คดีเขย่าขวัญสะท้อนปัญหาพ่อแม่ในสังคมไทย ที่คาดหวังให้ลูกตัวเป็น “เด็กเก่ง” เพื่อให้เป็นหน้าเป็นตาในสังคมของพ่อแม่ ล่าสุดได้มีการเปิดเผย ความกดดันจนกลายเป็นการโกหกซ้ำซาก และถึงขั้นกลายเป็นโศกนาฏกรรมสลดทั่วแคนาดา เมื่อ Jennifer Pan สาวชาวแคนาดาเชื้อสายเวียดนามวัย 28 ปีก่อเหตุ จ้าง 3 มือปืน ปลิดชีพพ่อและแม่ของตนเอง ซึ่งเป็นผู้หนีภัยการเมืองจากเวียดนาม หลังพวกเขาสืบรู้ว่า เธอไม่ได้เรียนเก่งติดท็อปเทนมาตลอด จนสามารถเข้าศึกษาต่อเข้าคณะเภสัชกรรมในมหาวิทยาลัยโตรอนโต ชั้นนำของแคนาดาได้ รวมไปถึงทำงานในห้องวิจัยตรวจเลือดที่โรงพยาบาลเด็ก SickKids
The Sydney Morning Herald สื่อออสเตรเลีย รายงาน ถึงคดีฆาตกรรม Huei Hann Pan และ Bich Ha Pan สองสามีภรรยาผู้อพยพจากเวียดนาม เข้ามาตั้งถิ่นฐานในแคนาดา เลี้ยงชีพด้วยการพนักงานในโรงงานประกอบชิ้นส่วนรถยนต์แห่งหนึ่ง และความคาดหวังอย่างแรงกล้าต้องการให้ Jennifer ลูกสาวคนโต และ Felix บุตรชาย ของคนทั้งคู่มีการศึกษาที่ดี และมีอนาคตแจ่มใส
Jennifer Pan หญิงสัญชาติแคนาดาวัย 28 ปี บุตรคนโตของคนทั้งคู่ อาศัยในเมือง Markham ทางเหนือของกรุงโตรอนโต ต้องแต่งเรื่องและปกปิดพ่อแม่ของเธอมาตลอดว่า เธอเป็นเด็กเรียนเก่งระดับเกรดเฉลี่ย 4.00จากโรงเรียนมัธยมแคทอลิก Mary Ward และได้ทุนการศึกษา รวมไปถึงได้รับการเสนอให้เข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาตั้งแต่เธอยังไม่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลาย และเป็นไปตามความคาดหวังของ Huei Hann Panผู้เป็นพ่อ พานสามารถสร้างเรื่องว่าสำเร็จการศึกษาจากคณะเภสัชกรรมจากมหาวิทยาลัยโตรอนโตที่เก่าและมีชื่อเสียงในระดับประเทศของแคนาดา และการโกหกของพานยังเลยเถิดไปถึงความสามารถในการเข้าทำงานในห้องทดลองตรวจเลือดที่โรงพยาบาลเด็ก SickKids ของแคนาดา
แต่ในชีวิตจริงของพาน วัย 28 ปี กลับไม่แม้กระทั่งสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลายซึ่งเป็นการศึกษาภาคบังคับของนั่น และในปัจจุบันนี้ เธอยังต้องถูกตัดสินใช้ความผิดจากคดีจ้างมือปืนเพื่อเจตนาปลิดชีพของผู้มีพระคุณในเรือนจำแคนาดา ที่ตัวเธอมีความคิดเพียงว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเกิดจากการบีบบังคับของคนทั้งคู่ และซึ่งความจริงในเรื่องนี้ดูไม่ต่างมากนักจากหลายครอบครัวในสังคมไทยทุกวันนี้ ซึ่งพ่อแม่ต่างต้องการให้บุตรหลานมีความสามารถเหนือคนอื่นในด้านการเรียน โดยเฉพาะในฤดูการสอบเข้าเรียนต่อ
