***เรื่องเล่าความเชื่อส่วนบุคคล***
เรื่องที่ 1 : หนูก็เห็น
เรื่องนี้เกิดขึ้นช่วงต้นปี 59, ฉันนัดกันกับเพื่อนเพื่อไปติวก่อนสอบที่บ้านของเพื่อนคนหนึ่งแถวตลิ่งชันช่วงกลางวัน. เมื่อไปถึงพวกเราก็เริ่มติวกันปกติ ทั้งบ้านตอนนั้นอยู่กันสามคนคือฉันกับเพื่อนอีกสอง พ่อและแม่ออกไปทำงานตั้งแต่เช้า. พอช่วงกลางวันก็ตกลงกันว่าเพื่อนอีกสองคนจะออกไปซื้อข้าวกับขนมส่วนฉันจะอยู่เฝ้าบ้านเพราะถ้าไปด้วยคงต้องซ้อนมอร์เตอร์ไซต์สามคนแถมแดดก็ร้อนเลยสั่งข้าวกับเพื่อนเอาดีกว่า.
ระหว่างที่เพื่อนออกไปซื้อของฉันก็นั่งเล่นที่โต๊ะรอไปพลาง โต๊ะที่พวกเรานั่งนั้นตั้งอยู่ติดกำแพง เป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมมีเก้าอี้ล้อมสามตัว, ฉันนั่งหันหน้าเข้าหากำแพงด้านหนังเป็นบันไดขึ้นชั้นสอง. นะหว่างนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่นั้นฉันก็ได้ยินเสียงก็อกแก๊กที่ด้านหลัง ตอนแรกก็คิดว่าเสียงบันได ไม้คงลั่นเพราะเก่าแต่ความรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีคนจ้องทำให้ต้องหันไปดู
พรึ่บ!
เงาบางอย่างเหมือนรีบหลบในมุมมืด ฉันขนลุกแต่ยังคงมองนิ่งอย่างไม่แน่ใจ ค่อยๆ ย้ายตัวมานั่งเก้าอี้ติดกำแพงให้หันข้างเข้าบันไดแทนและก้มเล่นมือถือต่อ
ก็อก แก๊ก พรึ่บ!
คราวนี้ฉันค่อนข้างแน่ใจว่าที่บันไดมีบางอย่างคล้ายแอบดู หางตาเห็นเงาสีดำผลุบๆ โผล่ๆ เหมือนกลัวฉันเห็นอยู่หลายครั้งกระทั่งเพื่อนกลับมาถึงบ้าน ฉันไม่ได้พูดอะไร. เราติวกันต่อไปกระทั่งพ่อกลับมาถึงบ้านช่วงเลิกงาน และถามไถ่ว่าวันนี้ติวเป็นไงกันบ้าง พ่อเดินหายเข้าไปในครัวสักพักก่อนจะเดินออกมานั่งเล่นที่โซฟาข้างๆ พวกเรา
"พ่อเราเลี้ยงกุมารเฝ้าบ้านเอาไว้เชื่อไหม" เพื่อนเจ้าของบ้านชวนคุย
"เขาชอบอยู่ตรงบันได เมื่อกลางวัน หนูก็เห็น หนิลูก" จู่ๆ พ่อก็พูดขึ้นมาแล้วชี้มาที่ฉันยิ้มๆ "เขาแค่สงสัยว่าใครน่ะ"
ของแบบนี้มันคุมได้ที่ไหนว่าจะเห็นหรือไม่เห็น.......
เรื่องที่ 1 : หนูก็เห็น
เรื่องนี้เกิดขึ้นช่วงต้นปี 59, ฉันนัดกันกับเพื่อนเพื่อไปติวก่อนสอบที่บ้านของเพื่อนคนหนึ่งแถวตลิ่งชันช่วงกลางวัน. เมื่อไปถึงพวกเราก็เริ่มติวกันปกติ ทั้งบ้านตอนนั้นอยู่กันสามคนคือฉันกับเพื่อนอีกสอง พ่อและแม่ออกไปทำงานตั้งแต่เช้า. พอช่วงกลางวันก็ตกลงกันว่าเพื่อนอีกสองคนจะออกไปซื้อข้าวกับขนมส่วนฉันจะอยู่เฝ้าบ้านเพราะถ้าไปด้วยคงต้องซ้อนมอร์เตอร์ไซต์สามคนแถมแดดก็ร้อนเลยสั่งข้าวกับเพื่อนเอาดีกว่า.
ระหว่างที่เพื่อนออกไปซื้อของฉันก็นั่งเล่นที่โต๊ะรอไปพลาง โต๊ะที่พวกเรานั่งนั้นตั้งอยู่ติดกำแพง เป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมมีเก้าอี้ล้อมสามตัว, ฉันนั่งหันหน้าเข้าหากำแพงด้านหนังเป็นบันไดขึ้นชั้นสอง. นะหว่างนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่นั้นฉันก็ได้ยินเสียงก็อกแก๊กที่ด้านหลัง ตอนแรกก็คิดว่าเสียงบันได ไม้คงลั่นเพราะเก่าแต่ความรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีคนจ้องทำให้ต้องหันไปดู
พรึ่บ!
เงาบางอย่างเหมือนรีบหลบในมุมมืด ฉันขนลุกแต่ยังคงมองนิ่งอย่างไม่แน่ใจ ค่อยๆ ย้ายตัวมานั่งเก้าอี้ติดกำแพงให้หันข้างเข้าบันไดแทนและก้มเล่นมือถือต่อ
ก็อก แก๊ก พรึ่บ!
คราวนี้ฉันค่อนข้างแน่ใจว่าที่บันไดมีบางอย่างคล้ายแอบดู หางตาเห็นเงาสีดำผลุบๆ โผล่ๆ เหมือนกลัวฉันเห็นอยู่หลายครั้งกระทั่งเพื่อนกลับมาถึงบ้าน ฉันไม่ได้พูดอะไร. เราติวกันต่อไปกระทั่งพ่อกลับมาถึงบ้านช่วงเลิกงาน และถามไถ่ว่าวันนี้ติวเป็นไงกันบ้าง พ่อเดินหายเข้าไปในครัวสักพักก่อนจะเดินออกมานั่งเล่นที่โซฟาข้างๆ พวกเรา
"พ่อเราเลี้ยงกุมารเฝ้าบ้านเอาไว้เชื่อไหม" เพื่อนเจ้าของบ้านชวนคุย
"เขาชอบอยู่ตรงบันได เมื่อกลางวัน หนูก็เห็น หนิลูก" จู่ๆ พ่อก็พูดขึ้นมาแล้วชี้มาที่ฉันยิ้มๆ "เขาแค่สงสัยว่าใครน่ะ"