบตเตอรี่มือหนึ่งและมือสองมาก่อน ผมก็ไม่เคยพบกับปัญหาที่แบตเตอรี่จะเสื่อมได้เร็วขนาดนี้ และไม่มีการรับประกันตามระยะทางการใช้

2. หากผมซื้อแบตเตอรี่ตัวใหม่มาจริงๆ ผมจะทราบได้อย่างไรว่า แบตเตอรี่ตัวใหม่นั้นจะไม่มีปัญหาเหมือนกับตัวปัจจุบันนี้ ทั้งๆ ที่ตัวแบตเตอรี่ที่ผมมีอยู่ ก็ได้รับการติดตั้งจากทางบริษัท MG โดยตรง
2.1 หรือว่าแบตเตอรี่ตัวใหม่จะเสื่อมได้ เพราะขึ้นอยู่กับการใช้งานของผม แล้วทำไมแบตเตอรี่มือสองในรถคันเก่าของผมยังใช้งานได้นานกว่าแบตเตอรี่ตัวปัจจุบัน ทั้งๆ ที่กิจวัตรประจำวันของผมก็เหมือนเดิมตอนที่ผมใช้รถคันเก่า
2.2 หรือผู้บริโภคอย่างผมต้องคาดเดาไว้ว่า จะต้องเตรียมซื้อแบตเตอรี่ใหม่ทุกๆ 1 ปีใช่ไหม กับสภาพของมือหนึ่ง ที่มาจากศูนย์ติดตั้ง นั่นก็ต้องหมายความว่า ลูกค้าที่ขับรถ MG ทุกคน จะต้องเตรียมพร้อมที่จะซื้อลูกแบตเตอรี่ตัวใหม่ทุกปีใช่ไหม
2.3 ผมอยากทราบมากว่า มีใครท่านไหนบ้างที่ต้องซื้อแบตเตอรี่รถยนต์ปีต่อปี แล้วลูกค้าจะเชื่อใจกับอะไหล่มือหนึ่งจากบริษัท MG ได้ไหม แล้วจะรับประกันกับลูกค้าได้อย่างไร ถ้าหากของมือสองยังทำงานได้ดีกว่า

3. ทาง call center ได้บอกผมว่าการติดตั้งแบตเตอรี่ทุกลูกนั้น ได้ผ่านการทดสอบมาอย่างดี ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แบตเตอรี่ของผมก็ต้องมีอะไรผิดไป ใช่หรือไม่
3.1 ถ้าหากว่ารถ MG คันอื่นๆ ไม่พบกับปัญหานี้ แสดงว่าแบตเตอรี่ของผมที่ได้รับติดตั้งไว้ ผิดปกติหรือเสื่อมสภาพแล้ว ใช่หรือไม่

4. ทาง call center ได้บอกผมว่าจะรับข้อมูลนี้ไปปรับปรุงและพัฒนาในอนาคต นั่นอาจจะหมายถึงการแก้ปัญหากับรถคันใหม่หรือลูกค้าคนใหม่ แล้วลูกค้าปัจจุบันอย่างผมที่ยังติดกับปัญหานี้อยู่ จะต้องทำอย่างไร
4.1 การที่บอกว่าจะรับข้อมูลเหล่านี้ไปพัฒนาปรับปรุง นั้นก็ยังไม่ได้แก้ปัญหาให้กับลูกค้าที่พบกับปัญหาปัจจุบันนี้อยู่ ในการเข้าใจของผมด้านการบริการนั้น เราควรจะให้ลูกค้าเข้าใจว่า ปัญหานี้เราจะแก่ไปด้วยกันและควรจะทำให้ลูกค้านั้นพอใจ ไม่ใช่ว่าแสดงออกเหมือนกับว่า มันเป็นแค่ปัญหาของลูกค้าเท่านั้น ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมคิดว่าบริการหลังการขายนั้นควรจะปรับปรุงอีกเยอะ ซึ่งในระดับอย่างบริษัท MG ไม่ควรปล่อยให้ปัญหาเล็กๆ แบบนี้ทำให้เสียชื่อเสียงและความเชื่อใจจากลูกค้า

5. และผมก็ยังเชื่อว่าส่วนหนึ่ง ที่คนหันมาซื้อรถ MG ก็ต้องมาจากการแนะนำจากลูกค้าคนปัจจุบันให้กับลูกค้าคนใหม่ แล้วอย่างงี้ ผมจะไปแนะนำให้คนอื่นได้อย่างไร
5.1 นอกจากที่ผมจะต้องเสียเงินเพิ่มแล้ว (ทุกๆปี) ผมคิดว่า ผมเสียความรู้สึกมากกว่า ที่ผมได้รับการบริการไม่ทั่วถึงแบบนี้จากที่ผมได้เปลี่ยนจากรถญี่ปุ่นมาเป็นรถบริษัทนี้
5.2 ผมคิดว่า ผมนั้นเป็นลูกค้าที่ยุติธรรม ผมไม่มีปัญหาในการซื้อหรือจ่ายตามราคาที่ได้กำหนดไว้ แต่ขอแค่ว่า มันควรเป็นสิ่งที่ยุติธรรมกับทั้งสองฝ่ายเท่านั้นพอ

หลังจากที่ได้คุยกับทางศูนย์การขายที่พิษณุโลก และ call center ประมาณ 2 ชั่วโมง และได้ข้อสรุปตัวเดิมว่า ทางบริษัทยืนยันว่าแก้ปัญหาของผมไม่ได้ ผมจึงตัดสินใจว่า จะยังไม่ซื้อและไม่เปลี่ยนแบตเตอรี่ตัวใหม่กับทางศูนย์อย่างที่ทางช่างของบริษัท MG นั้น แนะนำให้ผมเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่เสื่อมตัวนี้ เพราะผมต้องการจะทดสอบระยะการทำงานที่เหลืออยู่กับตัวแบตเตอรี่ตัวนี้ เพื่อให้ได้ไอเดียว่าแบตเตอรี่ตัวใหม่ที่ผมคงจะต้องซื้อในอนาคตนั้น จะมีอายุอยู่นานได้กี่เดือน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่