ซากศพในหุบเหว
“กรี๊ด!!!”
เสียงร้องสยดสยองของสตรีดังขึ้นเมื่อกรงเล็บสีเงินคมกริบเสียบเข้ากลางคอหอยยักษ์เขี้ยวโง้งตนหนึ่ง
“อั๊ก!!!”
ยักษ์ตนนั้นร้องโหยหวน โลหิตสีเข้มพุ่งทะลักออกจากปากคอพร้อมฟองอากาศดังฟอด กลางพื้นสีขาวร่างมโหฬารของมันทรุดลงช้าๆ
เลือด...ไหลย้อมหิมะแดงฉาน
“ศิลา!!!”
เสียงเอะอะหลายเสียงดังขึ้นพร้อมกัน แต่จากการโรมรันพันตูจึงไม่มีผู้ใดสามารถแยกตัวมาดูสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นได้
บ่ายแก่ แม้ความหนาวเหน็บเสียดกระดูกเริ่มโรยตัว แต่การต่อสู้ระหว่างครุฑกับยักษ์ยังคงดำเนินต่อไป เสียงคมอาวุธประหัตประหารช่างน่าหวาดกลัวชวนขนลุก ทั่วท้องฟ้าปั่นป่วนด้วยแรงลมจากปีกครุฑ ลมที่ว่าพัดเอาเกล็ดหิมะลอยฟุ้งขึ้นสู่แสงแดด เปลี่ยนยอดซึ่งเคยงดงามแห่งนี้ให้กลายเป็นสนามรบสีเพลิง
เผ่าพันธุ์พระสุบรรณแม้จะเล็กกว่ายักษ์แต่ก็ไวกว่าเช่นกัน ด้วยมีจำนวนมากจึงบินฉวัดเฉวียนรุมล้อมใช้กรงเล็บและอาวุธข่วนฟันเข้าตามร่างยักษ์ เลือดไหลย้อยราดพื้นหิมะจนแดงคล้ำส่งกลิ่นเหม็นคาวน่าสะอิดสะเอียน
หากอสุราเกิดมามีหนังเหนียวเป็นเกราะ แม้คมอาวุธไม่สามารถสร้างแผลลึกให้สาหัสได้แต่ยักษ์นามศิลาถูกแทงเข้ากลางลำคอตรงๆ จึงเจ็บหนักกว่าผู้อื่น เสียงกรีดร้องของหญิงสาวเมื่อครู่คงเกิดจากความกลัวที่เห็นยักษ์ตนนี้ถูกทำร้ายจนล้มลง
“นี่นังแพศยากากีนั่นใช้มนต์กำบังกายได้แต่เมื่อใดกัน!” พญาครุฑขนเงินเลื่อมทองที่ทำร้ายศิลาตวาดกร้าว “ผู้ใดจับตัวนังนี่ได้ก่อน ข้าจะตบรางวัลให้อย่างงาม!” ว่าแล้วทิ้งการต่อสู้ชุลมุนเบื้องล่างลอยตัวขึ้นสูง ใช้สายตาสอดส่ายมองหาเจ้าของเสียงร้อง
“พระโอรสกัณฐ์กีรติ นางอยู่ตรงนั้น!” ครุฑหวังรางวัลตนหนึ่งปาหิมะก้อนใหญ่เข้าใส่ร่างบางซึ่งกำลังวิ่งฝ่าพื้นสีขาวเข้าไปดูอาการผู้บาดเจ็บ นางทิ้งรอยเท้าไว้เป็นทางง่ายแก่การพบเห็น
ทันทีที่ร่างซึ่งเคยล่องหนปรากฏขึ้นเพราะถูกหิมะเกาะติด ครุฑผู้หานางพบก็รีบโฉบลงมา แต่ร่างเปื้อนหิมะไม่วายพยายามกระโจนหลบไปด้านข้าง ไม่ง่ายอย่างที่คิด นางเคลื่อนไหวช้ากว่าผู้มาจากเบื้องบนมากนัก กรงเล็บเก็บคมได้ก็คว้าไหล่สองข้างของนางยกขึ้นฟ้า
“ว้าย!” หญิงสาวร้องสุดเสียง
ยังไม่ทันบินได้สูงนักก็มีศรดอกหนึ่งพุ่งมาปักกลางอกครุฑตนนี้
“อ๊าก!!!” มันร้องลั่น ตกสู่พื้นดิ้นทุรนทุราย ปล่อยเหยื่อร่วงลงพร้อมกัน
“อย่าอยู่ตรงนี้! รีบหนีไปซ่อนที่อื่นเร็ว! เร็วเข้า!” ยักษ์ร่างผอมผู้ยิงศรรีบตะโกนสั่งนางด้วยน้ำเสียงร้อนรน ร่างโปร่งใสจึงรีบลุกขึ้นมองซ้ายแลขวา หากยังไม่ทันทำสิ่งใดครุฑนามกัณฐ์กีรติบินร่อนลงมาขวางหน้าเสียก่อน
“จะหนีไปไหน นังหญิงแพศยา!”
