เปิดคดีสลด เจนนิเฟอร์ แพน หญิงชาวแคนาดาเชื้อสายเวียดนาม จ้างวานคนร้ายฆ่าพ่อแม่บังเกิดเกล้าของตนเอง จากความเก็บกดถูกเลี้ยงในกรอบเข้มงวด
เมื่อเดือนมกราคม 2558 ศาลเมืองนิวมาร์เก็ต รัฐออนแทรีโอ ของแคนาดา มีคำพิจารณาตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิต โดยไม่มีสิทธิ์รับการลดหย่อนโทษใด ๆ ใน 25 ปีแรก แก่ เจนนิเฟอร์ แพน วัย 28 ปี ฐานจ้างวานคนร้ายฆ่าพ่อแม่บังเกิดเกล้าของตัวเอง โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อปี 2553 อันส่งผลให้ผู้เป็นแม่เสียชีวิต และพ่อได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ศีรษะ และต้องกินยาบรรเทาความเจ็บปวดต่อเนื่องไปตลอดชีวิต แรงผลักดันที่ทำให้ลูกสาวคนเดียวของครอบครัว ตัดสินใจจ้างคนมาปลิดชีวิตพ่อแม่ตัวเอง ทั้งซับซ้อนและเลือดเย็นอย่างน่าเหลือเชื่อ และทุกสิ่งเริ่มต้นขึ้นจากเหตุผลประการเดียวเท่านั้น คือความเก็บกดจากการเลี้ยงดูที่เข้มงวดเกินไป
แม้การพิจารณาคดีจะสิ้นสุดไปตั้งแต่เมื่อต้นปีแล้ว แต่รายละเอียดของสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นที่เปิดเผยมากนัก จนกระทั่ง คาเรน โฮ เพื่อนสมัยมัธยมของเจนนิเฟอร์ ได้รวบรวมรายละเอียดสิ่งที่เกิดขึ้น นำมาปะติดปะต่อกัน แล้วเขียนเป็นบทความเรื่อง "Jennifer Pan’s Revenge: the inside story of a golden child, the killers she hired, and the parents she wanted dead" ลงในเว็บไซต์นิตยสารโทรอนโต ไลฟ์ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา และนี่คือเรื่องราวของ เจนนิเฟอร์ แพน
วัยเด็กของเจนนิเฟอร์ แพนนายเหวย ห่าน แพน และนางบี๋ ฮา พ่อและแม่ของเจนนิเฟอร์เป็นชาวเวียดนามที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในแคนาดาตั้งแต่ปี 2522 ทั้งคู่แต่งงานกันและลงหลักปักฐานที่เมืองสการ์บะระ รัฐออนแทรีโอ มีลูก 2 คน คือ เจนนิเฟอร์ และเฟลิกซ์ แพน ทั้งคู่ทำมาหากินอย่างแข็งขัน จากการเป็นลูกจ้างในโรงงานชิ้นส่วนยานยนต์ จนกระทั่งสามารถเก็บเงินซื้อบ้านหลังใหญ่ รถอีก 2 คัน และมีเงินเก็บในธนาคารอีกกว่า 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ
แต่กระนั้นทั้งคู่ก็ไม่เคยกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่เวียดนามอีกเลย ด้วยเหตุผลว่าต้องการเก็บเงินทุกสตางค์ไว้สำหรับอนาคตของลูก ซึ่งลูกสาวก็ดูไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง เธอได้รับทุนการศึกษา มีมหาวิทยาลัยตอบรับเข้าเรียนก่อนที่เธอจะเรียนไฮสคูลจบ ศึกษาจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยโทรอนโต และเข้าทำงานในแล็บของโรงพยาบาล SickKids ..หากแต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องโกหกที่เจนนิเฟอร์แต่งขึ้นมาหลอกพ่อแม่อย่างแนบเนียนอยู่หลายปี
