[CR] "บ้านวัดจันทร์" อ.กัลยาณิวัฒนา มาเรียนรู้วิถีชีวิตชาวปกาเกอะญอ กันเถอะ



หากต้องการความสงบ สัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติ และบรรยากาศที่ปลอดโปร่ง
"บ้านวัดจันทร์" อำเภอกัลยาณิวัฒนา คือสถานที่ที่สามารถมอบสิ่งเหล่านี้ให้กับคุณได้...
ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้มาเยือนยังสถานที่แห่งนี้ จะต้องกลับไปพร้อมกับความประทับใจ <3
และความรู้สึกที่อยากจะกลับมาอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน ซึ่งเราได้นำภาพความประทับใจ
มาฝากทุกๆคน จะสวยงามแค่ไหน ไปชมกันเลยค่ะ  ^^

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
วันที่ 1
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -



โปรแกรมของเราคือ เดินทางไปยังบ้านวัดจันทร์ เพื่อศึกษาและเรียนรู้วิถีชีวิตของคนในชุมชน (CBT)
รวมถึงสัมผัสกับบรรยากาศที่งดงามตระการตา เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ซึ่งค่าใช้จ่ายที่นี่ถูกมากกกกกกกกกกก !
ย้ำ ก.ไก่อีกหลายๆตัวเลย ถ้าเทียบกับความประทับใจและความใจดีของชาวบ้าน ที่ให้การต้อนรับเราเป็นอย่างดี

การเดินทางมาบ้านวัดจันทร์ สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง คือ
1. เส้นแม่ริม-สะเมิง-บ่อแก้ว-วัดจันทร์ และ
2. เส้นตลาดแม่มาลัย – ปาย
ซึ่งขาไปเราได้เดินทางโดยใช้เส้นทางแรกค่ะ



เส้นสะเมิงโค้งน้อยกว่าเส้นทางปาย หากใครเมารถแนะนำให้ใช้เส้นสะเมิงในการเดินทาง
ระหว่างทางได้แวะจุดชมวิว ซึ่งอากาศดีและสวยงามมาก อดใจไม่ได้ ต้องรีบวิ่งลงไปถ่ายรูปกัน



ใกล้ถึงบ้านวัดจันทร์แล้วววว~

                                
สถานที่แรกที่ได้เห็นหลังจากถึงบ้านวัดจันทร์คือ วิหารวัดจันทร์ จะเห็นได้ว่าหน้าวิหาร
มีลักษณะเหมือนแว่นตาเลย จึงเรียกกันว่า "วิหารแว่นตา"


เจดีย์บรรจุพระธาตุวัดจันทร์


มีโอกาสได้ไปที่ว่าการอำเภอกัลยาณิวัฒนาด้วย



เดินทางไปยังโครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ เดี๋ยวไปชมกันว่าผักจะน่ารับประทานแค่ไหน



ผัดสดมากกก อีกทั้งยังปลอดสารพิษอีกด้วย


ฟักทองญี่ปุ่นลูกใหญ๊ใหญ่



แปปๆก็จะเย็นแล้วค่ะ ไปต่อๆ


สถานที่แห่งนี้เรียกว่า "โขว่โพหลู่" สถูปโบราณเก่าแก่ของบ้านวัดจันทร์ อีกทั้งบริเวณนี้ยังเป็นจุดชมวิว
ที่สามารถมองเห็นรอบๆบ้านวัดจันทร์ได้อย่างสวยงาม พวกเราได้ดูพระอาทิตย์ตกที่บริเวณนี้ด้วย ประทับใจมาก



เหนื่อยจากการเดินทางกันมาทั้งวัน เข้าพักที่โฮมสเตย์กันดีกว่า ที่บ้านวัดจันทร์จะให้ผู้ชายและผู้หญิงแยกกันนอน
โดยแบ่งบ้านออกเป็นของผู้ชายและของผู้หญิงที่นอนพร้อมมุ้งกันยุง สีที่นอนสดใสน่าล้มตัวลงนอนที่สุด


บ้านของเฮา สาวๆจ้า


เจ้าของบ้านย้ายไปนอนโรงครัว แหะๆ


ที่นอนสีสดใส


zZ Z ZZ z คร่อกกกกก



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
วันที่ 2
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

อากาศตอนเช้าค่อนข้างหนาว มีหมอกลงทั่วหมู่บ้าน มองไปทางไหนก็มีแต่หมอก เช้านี้มีการทำบุญตักบาตร
และสวดมนต์เนื่องจากในวันครบรอบสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ซึ่งเราไม่ได้เก็บภาพบรรยายกาศมา (---/\---) ขอโต๊ดน๊าาา น่าเสียดายมากเลย


