บทสรุปของคนที่เกือบเดินไม่ได้ และผ่านฟลูมาราธอนแรกในชีวิตในแบบของผม

ภาค2 ต่อจากภาคแรก http://ppantip.com/topic/35906699
ก่อนวันวิ่ง เดินทางมาถึงที่พักจ.เชียงใหม่เวลาประมาณ 20.30น.  จองห้องพัดลมเนื่องจาก เป็นช่วงหน้าหนาว แต่ก็ไม่ได้เปิดพัดลม หลังจากที่จัดของเสร็จ เตรียมตัวนอน ด้วยความแปลกที่ กว่าจะได้หลับก็เกือบ เที่ยงคืน และตื่น ตี 2 เพื่อเตรียมตัวลงสนาม เสร็จเรียบร้อย ก่อนออกจากที่พัก รองท้องด้วยกล้วยหอม 1 ผล กับ น้ำมะพร้าว ที่ขนมาจากลำปาง ประมาณ ตี 3 อากาศเย็นสบายไม่หนาว เลย ถือโอกาสการวิ่งวอร์มจากที่พัก ไปที่ สถานที่จัดงาน ข่วงประตูท่าแพ ถึงที่ จักงาน ทำการ ฝากของให้เรียบร้อย และออกมา วิ่งรอบ คูน้ำอีกหลายรอบ จน เหงื่อออก  นิดๆๆ พออุ่นๆๆ เวลาเริ่มสตาร์ทแล้ว ผมยังยืนอยุ่ที่เดิม กลางๆค่อยไปทางท้าย คนเยอะมากมาก  ค่อยๆๆซอยขาไปเรื่อยๆๆ จนพ้นจุดสตาร์ทในการวิ่งครั้งนี้ จะพยายามรักษาเพชการวิ่งไว้ไม่เกิน 9 ประมาณวิ่งชมธรรมชาติ แต่เอาเข้าจริงๆ ปาไป 7กว่าๆๆ (ได้ขาแรงมาประกบ แล้วก็จากไป) สักพัก เจอรถตู้วิ่งประกบเส้นทางปล่อยพ่นควันขาว เป็นระยะทางยาว หรือว่า ทางผู้จัด จะสร้างหมอกใว้ต้อนรับให้เข้ากับฤดู แต่กลิ่นน่ะสิที่ไม่ใช่  นักวิ่งโดนรมควันกันไปเยอะเลย พ้นมาได้สักพัก ได้เวลา รถขยะออกทำงาน เจ้าหน้าที่ทำงานกันตามหน้าที่ นักวิ่งก็วิ่งกันตามหน้าที่ กลิ่นขยะก้ทำตามหน้าที่เหมือนกัน วิ่งหนีสิครับท่าน  ช่วงเช้ารถไม่ค่อยเยอะครับ เพราะเราออกกันมาแต่เช้ามืด  ทีมงาน กั้นเส้นทางไว้ให้นักวิ่งตลอดเส้นทาง บางจุดมีป้าย ขอความร่วมมือห้ามจอด ในเส้นทางวิ่ง ก็มีรถจอด งงเหมือนกัน แถว โรงพยาบาลสวนดอก วิ่งไปเรื่อยๆๆ เจอคนรู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง ที่ไม่รุ้จักเยอะกว่าน้ำดื่ม มีทุกๆๆ 2 กม. ครับ ไม่ต้องวิตก มีเดินบ้าง ระหว่างจิบน้ำ เคี้ยวกล้วยตากบ้าง สักพักก็วิ่งต่อจนกระทั่งมาถึง กม.ที่ 28 แรงเริ่มตก เพราะเคยซ้อมมาแค่นั้น  ก็ประคับประคองไปเรื่อยๆๆ แอบตาม เพชเชอร์ 5.30 ชม.ไว้อย่างเงียบๆๆ เพราะว่า ยังงัยก็ยังมี  เพชเชอร์ 6 ชม.คอยรองรับ อีกอย่าง ทิ้งห่าง กลุ่มดังกล่าว หลายกม.แล้ว เพราะวิ่งสวนกันอยู่ ก็วิ่งบ้างเดินบ้างกินกล้วยบ้างจิบน้ำบ้าง ด้วยความสุขใจในธรรมชาติของดอยสุเทพ ไม่นานมีกลุ่มลูกโป่งสี น้ำเงินมาประกบ เหลือบไปดู กลุ่ม 6 ชม. ตามมาจี้ประชิดตัว โดนแซวอีก (เหมือนนิทาน กระต่ายกับเต่าเลย) ต้องรีบสปีทหนีอย่างเร็ว ระหว่างขากลับนั้น น้ำเริ่มขาดช่วง ไม่ถี่หล่ะ  สเปร์ยพ่นก็ขาด (เริ่มปวดข้อเท้า)เพราะไปขอที่รถพยาบาล แถวคันคลอง รร.