บิดาของเจนนิเฟอร์ก็เป็นพ่อที่เคร่งครัดตามแบบฉบับชาวเอเชีย ขณะที่แม่ของเธอแม้ไม่เข้มงวดเท่า แต่ก็ไม่สามารถขัดสามีได้ พ่อแม่เจนนิเฟอร์คอยรับ-ส่งลูกสาวที่โรงเรียนทุกเช้า-เย็น นั่งรอลูกสาวเรียนพิเศษ สั่งห้ามไปปาร์ตี้ ห้ามมีแฟนจนกว่าจะจบมหาวิทยาลัย กระทั่งยามลูกสาวขอไปค้างบ้านเพื่อน พ่อกับแม่ของเธอก็จะขับรถไปส่งตอนดึก ๆ แล้วรีบขับมารับแต่เช้ามืด ในวัย 22 ปี เจนนิเฟอร์ไม่เคยได้ไปปาร์ตี้บ้านเพื่อน ไม่เคยกินเหล้าเมา ไม่เคยได้ไปเที่ยวไกล ๆ กับกลุ่มเพื่อนโดยที่ไม่มีพ่อแม่ไปด้วย ซึ่งสร้างความเครียดให้เธอไม่น้อย
พ่อแม่ของเจนนิเฟอร์ตั้งความหวังที่ลูก ๆ เอาไว้สูง อยากให้ลูกเรียนเก่งเป็นที่เชิดหน้าชูตา มีการงานที่ดีทำในอนาคต เจนนิเฟอร์ถูกจับเข้าเรียนเปียโนตั้งแต่ 4 ขวบ และกวดขันเรื่องการเรียนมาก ซึ่งเจนนิเฟอร์ก็ดูจะทำได้ดี ในชั้นประถม เด็กหญิงได้รับรางวัลมากมาย พ่อและแม่ยังกวดขันเธอให้เรียนไอซ์สเกต และหวังไกลให้ลูกสาวเข้าแข่งขันระดับประเทศ บางคืนเจนนิเฟอร์ต้องซ้อมสเกตอยู่ถึง 4 ทุ่ม กลับมาทำการบ้านจนถึงเที่ยงคืนจึงจะได้เข้านอน ความกดดันและเข้มงวดแบบนี้มากเกินเด็กหญิงจะรับไหว เธอเริ่มระบายด้วยการกรีดข้อมือตัวเอง
คาเรน เขียนอธิบายถึงเจนนิเฟอร์ในช่วงมัธยมต้นว่า เป็นเด็กสาวที่สูงกว่าเด็กเอเชียวัยเดียวกันคนอื่น ๆ หน้าตาเธอน่ารัก แต่ก็ไม่โดดเด่น เจนนิเฟอร์ไม่เคยแต่งหน้ามาโรงเรียน ผมของเธอปล่อยยาวธรรมดา ไม่เคยจัดทรงอะไรเป็นพิเศษ แต่กระนั้นเธอก็ยิ้มแย้ม เข้ากับเพื่อน ๆ ได้ง่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่คาเรนได้พบในเวลาต่อมาว่า มันเป็นเพียงบุคลิกที่เจนนิเฟอร์สร้างขึ้นมาเพื่อซ่อนความอับอายและไม่มั่นใจในตัวเองเท่านั้น
เจนนิเฟอร์เป็นเด็กเรียนดีในระดับท็อปของชั้นมาตลอด จนกระทั่งขึ้นเกรด 9 คะแนนของเธอตกลงมาอยู่ที่ระดับ 70% แทบทุกวิชา ยกเว้นวิชาดนตรี เจนนิเฟอร์ตัดสินใจทำใบเกรดปลอมขึ้นมา ด้วยใบเกรด กรรไกร กาว และเครื่องถ่ายเอกสาร หลอกว่าเธอได้เกรด A หมดทุกตัว เจนนิเฟอร์คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะอย่างไรการยื่นคะแนนเข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่นับเกรด 9 และ 10 อยู่ดี
เจนนิเฟอร์ แพน และแดเนียล หว่อง แฟนคนแรกและผู้ร่วมวางแผนฆาตกรรม
เจนนิเฟอร์ได้พบกับ แดเนียล หว่อง ขณะเธออยู่เกรด 11 ฝ่ายชายแก่กว่าเธอ 1 ปี แดเนียลเล่นฟรูต เป็นคนสนุกสนาน ยิ้มเก่ง และเขาได้ช่วยเจนนิเฟอร์ไว้ตอนที่เธอโรคหอบกำเริบ ระหว่างวงดนตรีเดินทางไปแข่งขันในยุโรปเมื่อปี 2546 จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มคบหากัน เจนนิเฟอร์ปิดบังเรื่องนี้กับทางบ้าน เพราะรู้แน่ว่าพ่อแม่ของเธอจะต้องไม่อนุญาต
เจนนิเฟอร์ยังคงทำใบเกรดปลอมว่าได้ A ทุกวิชาไปตลอดช่วงมัธยมปลาย แม้ว่าความจริงแล้วส่วนใหญ่เธอจะได้ B กระนั้นเธอก็ยังได้รับการตอบรับเข้าเรียนจากมหาวิทยาลัยไรเออร์สัน แต่ว่าเพราะปีสุดท้ายเธอสอบตกวิชาแคลคูลัส ข้อเสนอนั้นจึงเป็นอันยกเลิกไปด้วย แต่เจนนิเฟอร์ยังคงโกหกกับทางบ้านว่าเธอได้ข้อเสนอเข้าศึกษาโปรแกรมเภสัชวิทยา ของมหาวิทยาลัย T เป็นเวลา 2 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่พ่อของเธอคาดหวัง ไม่เพียงเท่านั้น เจนนิเฟอร์ยังโกหกอีกว่าเธอได้รับทุนการศึกษาอีก 3,000 ดอลลาร์ด้วย