แต่ก็เอาอาหารเช้ามากฝากละกันเนอะ จากคนไม่กินผัก บอกเลยเอามาอีกจานก็ไม่พอ 55555


โปรแกรมของวันนี้เข้าป่าล่าไอเทม -,- เพื่อมาทำสมุนไพรแช่เท้าและการย้อมผ้า
ตื่นเต้นๆ พร้อมจะลุยเข้าป่าฝ่าดงแล้ววววว


อันนี้คือเพื่อนๆ อาบออนเซน ต้อนรับอยู่หน้าทางเข้า (สบายเชียวนะแก)


มีตะกร้าสะพายหลังสำหรับใส่สมุนไพรที่เก็บมาได้คนละใบ


เด็ดๆ ดมๆ


นี่สมุนไพรต่างๆที่เราเก็บกันได้ค่ะ มีชื่อแปลกๆ อย่างกับชื่อญี่ปุ่นก็มี เช่น ฟูจิสะ เป็นต้น
เหมือนได้เรียนภาษาปาเกอญอกันไปด้วย เดินไปเรียนรู้ไป สนุกดีค่ะ


สมุนไพรที่เราเก็บกันมา ก็เพื่อนำมาต้มเป็นน้ำไว้สำหรับแช่เท้าสำหรับวันนี้ค่ะ


บอกเลยนะจ้ะว่าเราได้ลงมือทำเองเกือบหมดตั้งแต่หาสมุนไพร จุดไฟต้มน้ำ เอาสมุนไพรไปเคี่ยว
เรียกว่าได้เรียนรู้ทุกขั้น ทุกกระบวนการเลยที่เดียว

ได้เวลาแช่เท้าแล้วววว แต่ดูสิไม่มีใครกล้าเอาลงเลย มันร้อนเกิน 555 แต่พอแช่ไปสักพักรู้สึกสบายมาก
อากาศดีๆ แช่เท้าร้อนๆ สบายๆ จะหลับกันเลยทีเดียว แหม ก็มันสบายนิเนอะ แช่ไปสักพักเหงื่อเริ่มออกกันแล้ว
บวกกับน้ำสมุนไพรที่ต้มหมดพอดี เราก็ช่วยกันเคลียส์แล้วก็กลับมาพักผ่อนที่โฮมสเตย์ของเรา



เหม่อมองฟ้า ฮ๊าาาาา วิวหลังบ้านเองจ้า อิอิ


ตกดึกก็ชมวิวดูดาว แต่ด้วยความที่เป็นมือกล้องสมัครเล่น ภาพก็เลยออกมาเป็นเช่นนี้
จริงๆแล้วเราจะเห็นเป็นทางช้างเผือกเลย สวยมากกกกกกกกกก อยากดูต้องมาลองพักกันที่นี่นะ ได้เห็นแน่นอน
สวยจนต้องหยุดคุยกันเลยที่เดียวเชียวล่ะ น่าเสียดาย ถ่ายรูปออกมาไม่สวย แต่ก็ถือว่าได้มองตาเปล่าก็สวยจับใจแล้ว
เฮ้อออออออออ ขอพักผ่อนละกันนะคะ



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
วันที่ 3
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

วันนี้ต้องตื่นเช้าเพื่อไปดูหมอกที่อ่างเก็บน้ำกันค่ะ พี่นิดบอกว่าถ้าตื่นสายไม่เห็นหมอกนะ (ไม่ได้ขู่กันใช่มั้ย TT)
และสิ่งที่เราได้มาเห็น มันคุ้มกับการตื่นเช้าจริงๆ ดูจิๆๆๆ หนาวๆหมอกๆ



มาเวลาประมาณ 6.30 - 7.00 โมง กำลังดีนะคะ ถ้าเช้าไปก็จะมองอะไรไม่เห็นเลย (นอกจากหมอกอย่างในภาพ 555)

มีสาระนิดนึง อ่างเก็บน้ำที่นี่เดิมเป็นที่ของชาวบ้านแถวนี้ค่ะ แต่ว่าปลูกฝายไม่ได้
ก็เลยมีโครงการพระราชดำริให้สร้างเป็นอ่างเก็บน้ำ น้ำที่ชาวบ้านใช้กันก็มาจากอ่างเก็บน้ำนี้แหละค่ะ ^^

หลังจากได้ชื่นชมหมอก และสัมผัสอากาศหนาวกันเต็มอิ่มแล้วก็กลับบ้านพักเพื่อมาอิ่มท้องกันต่อค่ะ
บอกตรงๆว่า ยังคิดถึงอาหารที่นี่อยู่เลย อร่อยทุกมื้อจริงๆ และมื้อสุดท้ายเราได้กิน “ข้าวเบ๊อะ” ด้วยค่ะ
ข้าวเบ๊อะ คล้ายๆโจ๊ก แต่!! แต่!! มันไม่ได้กินกับกับข้าวหนะสิ มันเป็นกับอย่างหนึ่งที่ไว้กินกับข้าวสวย หื้มมมม
รสชาติก็เหมือนโจ๊กที่ปรุงรสด้วยเครื่องเทศหลากหลาย มีกลิ่นสมุนไพรนิดๆ - - แปลกดีค่ะ ต้องมาลองเองนะ อิอิ