เชียงใหม่ภูคำเผื่อว่าจะช่วยได้ แต่ก็หมด น้องที่ประจำที่นั่นเลยให้เกลือแร่สีส้มมากินแทนครับ และยืดเส้นอีกสักหน่อย เอาน้ำที่พอหาได้ราดลงไปพอช่วยได้บ้าง เพชเชอร์กลุ่ม 6 มาอีกหล่ะ เลยวิ่งนำหน้ามาตลอดทาง มีแซว มีบิ้วอารมณ์ มีกระตุ้นพลังงาน ตลอดเส้นทาง เพลิดเพลินดีครับ ลืมบอกไป ขากลับ รถเยอะขึ้นเรื่อยๆๆ ทั้งปาดหน้า จี้ก้น ข้ามไปแดง รอไฟเขียว นักวิ่งแนวหลังอย่างพวกผม เลยต้องเปลี่ยนเป็นนักวิ่งแนวผจญภัยแทน สนุกไปอีกแบบ เหลืออีก 2 กม. สุดท้าย เหล่าเพชเชอร์ 6 บิ้วอารมณ์กันอย่างหนัก ให้กำลังใจกันตลอดทาง ความรู้สึกนั้นคือพลังมีเท่าไหร่ต้องใส่ให้หมดเพื่อให้ถึงก่อน 6 ชม. แต่ว่า 2 กม. สุดท้าย ทำมัย มันช่างทรมานเหลือเกิน  วิ่งใจแทบขาด หายใจทางปาก หน้าต้องยิ้มแย้ม สายตาหาช่างภาพ กองเชียร์ปรบมือส่งเสียงให้กำลังใจ ต้องใช้คำว่าควบ ยิ่งควบเท่าไหร่เพชเชอร์ 6 ชม.ก็ควบตามจนถึงสุดทางกำแพงต้องเลี้ยวขวาเพื่อเข้าเส้นชัย  อีก1 พลังลมหายใจสุดท้ายเฮือกสุดท้าย  เห็นเส้นชัย น้ำตาเริ่มคลอ ในใจอยากตะโกนดังๆๆว่าสำเร็จแล้วโว้ยผม(Kู)ทำได้ จนมารับเหรียญรับเสื้อ ถ้าในขณะนั้นมีใครมาทักหรือแสดงความยินดีใดๆๆก็ตาม มีปล่อยโฮแน่ๆๆ เพราะสิ่งที่กลัวที่สุดคือการไม่ผ่าน(DNF)เรื่องเวลา ไม่ห่วงเพราะตั้งไว้แต่แรกที่ 6 อยู่แล้วแอบมีผิดหวังเล็กน้อย เดินหาน้ำก่อนเลย แล้วไปแช่เท้าที่อ่างน้ำแข็ง สักพักยืดเส้นสาย ไปรับของที่ฝาก แวะถ่ายรูปตามป้ายลืมบอกอีกหล่ะ ช่วงหลังจากที่เอาเท้าแช่น้ำ ก็ไม่ใส่รองเท้าอีกเลย สงสัย รองเท้าหดหรือเท้าขยาย เดินกระเผลกๆๆ กลับโรงแรม (ขามาวิ่งวอร์มเหมือนนักกีฬา ขากลับเหมือนคนขาเป๋) คนมองเต็มเลย เพราะผมไม่เปลี่ยนชุด ห้อยเหรียญเดินกลับอย่างภาคภูมิใจ จนกระทั่งถึงโรงแรม ก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเก็บของ เช็คเอ้าท์ ออกไปกินข้าวเดินเที่ยวห้างต่อโดยนัดกับเพื่อน ที่ ชม. มารับ(ใส่เสื้อผู้พิชิตมาราธอนแรกไปเที่ยวด้วยน่ะ)
จบงานนี้ ผมจบแบบไม่เจ็บมาก แค่มีอาการเจ็บผ่าเท้าเพียงเท่านั้น ตะคริวไม่ได้กินผมเลยคงเป็นเพราะกินกล้วยกับน้ำมะพร้าวไปเยอะ น่าจะช่วยได้ หัวเข่าไม่มีเจ็บปวด ขึ้นลงบันใดสบายมาก เจ็บแต่แผลที่รถแฉลบก่อนวันวิ่ง 3วันเท่านั้น  สุดท้ายขอขอบคุณทุก ๆ ท่านที่มอบกำลังใจที่สร้างแรงพลังอย่างมหาศาลจนผ่านมาราธอนแรกมาได้ในครั้งนี้ ขอโทษที่ไม่ได้เอ่ยนามขอบคุณได้ได้ทุกท่าน ที่เป็น ที่ปรึกษาการเตรียมตัว,ที่ปรึกษาเรื่องอาหาร ,ที่ปรึกษาทางด้านการวิ่ง ,เพจการวิ่งต่างๆๆ,นักวิ่งที่ร่วมชะตากรรมกับผมไม่ว่าจะหน้าใหม่เหมือนกัน หรือนักวิ่งหน้าเก่าที่เคยผ่านหลายสนาม , เพชเชอร์ทุกท่าน ,ผู้จัดงาน , ผู้เกี่ยวข้อง คนใจดีที่ให้อาศัยรถเดินทางไป-กลับฯลฯ และสุดท้ายคือตัวผมที่อดทนมานานหลายเดือนซ้อมวิ่ง ซ้อมเดิน ซ้อมหายใจ ซ้อมหัวใจ เพื่อ 6 ชั่วโมงนี้เท่านั้น ครั้งแรกช่างสวยงามและประทับใจจริงๆๆ ใครที่ยังไม่เคย และกำลังจะเคย ไม่ต้องกลัวครับ เหนือยก็เดิน ผมทำได้ ทุกท่านก็ทำได้ครับ สุ้ๆๆไปด้วยกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่