เพื่อการโกหกที่แนบเนียน เจนนิเฟอร์ลงทุนซื้อตำราเรียน จัดกระเป๋า ออกจากบ้านทุกเช้าทำเหมือนจะไปมหาวิทยาลัย แต่ที่จริงเธอไปที่ห้องสมุดสาธารณะ ค้นคว้าหัวข้อวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องแล้วลอกมันลงในหนังสือ และใช้เวลาว่างนอกเหนือจากนั้นไปหาแดเนียล ที่มหาวิทยาลัยยอร์ก ทำงานพิเศษเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร เป็นครูสอนเปียโน และทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหารแห่งเดียวกับแดเนียล
พ่อของเจนนิเฟอร์เคยถามเกี่ยวกับเรื่องการเรียน แต่ผู้เป็นแม่คอยปรามว่า อย่าซักไซ้ลูกมาก ให้ลูกเป็นตัวของตัวเองบ้าง
หลังผ่านการแสร้งโกหกเป็นนักเรียนวิชาเภสัชศาสตร์ได้ 2 ปี พ่อของเธอก็ถามไถ่ถึงความคืบหน้า ซึ่งเจนได้สร้างเรื่องต่อไปอีกว่า เธอได้รับการตอบรับเข้าร่วมโปรแกรมเภสัชวิทยาต่อ พ่อแม่ของเธอดีใจและปลาบปลื้มมาก เจนนิเฟอร์ยังขอย้ายไปอยู่กับเพื่อนชื่อ โทปาซ ผู้เป็นแม่ที่เห็นใจเรื่องการเดินทางจึงอนุญาตลูกสาวไป โดยไม่รู้เลยว่าที่จริงแล้วเจนนิเฟอร์ไปอาศัยอยู่กับแดเนียลต่างหาก โดยทางเจนนิเฟอร์เองก็โกหกกับพ่อแม่แดเนียลว่า เธอได้บอกและรับการอนุญาตจากพ่อแม่ของเธอแล้ว
เรื่องการเรียนหลอก ๆ นี้ยังดำเนินไปอย่างแนบเนียนอีก 2 ปี จวบถึงเวลาครบจบการศึกษา ทั้งเจนนิเฟอร์และแดเนียลจ้างคนทำใบทรานสคริปต์ปลอม ทุกวิชามีแต่เกรด A ส่วนเรื่องพิธีรับประกาศนียบัตรจบการศึกษา สาวรายนี้บอกพ่อกับแม่ว่า เนื่องจากนักเรียนมีเยอะมาก มหาวิทยาลัยจึงให้พาญาติไปได้แค่คนเดียว เธอไม่อยากให้พ่อหรือแม่ต้องผิดหวังว่าจะเป็นฝ่ายที่พลาดโอกาสนี้ เลยตัดสินใจให้เพื่อนของเธอไปแทน
ความแตก
หลังหลอกที่บ้านว่าเรียนจบไปแล้ว เจนนิเฟอร์ก็แต่งเรื่องการทำงานขึ้นมาอีก โดยบอกพ่อกับแม่ว่าได้งานเป็นเจ้าหน้าที่แล็บวิเคราะห์เลือดที่โรงพยาบาล SickKids และต้องทำงานกะกลางคืนในวันศุกร์และสุดสัปดาห์ คล้ายจะบอกเป็นนัย ๆ ว่า ตนอาจต้องนอนค้างกับเพื่อนที่ชื่อโทปาซบ่อยกว่าเดิม
แต่หนนี้พ่อของเจนนิเฟอร์เริ่มระแคะระคาย เมื่อสังเกตได้ว่าลูกสาวไม่มีแม้แต่เครื่องแบบหรือบัตรประจำตัวพนักงาน ในเช้าวันต่อมาเขาจึงตัดสินใจขับรถไปส่งเจนนิเฟอร์ถึงที่ทำงาน และยังให้ภรรยาแอบตามลงไปดู ทำให้เจนนิเฟอร์ต้องแอบหลบอยู่ภายในโรงพยาบาลหลายชั่วโมง จนกระทั่งแม่ของเธอกลับไป ความพยายามจับผิดลูกสาวไม่ได้จบลงเท่านี้ เช้าวันรุ่งขึ้นพ่อและแม่ของเจนนิเฟอร์จึงโทรศัพท์ไปหาโทปาซ และทั้งคู่ก็ได้ทราบว่า เจนนิเฟอร์ไม่เคยไปค้างอ้างแรมกับเธอเลยแม้แต่น้อย
ในที่สุดเจนนิเฟอร์ก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริง เธอสารภาพว่า เธอไม่ได้ทำงานที่ SickKids ไม่ได้เรียนที่วิทยาลัยเภสัช และไปอยู่กับแดเนียลตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่ยังคงไม่ได้บอกว่า เธอยังเรียนไม่จบมัธยมปลาย และไม่ได้ข้อเสนอเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยไรเออร์สันด้วย
