[CR] Day7 : Tokyo ตะลุยกินย่านชินจูกุ เริ่มด้วยร้านเนื้อย่างเจ้าดัง Rokkasen ปิดด้วยบุฟเฟต์ผลไม้แสนอร่อย Takano Fruit Parlour

แผนการท่องเที่ยวทั้งหมด
Day 1 : สุวรรณภูมิ > โฮจิมินห์ซิตี้ > โตเกียว : http://ppantip.com/topic/35893968/
Day 2 : Ueno  ตะลุย Isomaru Suisan / Sushi Zanmai ร้านอาหารเปิด 24 ชั่วโมง : http://ppantip.com/topic/35893968/comment1
Day 3 : Hakodate บุกไปทานอูนิร้าน Uni Murakami เที่ยว Mount Hakodate และ Red Brick Warehouse : http://ppantip.com/topic/35895845
Day 4 : Hakodate สวาปามรอบตลาด ไปแอบดูลิงลงออนเซน ส่องวิวเมืองอีกด้านจาก Goryokaku Tower : http://ppantip.com/topic/35896919
Day 5 : Aomori กิน Nokkedon ที่ตลาดปลา Furukawa และชมหลากหลายผลิตภัณฑ์จากแอปเปิ้ลที่ A Factory : http://ppantip.com/topic/35902012
Day 6 : Sendai บุกตลาดปลา Shiogama ทานอาหารทะเลสดๆ ต่อด้วยชิมลิ้นวัวย่างและถั่วซึนดะ ของขึ้นชื่อของเซ็นได : http://ppantip.com/topic/35908992
Day7 : Tokyo ตะลุยกินย่านชินจูกุ เริ่มด้วยร้านเนื้อย่างเจ้าดัง Rokkasen ปิดด้วยบุฟเฟต์ผลไม้แสนอร่อย Takano Fruit Parlour : http://ppantip.com/topic/35912605/
Day 8 : Tokyo ตระเวนรอบตลาดปลา Tsukiji ชมวิวโตเกียวทาวเวอร์ แวะห้าง Yodobashi akiba ย่าน Akihabara : http://ppantip.com/topic/35922623
Day 9 : ย้อนรอย Isomaru Suisan บุก Asakusa บวกเนื้อย่าง Heijoen ซื้อของฝากที่ตึกม่วง ปิดท้ายด้วย ซูชิหน้าล้น : http://ppantip.com/topic/35936269


วันนี้ ผมมารอขึ้น Shinkansen ตั้งแต่ไก่โห่เช่นเคยครับ


เจอหนูน้อยเป็นเด็กประถมมากับพ่อแม่ น่าจะเตรียมไปงานโรงเรียนครับ แต่งชุดน่ารักมากเลย



ถึงสถานีแล้ว รถมาเราก็เช็คขบวน เวลา คันรถ พร้อมแล้วก็ขึ้นโลดครับ


ผมรีบเอาสัมภารกของผมมาเก็บที่โรงแรมแถว Minami Senju ก่อน ก่อนจะนั่งรถไฟต่อไปที่ ชินจูกุครับ (ช่วงเช้าคนทำงานที่ญี่ปุ่นตามสถานีต่างๆ จะเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น Nippori / Ueno / Shinjuku / Tokyo ดังนั้น เลี่ยงช่วงเช้าได้ก็เลี่ยงนะครับ)




ชินจูกุช่วงสายๆ คนยังคงเยอะเสมอต้นเสมอปลายครับ


ม้าลายซ้อนกันกี่ตัวครับเนี่ย ผมนี่ตาลายเลย 555


ถึงเป้าหมายการรับประทานมื้อสายของเราแล้วครับ อยู่ที่ตึก Sun Flower (บางคนก็เรียก Sun Tower) ชั้น 6 ครับ


หน้าตึกก็มีเมนูโฆษณาให้ดูเลย เอาล่ะ กดลิฟท์ขึ้นไปกันเลยครับกะพ้ม

Information
Name : Rokkasen
Location : Shinjuku, Tokyo
Opening Time : 11.00 - 05.00 (เปิดสิบเอ็ดโมงเช้า ปิดตีห้าของอีกวัน แหม่ น่าจะเปิด 24 ชั่วโมงไปเลยนะ)
สำหรับเมนูมื้อกลางวันจะมีถึงแค่ 16.00 นะครับ
Recommend Dish : Yakiniku Buffet, Lunch Set
Desciption : ร้านเนื้อย่างบนตึก Sun Flower เจ้านี้ เป็นร้านเนื้อชื่อดังที่ ดังทั้งในหมู่คนญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะคนจีนและคนไทย โดยลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาจะมาสั่ง Buffet ที่มีถึง 4 ระดับ