ระหว่างรอพี่ๆเตรียมอุปกรณ์ทอผ้า พวกเราก็ขอชะแว๊ปไปหาน้ำอร่อยๆ ดื่มให้สดชื่นกันค่ะ
น่าจะเป็นร้านกาแฟร้านเดียว ที่ดูเด่นแบบนี้ แถวนี้ยังไม่มีร้านชิคๆ คลูๆ อย่างในเมืองมากนัก
เข้าใจว่าคนยังมาเที่ยวกันน้อย แต่ก็เป็นอะไรที่เงียบสงบแบบวิถีชาวบ้านจริงๆ รวมๆแล้วมีเสน่ห์ไปอีกแบบ



ทุกคนเข้ามารุมสั่งน้ำกันคนละแก้ว พี่คนขายทำแทบไม่ทันเลยที่เดียว



กลับมาถึงบ้านพัก ก็ลงมือลุยค่ะ นี่ถือเป็นการเรียนรู้การทอผ้าครั้งแรกในชีวิต
ซึ่งขั้นตอนนั้นไม่ธรรมดาจริงๆค่ะ เริ่มเลยลุยๆ


เริ่มจากสมุนไพรที่เราไปเก็บกันมาเมื่อวาน เราเอามาย้อมสีผ้าได้ค่ะ
ก็ตำๆๆๆ แล้วเอาไปต้มน้ำ ต้มกับฝ้าย ระยะเวลาการต้มก็ประมาณ 2-3 ชั่วโมงได้


ตั้งใจเรียนๆ อิอิ


อันนี้คือ "ขึ้นฝ้าย" ค่ะ ถ้าขึ้นผิดนี่ก็ต้องเริ่มใหม่ค่ะ โอ้ววว ฝึกสมาธิมากๆ


ต่อมาเป็นการ "ม้วนฝ้าย" ม้วนเพลินๆ นี่มีหลับค่ะ ซึ่งชาวบ้านเขาจะเอาไปม้วนกันตอนกลางคืนค่ะ
จะได้ง่วงแล้วนอนหลับเลย 555555 ไม่ใช่อย่างน้านนนน ส่วนใหญ่เขาจะม้วนไปดูทีวีไป


ขั้นตอนสุดท้าย "ทอผ้า" ภาพที่ใครๆก็เคยเห็น ดึงๆ ดันเข้าดันออก บอกเลยว่านอกจากสมาธิต้องได้แล้ว
ความอดทนต้องมา ผ้าชิ้นนึงมีหลายขั้นตอน ใช้เวลาทำกันหลายวัน เข้าใจเลยว่ามันมีคุณค่ามากแค่ไหน



เรียนรู้กันเสร็จ พี่ๆก็ให้ยืมชุด เลยได้ชุดของชาวบ้านใส่มาถ่ายรูปเที่ยวที่สุดท้ายด้วยค่ะ
เป็นศูนย์อนุรักษ์พันธ์ปลามีศาลาเล็กๆ ลงไปให้อาหารปลา ถึงแดดจะเริ่มร้อนแต่พอลงไปนั่งแล้วเย็นสบายมาก


ทรงตัวนิดนึง


ปลาๆๆๆ กินป็อปคอน


นั่งพักผ่อนกันได้สะพัก ก็ถึงเวลาที่ต้องกลับแล้วค่ะ บ้ายบาย บ้านวัดจันทร์






เส้นทางขากลับ แม่มาลัย-ปายโค้งขนาดนี้ ถ่ายเสร็จก็หลับเลยค่ะ  ^^



ปล.
- ขอขอบคุณพี่ๆทุกคนที่ดูแลต้อนรับอย่างดีมากเลยค่ะ ถึงแม้การเดินทางจะไกล ยาวนาน
แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดี และคุ้มค่ามากๆ
- ส่วนเพื่อนๆที่สนใจการท่องเที่ยวโดยชุมชนแบบนี้อาจจะต้องโทรแจ้ง หรือสอบถามทางบ้านวัดจันทร์ก่อนนะคะ
ได้ข้อมูลมาว่าถ้ารับนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งแล้ว ก็จะไม่รับเพิ่ม ต้องเช็ควันดีๆค่ะ ^^
- ค่าที่พักคืนละ 200 , อาหารสามมื้อละ 100 , ค่าฐานมีตั้งแต่ 800/1,000/1,400 (ทอผ้าย้อมผ้า,สมุนไพร,ขนมเมตอ,การแสดง)


วีดีโอรวมตลอดทริปค่ะ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ชื่อสินค้า:   บ้านวัดจันทร์ เชียงใหม่
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่