บทลงโทษ
แม่ของเจนนิเฟอร์ร้องไห้อย่างหนักหลังรู้ความจริง ส่วนพ่อของเธอโมโหแทบเป็นบ้าจนเกือบไล่ลูกสาวออกจากบ้านหากภรรยาไม่เข้ามาห้ามไว้ เจนนิเฟอร์ถูกยึดโทรศัพท์และโน้ตบุ๊ก 2 สัปดาห์ ให้ใช้คอมพิวเตอร์ได้เฉพาะเวลาพ่อแม่อยู่บ้าน ถูกให้ออกจากงานที่ทำทั้งหมดยกเว้นการสอนเปียโน และแน่นอนว่าห้ามติดต่อกับแดเนียลอีกต่อไป ด้านเจนนิเฟอร์เองก็กลับไปเรียนเพื่อให้จบชั้นมัธยมปลาย
มิลวาเกแนม, คาร์ที, แดเนียล หว่อง และ เจนนิเฟอร์ แพน
แต่เจนนิเฟอร์ที่ยังรักแฟนหนุ่มอย่างมาก ยังแอบโทรศัพท์หาเขาเมื่อมีโอกาส แอบออกไปเจอแดเนียลระหว่างการสอนเปียโน และแอบออกจากบ้านไปในคืนหนึ่งเพื่อหาแดเนียล แต่ก็ถูกจับได้ พ่อแม่เธอยิ่งโมโหและสั่งห้ามพบกันเข้มงวดกว่าเดิม ขณะที่แดเนียลเองก็เริ่มอึดอัดกับการคบหากับเจนนิเฟอร์ ทั้งที่แฟนสาวอายุ 24 ปีแล้ว แต่ไปไหนมาไหนเองไม่ได้ ไม่ชอบพ่อแม่แต่ก็ไม่กล้าออกจากบ้านเอง ในที่สุดแดเนียลจึงขอเลิกกับเธอ ทางด้านเจนนิเฟอร์ซึ่งหัวใจสลาย ยังพบว่าอดีตแฟนหนุ่มกำลังคบหาสาวคนใหม่ เธอจึงสร้างเรื่องว่าตัวเองถูกทำร้าย โดยมีแฟนใหม่คนนั้นเป็นคนบงการ เพื่อให้แดเนียลกลับมาคบกับเธอด้วย
วางแผนครั้งแรก ฤดูใบไม้ผลิ 2553
เจนนิเฟอร์ได้พบกับ แอนดรูว์ มอนเทเมเยอร์ เพื่อนเก่าสมัยประถมอีกครั้ง เล่าเรื่องอึดอัดใจระหว่างเธอกับพ่อให้ฟัง ขณะที่แอนดรูว์ก็เล่าว่าเขามีปัญหาเหมือนกัน และเคยคิดจะฆ่าพ่อตัวเองด้วย นั่นกลายเป็นการจุดประกายความคิดฆาตกรรมพ่อของเจนนิเฟอร์ขึ้นมา หญิงสาวจินตนาการว่าชีวิตตัวเองจะดีแค่ไหนถ้าไม่มีพ่อ
ความพยายามในการฆ่าครั้งแรกเกิดขึ้น เมื่อแอนดรูว์แนะนำให้เจนนิเฟอร์รู้จักกับเพื่อนของตน ริคาร์โด ดันแคน เจนนิเฟอร์ตัดสินใจจ้างริคาร์โดให้ฆ่าพ่อของเธอ ด้วยเงิน 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ ที่ได้จากค่าสอนเปียโน โดยวางแผนว่าจะลวงพ่อของเธอไปฆ่าที่ลานจอดรถที่ริคาร์โดทำงานอยู่ และจะนัดแนะกันทางโทรศัพท์อีกที แต่หลังจากนั้นริคาร์โดปิดการติดต่อและเชิดเงินหนีไป (ริคาร์โดให้การในชั้นศาลว่า เขารู้สึกถูกคุกคามและไม่อยากฆ่าคน จึงได้ตัดการติดต่อ และว่าตนได้รับเงินเพียง 200 ดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งได้คืนเจนนิเฟอร์ไปหมดแล้ว)
ลงมือฆาตกรรม คืนต้นเดือนพฤศจิกายน 2553
ในช่วงระหว่างนี้ เจนนิเฟอร์และแดเนียลได้กลับมาคุยกันอีกครั้ง และเธอได้เล่าเรื่องการวางแผนกำจัดพ่อของตัวเองให้แฟนหนุ่มฟัง ทั้งยังบอกว่าถ้าฆ่าได้สำเร็จเธอจะได้รับเงินประกันชีวิตของพ่อ 500,000 ดอลลาร์ด้วย แดเนียลไม่ได้ห้ามปราม ซ้ำยังแนะนำให้เจนนิเฟอร์รู้จัก "เลนฟอร์ด ครอว์ฟอร์ด" ผู้จะช่วยเธอลงมือได้ แดเนียลยังซื้อไอโฟนพร้อมซิมใหม่ให้เจนนิเฟอร์ใช้เพื่อติดต่อในเรื่องนี้โดยเฉพาะ
ย้อนรอยคดีสะเทือนขวัญ "เจนนิเฟอร์ แพน" จากเด็กเรียนดีผู้เป็นความหวัง สู่ฆาตกรผู้จ้างวานฆ่าพ่อแม่ตัวเอง!!!