- งานเลี้ยงหิมะ (7,700 เยน) เนื้อในรายการบุฟเฟต์ 13 รายการ (รวมเนื้อหมูและไก่ด้วย) อาหารทะเลหลากชินด (มีปักเป้า ปู หอยเชลล์ด้วยนะ) ผักนานาชนิด ไลน์ข้าวและซุปทุกเมนู รวมทั้งของหวานด้วย
- งานเลี้ยงพระจันทร์ (10,900 เยน)  เหมือนข้างบนแต่จะเพิ่ม เนื้อคารูบิชั้นดี ลิ้นวัวย่างเกลือชั้นดี มาด้วย (ทั้งสองเมนูนี้มีในชุดงานเลี้ยงหิมะแล้ว แต่ไม่ใช่แบบชั้นดี ไม่แน่ใจว่าชั้นดีนี่ต่างกันยังไงเหมือนกันครับ)
- งานเลี้ยงฟูจิ (14,500 เยน) เหมือนงานเลี้ยงหิมะ แต่จะเพิ่ม เนื้อคารูบิพิเศษ เนื้อสันนอกพิเศษ ลิ้นวัวดำคัดสรรพิเศษ เข้ามา (Epic ไปอี๊ก 555+)
- งานเลี้ยงมัตสึซากะ (27,500 เยน) ราคาชวนใจหายมาก 9,000 บาท ทานเนื้อชั้นดีและจานพิเศษได้ทุกเมนู แต่จะเพิ่ม เนื้อสันนอกมัตสึซากะ เนื้อคารูบิมัตสึซากะ เนื้อสันในมัตสึซากะ ลิ้นวัวดำคัดพิเศษย่างเกลือ มาด้วย (Legendary เลยละกัน ชุดนี้)
นางพญาเม่า

แต่ใครงบน้อยแบบผมก็มีเมนูชุดอาหารกลางวันให้เหมือนกันครับ ราคาพอรับได้ อิ่มแบบพอประมาณเนอะ
เม่าตกอับ


ผมขึ้นมาถึง 10.45 น. แต่ร้านเปิด 11.00 น. ขึ้นมาก็เจอคิวรออยู่ก่อน 2 คิวครับ 1 ในนี้เป็นคนไทยซะด้วย ร้านนี้สามารถจองล่วงหน้าได้นะครับ อาจจะให้โรงแรมที่คุณพักช่วยโทรมาจองหรือโทรจองเองก็ได้ครับ จากที่สังเกตพนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ค่อนข้างดีเลยครับ



ร้านนี้คนไทยมาทานเยอะจนต้องมีเมนูภาษาไทยเลยนะครับ

ทันทีที่เข็มนาฬิกาชี้ 11 โมงปุ๊ป พนักงานก็เดินมาเชิญลูกค้าที่จองไว้เข้าไปก่อนเลยครับ ต่อมาก็ถึงคิวคนที่ไม่ได้จอง หลังจาก 11 โมงไม่นาน ลูกค้าจากไหนไม่ทราบ ทยอยโผล่มาเต็มร้านเลย ทั้งคนจีน คนญี่ปุ่น คนไทย ดีนะที่ผมมาเร็ว


ผมนั่งโต๊ะแบบสองที่นั่งในห้องแยกครับ

ส่วนคนที่มากลุ่มใหญ่ๆ จะอยู่ด้านนอก มีวิวจากหน้าต่างให้ชมด้วย




เมนูยอดฮิตของคนที่มาทานคือบุฟเฟต์ราคา 7,700 เยนต่อคนครับ (มีเนื้อหลายแบบมาก แถมมีหอยเชลล์ กุ้ง ปู ด้วย ดูตามเนูภาษาไทยตอนต้นๆ เลยครับ นอกจากนี้สำหรับผู้อยากลองเนื้อมัตสึซากะที่ลือชื่อที่สุดแบบบุฟเฟต์ สามารถสั่งเซ็ต 27,500 ได้ด้วยครับ ตกคนละ 9,000 บาท โหดมากกก) แต่เนื่องจากผมแค่อยากลองทาน ไม่ได้อยากจัดหนักตั้งแต่เที่ยงวัน แล้วกระเป๋าแห้งไปยันเย็น (ข้ออ้างของคนกลัวเงินหมดครับ 555+) เพราะฉะนั้นผมจะสั่งแบบ Lunch Set ของเค้าครับเป็นชุด Hana-no-en ซึ่งประกอบไปด้วย เนื้อสันนอกชิ้นโต ลิ้นวัวสองชิ้น และเนื้อซี่โครง (คารูบิ) สามชิ้น พร้อมด้วยจานเสริมให้เลือกอีกจาน ตอนแรกผมจะสั่งข้าวสวยกับซุป แต่ก็แอบอยากลองข้าวต้มปู สุดท้ายเลยสั่งข้าวต้มปูมาครับ