หญิงถูกเรียกว่าแพศยาปาดหิมะออกจากใบหน้า ก้าวถอยหลังกำมือแน่นด้วยไม่รู้จะหนีไปไหน
“ให้ไปเป็นเมียครุฑอย่างกูไม่ชอบ กลับอยากไปเป็นเมียไอ้ยักษ์สันดานหยาบพวกนั้น” เสียงหยามเหยียดดังก้อง “กูจะเอากลับไปขังไว้บนยอดต้นงิ้ว เสพสังวาสกับสักเจ็ดวันเจ็ดคืน ถ้าไม่ตาย กูจะเขี่ยทิ้งลงไปให้เด็กล้างตีนกู ดูซิว่าจะมียักษ์หน้าโง่ตนไหนยังอยากเอาทำเมียอยู่อีก!”
ฝ่ายถูกกล่าวหาโกรธจนตัวสั่น ทนฟังคำผรุสวาทจากปากพญาครุฑตนนั้นไม่ได้ นางกัดฟันบริภาษกลับไป
“โสโครก! ตัวเองคิดเลวทำเลวจึงคิดว่าผู้อื่นก็เลวด้วยอย่างนั้นรึ อย่างเจ้า...หากไม่ใช้อำนาจขืนใจเอาผู้อื่นมาจะมีใครยอมเป็นคู่เพราะความรักบ้าง...หึ ไม่เคยมีกระมัง” เสียงหัวเราะเยาะของนางดังก้อง
ดังถ้อยคำนี้จุดเพลิงพิโรธวาววับขึ้นในดวงตาครุฑกัณฐ์กีรติพุ่งเข้ามาทำร้ายนางทันที หากยักษ์ตนเดิมแผลงศรเข้าขวาง ครุฑตนนี้เห็นดังนั้นจึงรีบเอียงกายหลบ แม้ศรไม่ปักเป้าหมายสำคัญแต่ปักเข้าใต้ปลายปีกข้างหนึ่ง
เหมือนน้ำมันราดรดกองไฟโหมเพลิงแค้นลุกโชติกว่าเดิม แม้ศรดอกนั้นถูกหักออกแล้วหากยังทิ้งร่องรอยไหม้แสบร้อนไว้บนปีก เชื้อสายพระสุบรรณพิจารณาผู้แผลงศรสักครู่ก็ดั่งนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ ชักดาบออกจากฝัก บินเข้าหายักษ์ร่างเล็กหมายทำร้ายถึงชีวิต
“ซินะ ไอ้ยักษ์จัณฑาลที่นังแพศยากากีนี่มันหนีตามไป ตายเสียเถอะ!” สิ้นเสียงขู่ ครุฑก็ตวัดอาวุธใส่ศีรษะคู่อาฆาต ดาบคมปะทะเข้ากับคันศรอ่อนโค้งแต่เหนียวอย่างเหลือเชื่อ แรงดีดทำให้สองร่างกระเด็นออกจากกันทันที
“หนีไปเร็วเข้า!”
ยักษ์ร่างผอมตะโกนอีกครั้งหลังกระโดดหลบคมดาบออกมายืนได้ แต่จะให้นางหนีไปที่ใดเล่า พอนางวิ่งหลบจากทางนั้นมาทางนี้ ครุฑนับร้อยก็พากันปาหิมะใส่นางแล้วบินเข้าขวางทุกครั้ง
ดาบคลั่งของโอรสครุฑฟาดลงมาไม่หยุดยั้ง การต่อสู้ดำเนินไปสักพักในที่สุดยักษ์ไร้เขี้ยวก็เสียทีถูกฟันเข้าที่ไหล่ขวา เจ็บจนไม่สามารถถืออาวุธไว้ได้อีก
ศรคันงามร่วงลงสู่พื้นหิมะ
“กรี๊ด!” นางผู้เดิมร้องอีกครั้ง สายน้ำตาซึ่งไหลทะลักออกมาอาบใบหน้ากลายเป็นน้ำแข็งแทบจะทันที
กัณฐ์กีรติได้ทีโฉบลงแทงอีกดาบหนึ่งใส่กลางหลังยักษ์ไร้เขี้ยว หัวเราะร่าทั้งคำรามสำทับ “ตาย!”