เมื่อเดือนมกราคม 2558 ศาลเมืองนิวมาร์เก็ต รัฐออนแทรีโอ ของแคนาดา มีคำพิจารณาตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิต โดยไม่มีสิทธิ์รับการลดหย่อนโทษใด ๆ ใน 25 ปีแรก แก่ เจนนิเฟอร์ แพน วัย 28 ปี ฐานจ้างวานคนร้ายฆ่าพ่อแม่บังเกิดเกล้าของตัวเอง โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อปี 2553 อันส่งผลให้ผู้เป็นแม่เสียชีวิต และพ่อได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ศีรษะ และต้องกินยาบรรเทาความเจ็บปวดต่อเนื่องไปตลอดชีวิต แรงผลักดันที่ทำให้ลูกสาวคนเดียวของครอบครัว ตัดสินใจจ้างคนมาปลิดชีวิตพ่อแม่ตัวเอง ทั้งซับซ้อนและเลือดเย็นอย่างน่าเหลือเชื่อ และทุกสิ่งเริ่มต้นขึ้นจากเหตุผลประการเดียวเท่านั้น คือความเก็บกดจากการเลี้ยงดูที่เข้มงวดเกินไป
แม้การพิจารณาคดีจะสิ้นสุดไปตั้งแต่เมื่อต้นปีแล้ว แต่รายละเอียดของสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นที่เปิดเผยมากนัก จนกระทั่ง คาเรน โฮ เพื่อนสมัยมัธยมของเจนนิเฟอร์ ได้รวบรวมรายละเอียดสิ่งที่เกิดขึ้น นำมาปะติดปะต่อกัน แล้วเขียนเป็นบทความเรื่อง "Jennifer Pan’s Revenge: the inside story of a golden child, the killers she hired, and the parents she wanted dead" ลงในเว็บไซต์นิตยสารโทรอนโต ไลฟ์ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา และนี่คือเรื่องราวของ เจนนิเฟอร์ แพน
วัยเด็กของเจนนิเฟอร์ แพนนายเหวย ห่าน แพน และนางบี๋ ฮา พ่อและแม่ของเจนนิเฟอร์เป็นชาวเวียดนามที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในแคนาดาตั้งแต่ปี 2522 ทั้งคู่แต่งงานกันและลงหลักปักฐานที่เมืองสการ์บะระ รัฐออนแทรีโอ มีลูก 2 คน คือ เจนนิเฟอร์ และเฟลิกซ์ แพน ทั้งคู่ทำมาหากินอย่างแข็งขัน จากการเป็นลูกจ้างในโรงงานชิ้นส่วนยานยนต์ จนกระทั่งสามารถเก็บเงินซื้อบ้านหลังใหญ่ รถอีก 2 คัน และมีเงินเก็บในธนาคารอีกกว่า 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ
แต่กระนั้นทั้งคู่ก็ไม่เคยกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่เวียดนามอีกเลย ด้วยเหตุผลว่าต้องการเก็บเงินทุกสตางค์ไว้สำหรับอนาคตของลูก ซึ่งลูกสาวก็ดูไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง เธอได้รับทุนการศึกษา มีมหาวิทยาลัยตอบรับเข้าเรียนก่อนที่เธอจะเรียนไฮสคูลจบ ศึกษาจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยโทรอนโต และเข้าทำงานในแล็บของโรงพยาบาล SickKids ..หากแต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องโกหกที่เจนนิเฟอร์แต่งขึ้นมาหลอกพ่อแม่อย่างแนบเนียนอยู่หลายปี