แท่นดำๆ เหมือนเมาส์นั่นมีไว้เพื่อกดเรียกพนักงานครับ ไม่ต้องตะโกนเรียก


ผักมาเสิร์ฟก่อนเลยครับ ผมนี่น้ำตาจะไหลเพราะไม่ชอบทานผัก ในถาดนี้ทานได้แต่ส้มเช้งครับ T w T ในส่วนของน้ำจิ้มนั้นมีน้ำมะนาวสดกับน้ำจิ้มแบบเทริยากิครับ


มีมุมสำหรับแขวนเสื้อหนาวด้วยครับ จะได้ไม่เกะกะหรือเหม็นควันปิ้ง


มาแล้วครับ


เนื้อสีสวยน่ากินมากๆ ครับ สมราคา 3,450 เยนจริงๆ


นี่คือข้าวต้มปูครับ น้ำข้าวต้มรสชาติเค็มไปหน่อย แต่ก็ยังสัมผัสกลิ่นหอมของปู และเนื้อปูได้ แม้จะไม่ได้มาเป็นก้อน มาเป็นเส้นๆ แต่ก็ไม่น้อยครับ แถมมีไข่ข้นๆ อร่อยดีครับ


เนื้อสันนอกกกกก


ลิ้นวัวหมักเกลือ


เนื้อซี่โครง คารูบิ


ข้างโต๊ะมีที่ปรับความแรงไฟของเตาครับ ถ้าไม่มั่นใจ เรียกพนักงานได้นะครับ พนักงานที่นี่บริการดีมากๆ



เริ่มจากคารูบิก่อน นิ่มมากๆ ครับ แม้จะไม่ถึงขั้นละลายในปาก แต่ความนุ่มนี่ แค่กัดเบาๆ น้ำเนื้อก็ทะลักออกมาแบบ อื้มมมมม ดีต่อใจครับ ...


เห็ดออรินจิ หรือ เห็ดนางรมหลวงก็มา 5555 ปิ้งให้สุกพอดีๆ อร่อยเหมือนของบ้านเราแหละครับ อันนี้ไม่ต่างกันเท่าไหร่


ในส่วนของถ้วยๆ พวกนี้ มีไว้สำหรับปรุงน้ำจิ้ม พนักงานบอกมีแบบหวานกับเผ็ด ซึ่งจากที่ผมลองใส่แบบเผ็ด ด้วยเกณฑ์มาตรวัดความเผ็ดของคนไทยปกติแล้ว เรียกได้ว่า "ไร้ความเผ็ด" ครับ พริกเผาบ้านเราเผ็ดกว่ามาก -*- ผมว่ามันคล้ายๆ พริกเกาหลีนะ แต่ก็เพิ่มรสชาติได้ดีครับ




ในส่วนของลิ้น คนชอบบอกว่ามันแข็ง แต่ผมว่ามันอยู่ที่การย่างครับ ถ้าย่างให้มันสุกพอดีๆ ไม่สุกเกินไป เราจะได้ Texture แบบ นุ่มๆ กรึบๆ กรอบๆ ชุ่มน้ำเนื้อ เคี้ยวมันมากๆ เลย สำหรับผม แค่ประมาณในภาพก็โอเคแล้วครับ สวาปามได้


ผมทยอยย่างสันนอกล่ะน้า



แบบชิ้นโต โต อิอิ


อะเหื้อออ (ใครไม่ชอบเนื้อดิบอาจจะสยองได้ อุอุ)


หลังจากทานจานเนื้อเสร็จซักพัก พนักงานจะเอาเมนูมาให้เราดูว่าเราจะเอา Soft Drink อะไรปิดท้ายดี เป็นของแถมสำหรับเซ็ตมื้อกลางวันครับ ผมเลือกน้ำผักครับ ชดเชยวิตามินที่แทบไม่ได้เข้าไปในร่างกายเลยบ้าง


น้ำผักหอมหวานกำลังดี มีกลิ่นผักอ่อนๆ ไม่แรงมาก แบบนี้ผมทานได้สบายครับ เสิร์ฟมาพร้อมไอศกรีมโมจิราดสตรอเบอร์รี่แยม พร้อมแท่งช็อกโกแลตผสมข้าวพอง ไอศกรีมโมจิอร่อยมากกกกกก ไส้ข้างในเป็นไอศกรีมวานิลลาครับ หอมสุโก้ย เข้ากับแยมมากๆ ช็อกโกแลตข้าวพองก็รสตัดกันดีครับ ดีงามมากๆ


ผมรู้สึกว่าตัวแป้งโมจิเองก็มีกลิ่นหอมสตรอเบอรี่อ่อนๆ ที่ไม่ได้มาจากแยมแน่ๆ เป็นขนมที่พิถีพิถันในระดับนึงเลยครับ อร่อยอะ


ค่าเสียหายอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ครับ อิ่มกำลังพอดีด้วย ไม่จุกเกินไป จะได้มีแรงช็อปของฝากวันนี้ ภารกิจวันนี้ของผมนอกจากกินก็มีของฝากนิดๆ หน่อยๆ ครับ
ชื่อสินค้า:   Shinjuku
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่