เลือดสดๆ พุ่งทะลักออกจากรอยแผลดั่งน้ำพุเมื่อดาบถูกถอน หากร่างที่ล้มลงยังสั่นสะท้านทำให้รู้ว่าศัตรูยังไม่สิ้นชีพทันที
ฝ่ายได้เปรียบมีหรือจะยอมปล่อยโอกาส มันเงื้อดาบขึ้นอีกรอบหวังแทงซ้ำให้ตาย แต่ยังไม่ทันจะได้ทำ นางที่กำลังร้องไห้กลับพุ่งเข้ามาผลักแขนซึ่งถืออาวุธไว้โดยไม่กลัวอันตราย ดาบจึงเบนตำแหน่งพลาดไป
ใกล้บริเวณต่อสู้มีเหวลึกอยู่ การเข้าขวางของร่างโปร่งแสงทำให้กัณฐ์กีรติโกรธมาก มันใช้ปีกตบนางทีหนึ่งจนร่างน้อยลอยกระเด็นไปตกใกล้ขอบเหว และจากแรงสั่นสะเทือนของการต่อสู้ หิมะซึ่งทับถมกันอยู่ข้างขอบเหวจึงทยอยพังลงสู่พื้นเบื้องล่างทีละน้อย ค่อยๆ กินที่เข้ามาใกล้ นางน้อยแม้เจ็บจนหายใจไม่ออกแต่ก็ยังดิ้นรนตะเกียกตะกาย ไม่ยอมให้ตนร่วงตกลงไปพร้อมหิมะ
ยักษ์ที่เฝ้าปกป้องหญิงสาวบาดเจ็บสาหัส ดวงตาดูเลื่อนลอยไร้ชีวิต แต่ด้วยความห่วงใยร่างริมเหว มันกัดฟันรวบรวมพลังที่เหลือทั้งหมดวิ่งมาดึงร่างนั้นเหวี่ยงกลับเข้าสู่ด้านใน
หากผลจากแรงเหวี่ยงทำให้ขอบหิมะทรุดตัวถล่มลง ร่างอาบโลหิตสิ้นแรงจึงตกตามหิมะลงไปในเหวลึกทันที
“กรี๊ด!!!”
ผู้ถูกช่วยให้รอดชีวิตกรีดร้องสุดเสียง นางใช้กำลังทั้งหมดวิ่งกลับมายังขอบเหว พุ่งตัวกระโดดตามร่างยักษ์ตนนั้นลงไปโดยไม่ลังเล
“อกิญจน์!!!”
เสียงร้องเรียกชื่อยักษ์ตนนั้นสะท้อนก้องไปมา ก่อนค่อยๆ แผ่วหายไปในหุบเหวมืดมิดเบื้องล่าง
“เจ้า! นางลูกมนุษย์!”
เสียงศตรรฆ ไม่มีใครอีกแล้วเรียกเธอแบบนี้
พลอยฝืนลืมตาขึ้น เห็นตัวเองนอนอยู่ในหลุมหิมะค่อนข้างลึก เธอถามคนที่นั่งข้างด้วยอาการตัวแข็งปากสั่น
“นะ นี่ฉันถูกหิมะ...ถะ ถล่มทับหรือ”
“ใช่” เจ้าหนุ่มผิวสีตอบ “เจ้าตกลงมาจากหลังเจ้าสิงห์ดำจนถูกฝังอยู่ใต้หิมะ ข้ากับมันช่วยกันขุดหาอยู่เป็นนานกว่าจะพบ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บปวดที่ใดหรือไม่”
นักศึกษาพยาบาลดึงสติกลับมาที่ตัว พยายามลุกนั่งขยับแข้งขยับขา ใช้มือที่เย็นจนแทบไร้ความรู้สึกปัดหิมะตามตัวออก นอกจากรู้สึกปวดไปทั่วร่างและหนาวเหน็บเสียจนพูดไม่ออกแล้ว เธอก็ไม่มีอาการบาดเจ็บอะไรอีก “มะ...ไม่เป็นไรมากหรอก...แค่รู้สึกเจ็บ...ปะ ไปหมดทั้งตัวเท่านั้น”
“เจ้าถูกหิมะถล่มทับร่างไม่แหลกเหลวก็ดีเท่าใดแล้ว เป็นเพราะเชือกเกราะแก้วของปู่ช่วยไว้ดอกจึงได้รอดชีวิต” เจ้านาคว่าแล้วลุกขึ้นยืนพร้อมยื่นมือมาให้ฝ่ายที่ยังนั่งอยู่ดึง “นี่เจ้าสิงห์ดำมันยังบอกให้ข้าขอโทษขอโพยเจ้าด้วย มันไม่รู้ว่ากระโดดเพียงเบาๆ เท่านี้เจ้าก็ปลิวตกลงมาได้”
“นี่พ่อแค่กระโดดเบาๆ เองนะ” คนที่เคยถูกฝังอยู่ใต้หิมะค่อยๆ ดึงมือเจ้านาคลุกยืน