บิดาของเจนนิเฟอร์ก็เป็นพ่อที่เคร่งครัดตามแบบฉบับชาวเอเชีย ขณะที่แม่ของเธอแม้ไม่เข้มงวดเท่า แต่ก็ไม่สามารถขัดสามีได้ พ่อแม่เจนนิเฟอร์คอยรับ-ส่งลูกสาวที่โรงเรียนทุกเช้า-เย็น นั่งรอลูกสาวเรียนพิเศษ สั่งห้ามไปปาร์ตี้ ห้ามมีแฟนจนกว่าจะจบมหาวิทยาลัย กระทั่งยามลูกสาวขอไปค้างบ้านเพื่อน พ่อกับแม่ของเธอก็จะขับรถไปส่งตอนดึก ๆ แล้วรีบขับมารับแต่เช้ามืด ในวัย 22 ปี เจนนิเฟอร์ไม่เคยได้ไปปาร์ตี้บ้านเพื่อน ไม่เคยกินเหล้าเมา ไม่เคยได้ไปเที่ยวไกล ๆ กับกลุ่มเพื่อนโดยที่ไม่มีพ่อแม่ไปด้วย ซึ่งสร้างความเครียดให้เธอไม่น้อย
พ่อแม่ของเจนนิเฟอร์ตั้งความหวังที่ลูก ๆ เอาไว้สูง อยากให้ลูกเรียนเก่งเป็นที่เชิดหน้าชูตา มีการงานที่ดีทำในอนาคต เจนนิเฟอร์ถูกจับเข้าเรียนเปียโนตั้งแต่ 4 ขวบ และกวดขันเรื่องการเรียนมาก ซึ่งเจนนิเฟอร์ก็ดูจะทำได้ดี ในชั้นประถม เด็กหญิงได้รับรางวัลมากมาย พ่อและแม่ยังกวดขันเธอให้เรียนไอซ์สเกต และหวังไกลให้ลูกสาวเข้าแข่งขันระดับประเทศ บางคืนเจนนิเฟอร์ต้องซ้อมสเกตอยู่ถึง 4 ทุ่ม กลับมาทำการบ้านจนถึงเที่ยงคืนจึงจะได้เข้านอน ความกดดันและเข้มงวดแบบนี้มากเกินเด็กหญิงจะรับไหว เธอเริ่มระบายด้วยการกรีดข้อมือตัวเอง
คาเรน เขียนอธิบายถึงเจนนิเฟอร์ในช่วงมัธยมต้นว่า เป็นเด็กสาวที่สูงกว่าเด็กเอเชียวัยเดียวกันคนอื่น ๆ หน้าตาเธอน่ารัก แต่ก็ไม่โดดเด่น เจนนิเฟอร์ไม่เคยแต่งหน้ามาโรงเรียน ผมของเธอปล่อยยาวธรรมดา ไม่เคยจัดทรงอะไรเป็นพิเศษ แต่กระนั้นเธอก็ยิ้มแย้ม เข้ากับเพื่อน ๆ ได้ง่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่คาเรนได้พบในเวลาต่อมาว่า มันเป็นเพียงบุคลิกที่เจนนิเฟอร์สร้างขึ้นมาเพื่อซ่อนความอับอายและไม่มั่นใจในตัวเองเท่านั้น
เจนนิเฟอร์เป็นเด็กเรียนดีในระดับท็อปของชั้นมาตลอด จนกระทั่งขึ้นเกรด 9 คะแนนของเธอตกลงมาอยู่ที่ระดับ 70% แทบทุกวิชา ยกเว้นวิชาดนตรี เจนนิเฟอร์ตัดสินใจทำใบเกรดปลอมขึ้นมา ด้วยใบเกรด กรรไกร กาว และเครื่องถ่ายเอกสาร หลอกว่าเธอได้เกรด A หมดทุกตัว เจนนิเฟอร์คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะอย่างไรการยื่นคะแนนเข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่นับเกรด 9 และ 10 อยู่ดี
เจนนิเฟอร์ แพน และแดเนียล หว่อง แฟนคนแรกและผู้ร่วมวางแผนฆาตกรรม
เจนนิเฟอร์ได้พบกับ แดเนียล หว่อง ขณะเธออยู่เกรด 11 ฝ่ายชายแก่กว่าเธอ 1 ปี แดเนียลเล่นฟรูต เป็นคนสนุกสนาน ยิ้มเก่ง และเขาได้ช่วยเจนนิเฟอร์ไว้ตอนที่เธอโรคหอบกำเริบ ระหว่างวงดนตรีเดินทางไปแข่งขันในยุโรปเมื่อปี 2546 จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มคบหากัน เจนนิเฟอร์ปิดบังเรื่องนี้กับทางบ้าน เพราะรู้แน่ว่าพ่อแม่ของเธอจะต้องไม่อนุญาต
เจนนิเฟอร์ยังคงทำใบเกรดปลอมว่าได้ A ทุกวิชาไปตลอดช่วงมัธยมปลาย แม้ว่าความจริงแล้วส่วนใหญ่เธอจะได้ B กระนั้นเธอก็ยังได้รับการตอบรับเข้าเรียนจากมหาวิทยาลัยไรเออร์สัน แต่ว่าเพราะปีสุดท้ายเธอสอบตกวิชาแคลคูลัส ข้อเสนอนั้นจึงเป็นอันยกเลิกไปด้วย แต่เจนนิเฟอร์ยังคงโกหกกับทางบ้านว่าเธอได้ข้อเสนอเข้าศึกษาโปรแกรมเภสัชวิทยา ของมหาวิทยาลัย T เป็นเวลา 2 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่พ่อของเธอคาดหวัง ไม่เพียงเท่านั้น เจนนิเฟอร์ยังโกหกอีกว่าเธอได้รับทุนการศึกษาอีก 3,000 ดอลลาร์ด้วย
