แชร์ประสบการณ์ในบันทึกของฉัน ตอน คุณครูของหนูเป็นออทิสติก # 1

หลายคนอาจจะมีคำถามมากมายว่า ตัวผมเองหลังจากที่ได้เป็นข้าราชการครูแล้ว ผมเป็นอย่างไรต่อไป ผมองช่วงหลังๆไม่ค่อยมีเวลามาตอบหรือมาเล่าอะไรให้ฟังเลย ความรู้สึกของผมหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องดีและไม่ดี มันอาจจะเป็นเรื่องราวที่ดูยาวสักนิดหน่อย ยังไงก็อยากให้เรียนรู้ไปด้วยกันนะครับ ผมเองตอนนี้ก็ทำงานมาได้ครึ่งปีแล้วกับการเป็นข้าราชการคุณครูสอนนักเรียน

     ในเรื่องราวที่จะเขียนผมอยากจะพูดถึงตัวเอง ความรู้สึกต่างๆมากมายที่เกิดขึ้น ในหลายครั้งช่วงที่รับราชการใหม่ๆ ผมรู้สึกว่า ผมดีใจนะที่ตนเองได้ผ่านเรื่องราวต่างๆมาได้มากมายขนาดนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยสำหรับการเป็นข้าราชการครู หลายคนบอกกับผมว่าการสอบเข้าเป็นข้าราชการนั้นเป็นเรื่องที่ยากและสำหรับออทิสติกอย่างผมก็คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนในสายตาคนอื่น แต่แล้วมันก็ทำได้ ทุกคนคิดว่าการได้เป็นข้าราชการคือจุดสิ้นสุด ไม่มีการพูดต่อไป แต่ผมอยากจะบอกเลยว่า มันเป็นแค่จุดเริ่มต้นของชีวิตวัยทำงานของออทิสติกอย่างผม จากจุดนี้ไปเรื่องราวต่างๆ มันไม่ง่ายเลยสำหรับผม หากใครคิดว่าการสอบได้เป็นข้าราชการเป็นเรื่องยาก ผมว่าการที่จะอยู่รอดในชีวิตข้าราชการเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่านั้น ผมต้องเจอกับอะไรอีกหลายอย่างที่ตัวผมคิดว่ามันยากมากๆ แต่ทำให้ถอดใจ ไม่อยากไปต่อจนผ่านเรื่องราวนั้นไปได้ ทีละเรื่อง และเรื่องใหม่ก็มาอย่างที่ไม่มีที่สิ้นสุด มีเรื่องของภาวะออทิสติกของตนเอง ภาวะบกพร่องที่ซ้อนเข้าไป การเข้าใจสังคม หลักการทำงานร่วม การอยู่ร่วมกับนักเรียน การอยู่ร่วมกับเพื่อนร่วมงาน การใช้ชีวิตต่างๆ การสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต ซึ่งเรื่องเหล่านี้ หลายคนมองว่าเป็นเรื่องง่าย แต่ว่าสำหรับออทิสติกแล้วเป็นเรื่องที่ยากสุดๆ

(งานประดิษฐ์ของผม เครื่องทอผ้าจากไม้ไอติม อิอิ)