หลังจากปีนขึ้นจากหลุมได้ สิ่งแรกที่พลอยทำคือใช้สายตาสำรวจไปรอบๆ แสงแดดยามเที่ยงส่องสะท้อนหิมะสว่างเสียจนแสบตา หญิงสาวอดประหลาดใจตัวเองไม่ได้ เพราะอะไรหนอที่ทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยกับเทือกเขาแห่งนี้มากขึ้น
“ศตรรฆ...ฉันฝันแปลกๆ อีกแล้วตอนที่ถูกฝังอยู่ใต้หิมะ”
“เจ้าฝันอันใด”
“ฝันเห็นยักษ์ต่อสู้กับครุฑ”
“ปรกติข้าไม่ค่อยชอบดอกพวกยักษ์พวกอสูร แต่ก็ขอให้ยักษ์ฆ่าครุฑตายทั้งหมด”
“นายอย่ากวนให้เสียเรื่องได้ไหม จะฟังหรือไม่ฟัง”
พลอยยืมคำปู่มาว่าศตรรฆ เขาจึงยอมหุบปากทำท่าตั้งใจฟังแต่โดยดี แล้วเธอก็เล่าความฝันที่เพิ่งผ่านมาให้เพื่อนฟังแล้วเสนอว่า
“พวกเราย้ายไปหากันตรงโน้นได้ไหม ข้ามสันเขาลูกโน้นไป” หญิงสาวชี้ไปยังยอดเขาสูงแห่งหนึ่งไกลลิบ
“ไปกันเดี๋ยวนี้” ศตรรฆว่าแล้วก็พุ่งร่างนาคราชเลื้อยนำทางโดยไม่รอช้า
กว่าทั้งสามจะข้ามสันเขาได้บ่ายคล้อย หากการเดินทางลงไวกว่าขึ้นมาก พลอยเหลือบเห็นยอดเขาแห่งหนึ่งรูปร่างคุ้นตาจึงรีบชี้บอก กาฬสีหะแสนรู้วิ่งลดเลี้ยวไปตามทิศทางนั้นทันที ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งรู้ว่าใช่ หญิงสาวบนหลังราชสีห์ร้องเสียงดังอย่างอดใจไม่อยู่
“ทางนั้น! อยู่ตรงนั้น!”
“อกิญจน์”
ชื่อของยักษ์ในความฝันยังคงวนเวียนในความรู้สึก คำถามมากมายโผล่ขึ้นมาท่ามกลางความสับสน ทำไมถึงเป็นชื่อที่คุ้นหูและทำให้เธอรู้สึกคิดถึงอย่างบอกไม่ถูกหนอ
“เกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น เขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่านะ” เธอถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา
ขอขอบคุณทุกคะแนนโหวตและทุกท่านที่คลิกเข้ามาอ่าน
ขอบคุณ คุณlara13, คุณสมาชิกหมายเลข 816465, คุณGTW, คุณแอม วิเชียรฉาย, คุณวราภรณ์ pink, คุณแววตา ใสใส, คุณเป่าชาง, คุณลายลิขิต, คุณคาราเมล มัคเคียโต, และคุณอุรุเวลา ที่ร่วมแสดงความรู้สึก
ขอขอบคุณคุณGTW สำหรับความคิดเห็น
และขอแจ้งให้ทราบว่า หากไม่มีข้อผิดพลาด เหรียญจันทร์ขออนุญาตโพสปีกหิมพานต์เพียง 75% ของเรื่องเท่านั้น ขออภัยในความไม่สะดวกด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
ปีกหิมพานต์ตอนก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้1) ลานาง และ สู่หิมพานต์ (ความคิดเห็นที่ 8, 9, 10) http://ppantip.com/topic/35870827
2) อุบาสกสิงขร http://ppantip.com/topic/35891401
FB Page เหรียญจันทร์ https://www.facebook.com/Thewingsofmydreams/
ภาพประกอบ กราฟิก และการ์ตูนต่างๆ เหรียญได้รับอนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของให้สามารถนำมาเผยแพร่ได้เรียบร้อยแล้ว
มีต่อค่ะ
ปีกหิมพานต์...3 ซากศพในหุบเหว
ซากศพในหุบเหว
“กรี๊ด!!!”