เพื่อการโกหกที่แนบเนียน เจนนิเฟอร์ลงทุนซื้อตำราเรียน จัดกระเป๋า ออกจากบ้านทุกเช้าทำเหมือนจะไปมหาวิทยาลัย แต่ที่จริงเธอไปที่ห้องสมุดสาธารณะ ค้นคว้าหัวข้อวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องแล้วลอกมันลงในหนังสือ และใช้เวลาว่างนอกเหนือจากนั้นไปหาแดเนียล ที่มหาวิทยาลัยยอร์ก ทำงานพิเศษเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร เป็นครูสอนเปียโน และทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหารแห่งเดียวกับแดเนียล
พ่อของเจนนิเฟอร์เคยถามเกี่ยวกับเรื่องการเรียน แต่ผู้เป็นแม่คอยปรามว่า อย่าซักไซ้ลูกมาก ให้ลูกเป็นตัวของตัวเองบ้าง
หลังผ่านการแสร้งโกหกเป็นนักเรียนวิชาเภสัชศาสตร์ได้ 2 ปี พ่อของเธอก็ถามไถ่ถึงความคืบหน้า ซึ่งเจนได้สร้างเรื่องต่อไปอีกว่า เธอได้รับการตอบรับเข้าร่วมโปรแกรมเภสัชวิทยาต่อ พ่อแม่ของเธอดีใจและปลาบปลื้มมาก เจนนิเฟอร์ยังขอย้ายไปอยู่กับเพื่อนชื่อ โทปาซ ผู้เป็นแม่ที่เห็นใจเรื่องการเดินทางจึงอนุญาตลูกสาวไป โดยไม่รู้เลยว่าที่จริงแล้วเจนนิเฟอร์ไปอาศัยอยู่กับแดเนียลต่างหาก โดยทางเจนนิเฟอร์เองก็โกหกกับพ่อแม่แดเนียลว่า เธอได้บอกและรับการอนุญาตจากพ่อแม่ของเธอแล้ว
เรื่องการเรียนหลอก ๆ นี้ยังดำเนินไปอย่างแนบเนียนอีก 2 ปี จวบถึงเวลาครบจบการศึกษา ทั้งเจนนิเฟอร์และแดเนียลจ้างคนทำใบทรานสคริปต์ปลอม ทุกวิชามีแต่เกรด A ส่วนเรื่องพิธีรับประกาศนียบัตรจบการศึกษา สาวรายนี้บอกพ่อกับแม่ว่า เนื่องจากนักเรียนมีเยอะมาก มหาวิทยาลัยจึงให้พาญาติไปได้แค่คนเดียว เธอไม่อยากให้พ่อหรือแม่ต้องผิดหวังว่าจะเป็นฝ่ายที่พลาดโอกาสนี้ เลยตัดสินใจให้เพื่อนของเธอไปแทน
ความแตก
หลังหลอกที่บ้านว่าเรียนจบไปแล้ว เจนนิเฟอร์ก็แต่งเรื่องการทำงานขึ้นมาอีก โดยบอกพ่อกับแม่ว่าได้งานเป็นเจ้าหน้าที่แล็บวิเคราะห์เลือดที่โรงพยาบาล SickKids และต้องทำงานกะกลางคืนในวันศุกร์และสุดสัปดาห์ คล้ายจะบอกเป็นนัย ๆ ว่า ตนอาจต้องนอนค้างกับเพื่อนที่ชื่อโทปาซบ่อยกว่าเดิม
แต่หนนี้พ่อของเจนนิเฟอร์เริ่มระแคะระคาย เมื่อสังเกตได้ว่าลูกสาวไม่มีแม้แต่เครื่องแบบหรือบัตรประจำตัวพนักงาน ในเช้าวันต่อมาเขาจึงตัดสินใจขับรถไปส่งเจนนิเฟอร์ถึงที่ทำงาน และยังให้ภรรยาแอบตามลงไปดู ทำให้เจนนิเฟอร์ต้องแอบหลบอยู่ภายในโรงพยาบาลหลายชั่วโมง จนกระทั่งแม่ของเธอกลับไป ความพยายามจับผิดลูกสาวไม่ได้จบลงเท่านี้ เช้าวันรุ่งขึ้นพ่อและแม่ของเจนนิเฟอร์จึงโทรศัพท์ไปหาโทปาซ และทั้งคู่ก็ได้ทราบว่า เจนนิเฟอร์ไม่เคยไปค้างอ้างแรมกับเธอเลยแม้แต่น้อย
ในที่สุดเจนนิเฟอร์ก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริง เธอสารภาพว่า เธอไม่ได้ทำงานที่ SickKids ไม่ได้เรียนที่วิทยาลัยเภสัช และไปอยู่กับแดเนียลตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่ยังคงไม่ได้บอกว่า เธอยังเรียนไม่จบมัธยมปลาย และไม่ได้ข้อเสนอเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยไรเออร์สันด้วย