     ลองนึกภาพดู เหมือนนักรบแขนขาด 1 คน จะต้องเจอศัตรู 300 คน ยากมากๆ

เรื่อง ภาวะออทิสติกของตนเอง
      จริงๆ เรื่องนี้ผมเองก็เข้าใจมันดีอยู่ว่า ตัวเราเป็นอย่างไร มันมีเรื่องของภาวะอารมณ์ที่แปรปรวนง่ายเกินไป ตอนที่ทำอะไรไม่ได้ดังใจก็จะรู้สึก เครียด หงุดงิด และพูดกับตัวเองว่าจะทำไงดี ผมเองเป็นคนที่ดื้อพอสมควร อยากทำอะไรต้องได้ทำ ซึ่งในโลกของการทำงานนั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่เราอยากทำในสิ่งที่ต้องการและไม่อยากทำในสิ่งที่ต้องการ มันมีคละกันไปที่สำคัญ คือเวลา การทำงานให้ประสบความสำเร็จได้นั้นมันต้องใช้เวลา และตัวเวลาเนี้ยก็ไม่ได้บ่งบอกว่าจะเสร็จเมื่อไรด้วย ขนาดตอนที่รอเวลา หีบ cookie run ovenbreak เป็นเวลาที่แน่นอนยังรู้สึกหงุดงิดมาเลยละ สุดท้ายก็มานั่งโกรธตัวเองว่า ตัวเองทำไมทำไม่ได้ ทำไมร่างกายเราถึงได้งี่เง่าอย่างนี้ นั่นเป็นเรื่องที่ตัวเอง สรุปเอง แต่ก็นะเพราะ เรารู้ตัวเองได้บางเวลา ย้ำว่าบางเวลา เราถึงได้พยายามที่จะผ่านอารมณ์ตัวเองไปให้ได้ หลายคนบอกกับผมว่า ไม่ไปลองนั่งสมาธิ สวดมนต์ดูละ มันไม่ช่วยเลย ผมลองมาทุกวิธีแล้ว ตอนนี้ผจญกับอารมณ์ตนเองนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ยากกว่าตอนทำงานยากเสียอีก

      ผมอยากเล่าให้ฟังว่าตอนที่อารมณ์ตัวเองโกรธ เครียด ตอนนั้นมันรู้สึกแย่มาก มันเหมือนมีใครเอาอะไรไม่รู้มารัดตัวผม ผมรู้สึกอึดอัดใจมากแต่ผมเองก็พยายามหาทางออก การหายใจของผมมันแรงขึ้นมาก ผมรู้สึกทนกับตัวเองไม่ไหวแล้ว วิธีที่ดีที่สุดตอนนี้คือ พยายามหาคนคุยด้วยที่ยอมฟังผม ผมพยายามจะหยุดอารมณ์ตัวเอง แต่ผมไม่มีความสามารถที่จะหยุดอารมณ์ตัวเองได้ ผมจึงโทร โทร โทร เพื่อขอความช่วยเหลือด้านอารมณ์ มันไม่ใช่เรื่องที่ดี ที่จะมีใครมาทนรับอารมณ์ผม แต่ผมต้องทำ ถ้าผมไม่ทำ ผมอาจจะทำร้ายตนเองและคนอื่นก็ได้ หลังจากที่ผมโทร ผมก็รู้สึกสบายใจขึ้น ทำให้หายเครียดได้ หรือ ผมโพสต์เรื่องราวระบายลงสื่อสาธารณะ ก็ช่วยได้เหมือนกัน ผมรู้ว่าการทำแบบนี้ มันส่งผลร้ายยังไง แต่ตอนนั้นมันเกิดอารมณ์ มันเหมือนกับคนเกิดอุบัติเหตุ ต้องการความช่วยเหลือ แต่ผมมันเป็นอุบัติเหตุทางใจ ก็ต้องการความช่วยเหลือเช่นกัน ทุกคนไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมผ่านได้ทุกครั้ง อารมณ์ผมที่ต้องเผชิญมันยากลำบาก เพราะยิ่งเป็นบ่อย คนรอบข้างก็จะหายไปที่ละคน ไปเรื่อยๆ คนมีมีใครคบและต้องอยู่คนเดียว

     มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้านะ ที่บุคคลออทิสติกทีทำงานต้องเผชิญอะไรแบบนี้บ่อยๆ ผมเองที่พอคุมตัวเองได้ ยังไม่สามารถรักษาภาวะนี้หายเลย และเรื่องต่อมาเป็นเรื่องของการสื่อสาร ในสังคมการทำงานราชการ การสื่อสารเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หลายคนคิดว่ามันสำคัญอย่างไร คนเราก็พูดกันปกติอยู่แล้วนี่ จริงในภาวะออทิสติก อย่างที่เข้าใจและเห็น ถึงผมจะสื่อสารด้วยการเขียนบทความเก่ง แต่ไม่ได้หมายความว่า ผมจะสื่อสารได้ดี ภาวะออทิสติกมันมีปัจจัย หลายอย่างที่ทำให้ผม ไม่สามารถสื่อสารได้ เช่นเรื่องของอารมณ์ การนึกภาพต่างๆ ในสิ่งที่ผมคิดมันอาจจะดีมากมาย แต่การถ่ายทอดมันไม่ได้เป็นไปตามที่เรากำหนด หรือคิดไว้ ลองนึกภาพว่า คุณต้องสื่อสารกับคนๆนึงที่เป็นผู้ใหญ่ และต้องอธิบายสิ่งที่เราคิดให้เค้าเข้าใจ มันยากนะ เพราะต้องประเมินตัวผู้ฟังด้วยว่า แนวความคิด ทัศนคติ หรืออุดมการณ์เป็นแบบไหน ออทิสติกแบบผมจะต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้ คืออารมณ์แบบว่าต้องตอบ บทสนทนาให้ทันละ การพูดของเรามันมีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ฟัง ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานและเราจะต้องอยู่ร่วมกับเค้าในสังคม ในการทำงานราชการหรือที่อื่น ตัวผมเองยังต้องมานั่งคิดว่าคนอื่นจะรู้สึกยังไงกับเรา เราทำอะไรผิดไหม อะไรที่เราทำได้และไม่ได้

     การเป็นข้าราชการครูกับภาวะออทิสติกไม่ใช่เรื่องง่าย ผมอยากให้ทุกคนรู้ว่า สิ่งต่างๆที่ผมกำลังเผชิญอยู่นั้น แน่นอนมันทำให้ผมรู้สึกแย่ รู้สึกต้องการความช่วยเหลือ แต่โลกมันดันโหดร้าย ในสังคม ผมจะต้องประคับประคองตนเองให้ผ่านภาวะนี้ให้ได้ อย่างน้อยทำให้มันเกิดน้อยที่สุด ผมไม่อยากหลอกตัวเองว่าผมเอาชนะได้ ผมมองดูตัวเองตามเหตุและผล ถ้าอันไหนที่ผมพยายามแล้วและผมทำไม่ได้ ผมก็จะบอกว่าผมทำไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมจะปล่อยตัวเอง เพียงแต่บางครั้งการที่จะคุมตัวเองได้ การวางกลไกกับคนอื่นก็เป็นจำเป็น เพราะผมรู้ว่าสังคมมันโหดร้ายแค่ไหน และตัวผมตอนที่มีสติอยู่ก็รู้ว่า ตัวเองรับภาวะได้ประมาณไหน แต่เรื่องที่อยากเป็นครูก็เป็นสิ่งที่ผมตั้งใจ อยากทำให้ได้ อยากที่จะพยายามสอนให้นักเรียนเป็นคนที่ มีจิตใจอันประเสริฐ มีความเมตตา รักใคร่ และคิดเป็น บันทึกนี้คนที่ได้อ่านอาจจะมองว่า ผมจะทำได้หรอ

    ผมตอบเลยว่า ถ้าไม่ลองทำแล้วจะรู้ได้อย่างไร ภาวะออทิสติกมักจะหมกมุ่นกับสิ่งใด สิ่งหนึ่งมากเกินไป แต่มันสอนให้ผมรู้ว่า การที่เราอยากทำอะไรสักอย่าง ต้องตั้งใจและพยายามทำให้ประสบความสำเร็จ อย่างพากเพียร มันอาจจะมีความเครียดมหาศาลไหลเข้ามา แรงกดดันที่มากมาย แต่การที่พยายามทำก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้วละ



เดี๋ยวมาบันทึกต่อนะครับ ช่วงนี้งานเยอะอยู่ละ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่