เสียงร้องสยดสยองของสตรีดังขึ้นเมื่อกรงเล็บสีเงินคมกริบเสียบเข้ากลางคอหอยยักษ์เขี้ยวโง้งตนหนึ่ง
“อั๊ก!!!”
ยักษ์ตนนั้นร้องโหยหวน โลหิตสีเข้มพุ่งทะลักออกจากปากคอพร้อมฟองอากาศดังฟอด กลางพื้นสีขาวร่างมโหฬารของมันทรุดลงช้าๆ
เลือด...ไหลย้อมหิมะแดงฉาน
“ศิลา!!!”
เสียงเอะอะหลายเสียงดังขึ้นพร้อมกัน แต่จากการโรมรันพันตูจึงไม่มีผู้ใดสามารถแยกตัวมาดูสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นได้
บ่ายแก่ แม้ความหนาวเหน็บเสียดกระดูกเริ่มโรยตัว แต่การต่อสู้ระหว่างครุฑกับยักษ์ยังคงดำเนินต่อไป เสียงคมอาวุธประหัตประหารช่างน่าหวาดกลัวชวนขนลุก ทั่วท้องฟ้าปั่นป่วนด้วยแรงลมจากปีกครุฑ ลมที่ว่าพัดเอาเกล็ดหิมะลอยฟุ้งขึ้นสู่แสงแดด เปลี่ยนยอดซึ่งเคยงดงามแห่งนี้ให้กลายเป็นสนามรบสีเพลิง
เผ่าพันธุ์พระสุบรรณแม้จะเล็กกว่ายักษ์แต่ก็ไวกว่าเช่นกัน ด้วยมีจำนวนมากจึงบินฉวัดเฉวียนรุมล้อมใช้กรงเล็บและอาวุธข่วนฟันเข้าตามร่างยักษ์ เลือดไหลย้อยราดพื้นหิมะจนแดงคล้ำส่งกลิ่นเหม็นคาวน่าสะอิดสะเอียน
หากอสุราเกิดมามีหนังเหนียวเป็นเกราะ แม้คมอาวุธไม่สามารถสร้างแผลลึกให้สาหัสได้แต่ยักษ์นามศิลาถูกแทงเข้ากลางลำคอตรงๆ จึงเจ็บหนักกว่าผู้อื่น เสียงกรีดร้องของหญิงสาวเมื่อครู่คงเกิดจากความกลัวที่เห็นยักษ์ตนนี้ถูกทำร้ายจนล้มลง
“นี่นังแพศยากากีนั่นใช้มนต์กำบังกายได้แต่เมื่อใดกัน!” พญาครุฑขนเงินเลื่อมทองที่ทำร้ายศิลาตวาดกร้าว “ผู้ใดจับตัวนังนี่ได้ก่อน ข้าจะตบรางวัลให้อย่างงาม!” ว่าแล้วทิ้งการต่อสู้ชุลมุนเบื้องล่างลอยตัวขึ้นสูง ใช้สายตาสอดส่ายมองหาเจ้าของเสียงร้อง
“พระโอรสกัณฐ์กีรติ นางอยู่ตรงนั้น!” ครุฑหวังรางวัลตนหนึ่งปาหิมะก้อนใหญ่เข้าใส่ร่างบางซึ่งกำลังวิ่งฝ่าพื้นสีขาวเข้าไปดูอาการผู้บาดเจ็บ นางทิ้งรอยเท้าไว้เป็นทางง่ายแก่การพบเห็น
ทันทีที่ร่างซึ่งเคยล่องหนปรากฏขึ้นเพราะถูกหิมะเกาะติด ครุฑผู้หานางพบก็รีบโฉบลงมา แต่ร่างเปื้อนหิมะไม่วายพยายามกระโจนหลบไปด้านข้าง ไม่ง่ายอย่างที่คิด นางเคลื่อนไหวช้ากว่าผู้มาจากเบื้องบนมากนัก กรงเล็บเก็บคมได้ก็คว้าไหล่สองข้างของนางยกขึ้นฟ้า
“ว้าย!” หญิงสาวร้องสุดเสียง
ยังไม่ทันบินได้สูงนักก็มีศรดอกหนึ่งพุ่งมาปักกลางอกครุฑตนนี้
“อ๊าก!!!” มันร้องลั่น ตกสู่พื้นดิ้นทุรนทุราย ปล่อยเหยื่อร่วงลงพร้อมกัน
“อย่าอยู่ตรงนี้! รีบหนีไปซ่อนที่อื่นเร็ว! เร็วเข้า!” ยักษ์ร่างผอมผู้ยิงศรรีบตะโกนสั่งนางด้วยน้ำเสียงร้อนรน ร่างโปร่งใสจึงรีบลุกขึ้นมองซ้ายแลขวา หากยังไม่ทันทำสิ่งใดครุฑนามกัณฐ์กีรติบินร่อนลงมาขวางหน้าเสียก่อน
“จะหนีไปไหน นังหญิงแพศยา!”