บทลงโทษ
แม่ของเจนนิเฟอร์ร้องไห้อย่างหนักหลังรู้ความจริง ส่วนพ่อของเธอโมโหแทบเป็นบ้าจนเกือบไล่ลูกสาวออกจากบ้านหากภรรยาไม่เข้ามาห้ามไว้ เจนนิเฟอร์ถูกยึดโทรศัพท์และโน้ตบุ๊ก 2 สัปดาห์ ให้ใช้คอมพิวเตอร์ได้เฉพาะเวลาพ่อแม่อยู่บ้าน ถูกให้ออกจากงานที่ทำทั้งหมดยกเว้นการสอนเปียโน และแน่นอนว่าห้ามติดต่อกับแดเนียลอีกต่อไป ด้านเจนนิเฟอร์เองก็กลับไปเรียนเพื่อให้จบชั้นมัธยมปลาย
มิลวาเกแนม, คาร์ที, แดเนียล หว่อง และ เจนนิเฟอร์ แพน
แต่เจนนิเฟอร์ที่ยังรักแฟนหนุ่มอย่างมาก ยังแอบโทรศัพท์หาเขาเมื่อมีโอกาส แอบออกไปเจอแดเนียลระหว่างการสอนเปียโน และแอบออกจากบ้านไปในคืนหนึ่งเพื่อหาแดเนียล แต่ก็ถูกจับได้ พ่อแม่เธอยิ่งโมโหและสั่งห้ามพบกันเข้มงวดกว่าเดิม ขณะที่แดเนียลเองก็เริ่มอึดอัดกับการคบหากับเจนนิเฟอร์ ทั้งที่แฟนสาวอายุ 24 ปีแล้ว แต่ไปไหนมาไหนเองไม่ได้ ไม่ชอบพ่อแม่แต่ก็ไม่กล้าออกจากบ้านเอง ในที่สุดแดเนียลจึงขอเลิกกับเธอ ทางด้านเจนนิเฟอร์ซึ่งหัวใจสลาย ยังพบว่าอดีตแฟนหนุ่มกำลังคบหาสาวคนใหม่ เธอจึงสร้างเรื่องว่าตัวเองถูกทำร้าย โดยมีแฟนใหม่คนนั้นเป็นคนบงการ เพื่อให้แดเนียลกลับมาคบกับเธอด้วย
วางแผนครั้งแรก ฤดูใบไม้ผลิ 2553
เจนนิเฟอร์ได้พบกับ แอนดรูว์ มอนเทเมเยอร์ เพื่อนเก่าสมัยประถมอีกครั้ง เล่าเรื่องอึดอัดใจระหว่างเธอกับพ่อให้ฟัง ขณะที่แอนดรูว์ก็เล่าว่าเขามีปัญหาเหมือนกัน และเคยคิดจะฆ่าพ่อตัวเองด้วย นั่นกลายเป็นการจุดประกายความคิดฆาตกรรมพ่อของเจนนิเฟอร์ขึ้นมา หญิงสาวจินตนาการว่าชีวิตตัวเองจะดีแค่ไหนถ้าไม่มีพ่อ
ความพยายามในการฆ่าครั้งแรกเกิดขึ้น เมื่อแอนดรูว์แนะนำให้เจนนิเฟอร์รู้จักกับเพื่อนของตน ริคาร์โด ดันแคน เจนนิเฟอร์ตัดสินใจจ้างริคาร์โดให้ฆ่าพ่อของเธอ ด้วยเงิน 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ ที่ได้จากค่าสอนเปียโน โดยวางแผนว่าจะลวงพ่อของเธอไปฆ่าที่ลานจอดรถที่ริคาร์โดทำงานอยู่ และจะนัดแนะกันทางโทรศัพท์อีกที แต่หลังจากนั้นริคาร์โดปิดการติดต่อและเชิดเงินหนีไป (ริคาร์โดให้การในชั้นศาลว่า เขารู้สึกถูกคุกคามและไม่อยากฆ่าคน จึงได้ตัดการติดต่อ และว่าตนได้รับเงินเพียง 200 ดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งได้คืนเจนนิเฟอร์ไปหมดแล้ว)
ลงมือฆาตกรรม คืนต้นเดือนพฤศจิกายน 2553
ในช่วงระหว่างนี้ เจนนิเฟอร์และแดเนียลได้กลับมาคุยกันอีกครั้ง และเธอได้เล่าเรื่องการวางแผนกำจัดพ่อของตัวเองให้แฟนหนุ่มฟัง ทั้งยังบอกว่าถ้าฆ่าได้สำเร็จเธอจะได้รับเงินประกันชีวิตของพ่อ 500,000 ดอลลาร์ด้วย แดเนียลไม่ได้ห้ามปราม ซ้ำยังแนะนำให้เจนนิเฟอร์รู้จัก "เลนฟอร์ด ครอว์ฟอร์ด" ผู้จะช่วยเธอลงมือได้ แดเนียลยังซื้อไอโฟนพร้อมซิมใหม่ให้เจนนิเฟอร์ใช้เพื่อติดต่อในเรื่องนี้โดยเฉพาะ