หญิงถูกเรียกว่าแพศยาปาดหิมะออกจากใบหน้า ก้าวถอยหลังกำมือแน่นด้วยไม่รู้จะหนีไปไหน
“ให้ไปเป็นเมียครุฑอย่างกูไม่ชอบ กลับอยากไปเป็นเมียไอ้ยักษ์สันดานหยาบพวกนั้น” เสียงหยามเหยียดดังก้อง “กูจะเอากลับไปขังไว้บนยอดต้นงิ้ว เสพสังวาสกับสักเจ็ดวันเจ็ดคืน ถ้าไม่ตาย กูจะเขี่ยทิ้งลงไปให้เด็กล้างตีนกู ดูซิว่าจะมียักษ์หน้าโง่ตนไหนยังอยากเอาทำเมียอยู่อีก!”
ฝ่ายถูกกล่าวหาโกรธจนตัวสั่น ทนฟังคำผรุสวาทจากปากพญาครุฑตนนั้นไม่ได้ นางกัดฟันบริภาษกลับไป
“โสโครก! ตัวเองคิดเลวทำเลวจึงคิดว่าผู้อื่นก็เลวด้วยอย่างนั้นรึ อย่างเจ้า...หากไม่ใช้อำนาจขืนใจเอาผู้อื่นมาจะมีใครยอมเป็นคู่เพราะความรักบ้าง...หึ ไม่เคยมีกระมัง” เสียงหัวเราะเยาะของนางดังก้อง
ดังถ้อยคำนี้จุดเพลิงพิโรธวาววับขึ้นในดวงตาครุฑกัณฐ์กีรติพุ่งเข้ามาทำร้ายนางทันที หากยักษ์ตนเดิมแผลงศรเข้าขวาง ครุฑตนนี้เห็นดังนั้นจึงรีบเอียงกายหลบ แม้ศรไม่ปักเป้าหมายสำคัญแต่ปักเข้าใต้ปลายปีกข้างหนึ่ง
เหมือนน้ำมันราดรดกองไฟโหมเพลิงแค้นลุกโชติกว่าเดิม แม้ศรดอกนั้นถูกหักออกแล้วหากยังทิ้งร่องรอยไหม้แสบร้อนไว้บนปีก เชื้อสายพระสุบรรณพิจารณาผู้แผลงศรสักครู่ก็ดั่งนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ ชักดาบออกจากฝัก บินเข้าหายักษ์ร่างเล็กหมายทำร้ายถึงชีวิต
“ซินะ ไอ้ยักษ์จัณฑาลที่นังแพศยากากีนี่มันหนีตามไป ตายเสียเถอะ!” สิ้นเสียงขู่ ครุฑก็ตวัดอาวุธใส่ศีรษะคู่อาฆาต ดาบคมปะทะเข้ากับคันศรอ่อนโค้งแต่เหนียวอย่างเหลือเชื่อ แรงดีดทำให้สองร่างกระเด็นออกจากกันทันที
“หนีไปเร็วเข้า!”
ยักษ์ร่างผอมตะโกนอีกครั้งหลังกระโดดหลบคมดาบออกมายืนได้ แต่จะให้นางหนีไปที่ใดเล่า พอนางวิ่งหลบจากทางนั้นมาทางนี้ ครุฑนับร้อยก็พากันปาหิมะใส่นางแล้วบินเข้าขวางทุกครั้ง
ดาบคลั่งของโอรสครุฑฟาดลงมาไม่หยุดยั้ง การต่อสู้ดำเนินไปสักพักในที่สุดยักษ์ไร้เขี้ยวก็เสียทีถูกฟันเข้าที่ไหล่ขวา เจ็บจนไม่สามารถถืออาวุธไว้ได้อีก
ศรคันงามร่วงลงสู่พื้นหิมะ
“กรี๊ด!” นางผู้เดิมร้องอีกครั้ง สายน้ำตาซึ่งไหลทะลักออกมาอาบใบหน้ากลายเป็นน้ำแข็งแทบจะทันที
กัณฐ์กีรติได้ทีโฉบลงแทงอีกดาบหนึ่งใส่กลางหลังยักษ์ไร้เขี้ยว หัวเราะร่าทั้งคำรามสำทับ “ตาย!”
เลือดสดๆ พุ่งทะลักออกจากรอยแผลดั่งน้ำพุเมื่อดาบถูกถอน หากร่างที่ล้มลงยังสั่นสะท้านทำให้รู้ว่าศัตรูยังไม่สิ้นชีพทันที
ฝ่ายได้เปรียบมีหรือจะยอมปล่อยโอกาส มันเงื้อดาบขึ้นอีกรอบหวังแทงซ้ำให้ตาย แต่ยังไม่ทันจะได้ทำ นางที่กำลังร้องไห้กลับพุ่งเข้ามาผลักแขนซึ่งถืออาวุธไว้โดยไม่กลัวอันตราย ดาบจึงเบนตำแหน่งพลาดไป
ใกล้บริเวณต่อสู้มีเหวลึกอยู่ การเข้าขวางของร่างโปร่งแสงทำให้กัณฐ์กีรติโกรธมาก มันใช้ปีกตบนางทีหนึ่งจนร่างน้อยลอยกระเด็นไปตกใกล้ขอบเหว และจากแรงสั่นสะเทือนของการต่อสู้ หิมะซึ่งทับถมกันอยู่ข้างขอบเหวจึงทยอยพังลงสู่พื้นเบื้องล่างทีละน้อย ค่อยๆ กินที่เข้ามาใกล้ นางน้อยแม้เจ็บจนหายใจไม่ออกแต่ก็ยังดิ้นรนตะเกียกตะกาย ไม่ยอมให้ตนร่วงตกลงไปพร้อมหิมะ
ยักษ์ที่เฝ้าปกป้องหญิงสาวบาดเจ็บสาหัส ดวงตาดูเลื่อนลอยไร้ชีวิต แต่ด้วยความห่วงใยร่างริมเหว มันกัดฟันรวบรวมพลังที่เหลือทั้งหมดวิ่งมาดึงร่างนั้นเหวี่ยงกลับเข้าสู่ด้านใน
หากผลจากแรงเหวี่ยงทำให้ขอบหิมะทรุดตัวถล่มลง ร่างอาบโลหิตสิ้นแรงจึงตกตามหิมะลงไปในเหวลึกทันที
“กรี๊ด!!!”
ผู้ถูกช่วยให้รอดชีวิตกรีดร้องสุดเสียง นางใช้กำลังทั้งหมดวิ่งกลับมายังขอบเหว พุ่งตัวกระโดดตามร่างยักษ์ตนนั้นลงไปโดยไม่ลังเล
“อกิญจน์!!!”
เสียงร้องเรียกชื่อยักษ์ตนนั้นสะท้อนก้องไปมา ก่อนค่อยๆ แผ่วหายไปในหุบเหวมืดมิดเบื้องล่าง
“เจ้า! นางลูกมนุษย์!”
เสียงศตรรฆ ไม่มีใครอีกแล้วเรียกเธอแบบนี้
พลอยฝืนลืมตาขึ้น เห็นตัวเองนอนอยู่ในหลุมหิมะค่อนข้างลึก เธอถามคนที่นั่งข้างด้วยอาการตัวแข็งปากสั่น
“นะ นี่ฉันถูกหิมะ...ถะ ถล่มทับหรือ”
“ใช่” เจ้าหนุ่มผิวสีตอบ “เจ้าตกลงมาจากหลังเจ้าสิงห์ดำจนถูกฝังอยู่ใต้หิมะ ข้ากับมันช่วยกันขุดหาอยู่เป็นนานกว่าจะพบ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บปวดที่ใดหรือไม่”
นักศึกษาพยาบาลดึงสติกลับมาที่ตัว พยายามลุกนั่งขยับแข้งขยับขา ใช้มือที่เย็นจนแทบไร้ความรู้สึกปัดหิมะตามตัวออก นอกจากรู้สึกปวดไปทั่วร่างและหนาวเหน็บเสียจนพูดไม่ออกแล้ว เธอก็ไม่มีอาการบาดเจ็บอะไรอีก “มะ...ไม่เป็นไรมากหรอก...แค่รู้สึกเจ็บ...ปะ ไปหมดทั้งตัวเท่านั้น”
“เจ้าถูกหิมะถล่มทับร่างไม่แหลกเหลวก็ดีเท่าใดแล้ว เป็นเพราะเชือกเกราะแก้วของปู่ช่วยไว้ดอกจึงได้รอดชีวิต” เจ้านาคว่าแล้วลุกขึ้นยืนพร้อมยื่นมือมาให้ฝ่ายที่ยังนั่งอยู่ดึง “นี่เจ้าสิงห์ดำมันยังบอกให้ข้าขอโทษขอโพยเจ้าด้วย มันไม่รู้ว่ากระโดดเพียงเบาๆ เท่านี้เจ้าก็ปลิวตกลงมาได้”
“นี่พ่อแค่กระโดดเบาๆ เองนะ” คนที่เคยถูกฝังอยู่ใต้หิมะค่อยๆ ดึงมือเจ้านาคลุกยืน
หลังจากปีนขึ้นจากหลุมได้ สิ่งแรกที่พลอยทำคือใช้สายตาสำรวจไปรอบๆ แสงแดดยามเที่ยงส่องสะท้อนหิมะสว่างเสียจนแสบตา หญิงสาวอดประหลาดใจตัวเองไม่ได้ เพราะอะไรหนอที่ทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยกับเทือกเขาแห่งนี้มากขึ้น
“ศตรรฆ...ฉันฝันแปลกๆ อีกแล้วตอนที่ถูกฝังอยู่ใต้หิมะ”
“เจ้าฝันอันใด”
“ฝันเห็นยักษ์ต่อสู้กับครุฑ”
“ปรกติข้าไม่ค่อยชอบดอกพวกยักษ์พวกอสูร แต่ก็ขอให้ยักษ์ฆ่าครุฑตายทั้งหมด”
“นายอย่ากวนให้เสียเรื่องได้ไหม จะฟังหรือไม่ฟัง”
พลอยยืมคำปู่มาว่าศตรรฆ เขาจึงยอมหุบปากทำท่าตั้งใจฟังแต่โดยดี แล้วเธอก็เล่าความฝันที่เพิ่งผ่านมาให้เพื่อนฟังแล้วเสนอว่า
“พวกเราย้ายไปหากันตรงโน้นได้ไหม ข้ามสันเขาลูกโน้นไป” หญิงสาวชี้ไปยังยอดเขาสูงแห่งหนึ่งไกลลิบ
“ไปกันเดี๋ยวนี้” ศตรรฆว่าแล้วก็พุ่งร่างนาคราชเลื้อยนำทางโดยไม่รอช้า
กว่าทั้งสามจะข้ามสันเขาได้บ่ายคล้อย หากการเดินทางลงไวกว่าขึ้นมาก พลอยเหลือบเห็นยอดเขาแห่งหนึ่งรูปร่างคุ้นตาจึงรีบชี้บอก กาฬสีหะแสนรู้วิ่งลดเลี้ยวไปตามทิศทางนั้นทันที ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งรู้ว่าใช่ หญิงสาวบนหลังราชสีห์ร้องเสียงดังอย่างอดใจไม่อยู่
“ทางนั้น! อยู่ตรงนั้น!”
“อกิญจน์”
ชื่อของยักษ์ในความฝันยังคงวนเวียนในความรู้สึก คำถามมากมายโผล่ขึ้นมาท่ามกลางความสับสน ทำไมถึงเป็นชื่อที่คุ้นหูและทำให้เธอรู้สึกคิดถึงอย่างบอกไม่ถูกหนอ
“เกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น เขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่านะ” เธอถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา
ขอขอบคุณทุกคะแนนโหวตและทุกท่านที่คลิกเข้ามาอ่าน
ขอบคุณ คุณlara13, คุณสมาชิกหมายเลข 816465, คุณGTW, คุณแอม วิเชียรฉาย, คุณวราภรณ์ pink, คุณแววตา ใสใส, คุณเป่าชาง, คุณลายลิขิต, คุณคาราเมล มัคเคียโต, และคุณอุรุเวลา ที่ร่วมแสดงความรู้สึก
ขอขอบคุณคุณGTW สำหรับความคิดเห็น
และขอแจ้งให้ทราบว่า หากไม่มีข้อผิดพลาด เหรียญจันทร์ขออนุญาตโพสปีกหิมพานต์เพียง 75% ของเรื่องเท่านั้น ขออภัยในความไม่สะดวกด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
ปีกหิมพานต์ตอนก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มีต่อค่ะ