ทั้งนี้จากการรายงานของสื่อออสเตรเลียถึงเรื่องราวที่มีสีสันแต่สุดเศร้าของเจนนิเฟอร์ พาน ที่ถูกตีแผ่เป็นครั้งแรกในสัปดาห์ที่ผ่านมาในนิตยสารโตรอนโต ไลฟ์ ระบุว่า การโกหกซ้ำแล้วซ้ำเล่าในเรื่อง “ความสามารถด้านการศึกษา” ของพานนั้นเป็นเสมือนความภาคภูมิใจของ Huei Hann Panและ Bich Ha Pan จนกระทั่งคนทั้งคู่รับรู้ความจริงว่า ทุกสิ่งที่พานบอกกับพวกเขา “ล้วนแต่เป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น”
พ่อแม่ของพานเป็นเหมือนกับพ่อแม่โดยทั่วไปในสังคมเอเชีย จะเทิดทูนลูกที่มีความสามารถและประสบความสำเร็จด้านการศึกษาและการงานแซงหน้าคนอื่นได้ เพราะในสังคมคนทั่วไปในเอเชีย เช่น ไทย จีน สิงคโปร์ เกาหลีใต้ อินเดีย และรวมไปถึงญี่ปุ่น ล้วนแต่ทุ่มเทความสนใจด้านการศึกษาของเด็กมาเป็นอันดับหนึ่ง ในขณะที่บิดามารดาชาวสหรัฐฯจะให้ความสำคัญกับด้านสุขภาพของเป็นอันดับแรกเมื่อยามเล็ก รวมไปถึงการที่ลูกวัยรุ่นสามารถมีงานทำได้เพื่อส่งเสียตัวเองเข้าวิทยาลัยเพื่อศึกษาต่อ
แต่ถ้าหากว่า เมื่อลูกในสังคมเอเชียไม่สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างที่คาดหวังแล้ว สถานภาพความเป็นคนพิเศษในบ้านจะถูกเปลี่ยนไปในทันที และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับพาน วัย 28 ปี ที่ตามสื่ออสเตรเลียระบุว่า แม้เธอจะอยู่ในวัยผู้ใหญ่ บรรลุนิติภาวะตามกฏหมายแล้วก็ตาม แต่ทว่าเมื่อเรื่องราวการโกหกของเธอถูกเปิดเผยให้ผู้เป็นพ่อและเป็นแม่ได้รับทราบ ทั้ง Huei Hann Panและ Bich Ha Pan กลับเลือกปฎิบัติต่อพาน เหมือนกับเธอเพิ่งอายุ 3 ขวบ ด้วยการไม่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์มือถือ รวมไปถึงห้ามไม่ให้ใช้คอมพิวเตอร์ และยังรวมไปถึงห้ามการพบปะกับออกเที่ยวกับแฟนหนุ่ม Daniel Wong ที่รู้จักกันตั้งแต่วัยเยาว์ เพราะจากการทุ่มเทเลี้ยงดูของคนทั้งคู่ที่มีให้กับ Pan และน้องชาย Felix ที่มีอายุห่างจาก Pan ไป 3 ปี มุ่งหวังให้คนทั้งคู่ต้องจดจ่ออยู่แต่กับการศึกษาเล่าเรียน ด้วยการห้ามไม่ให้ทำกิจกรรมอื่นๆทั้งหมดด้วยเกรงว่าจะกระทบไปถึงผลการเรียน
ทั้งนี้วอชิงตันโพสต์รายงานเพิ่มเติมว่า พานในระดับมัธยมศึกษาถูกเลี้ยงดูด้วยความเข้มงวดและจำกัดเหมือนเช่นเด็กเอเชียชาติอื่นๆ เป็นต้นว่า ไทย และญี่ปุ่น ที่นอกจากห้ามไม่ให้ไปร่วมงาน party สังสรรค์กับบรรดาเพื่อนคนอื่นๆในวัยเดียวกันทั้งๆที่เธออาศัยอยู่ในสังคมโลกตะวันตกที่เสรี Karen Ho เพื่อนร่วมโรงเรียนมัธยมของเธอกล่าวว่า แม้ Pan จะมีอายุเกือบ 22ปีแล้ว แต่เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ไป party ในกลุ่มเพื่อน หรือหากมีกิจกรรมที่ต้องทำ เธอต้องไปพร้อมกับผู้ปกครองทุกครั้ง
และแน่นอนที่สุดสื่ออสเตรเลียชี้ว่า ทั้ง Huei Hann Pan และ Bich Ha Pan ห้ามไม่ให้พานออกเดตกับเพื่อนชาย โดยเธอต้องตั้งหน้าตั้งตาเรียนพิเศษภาคค่ำ และยังไม่รวมถึงกิจกรรมเสริมอื่นๆเพื่อให้เธอมีความโดดเด่นกว่าเด็กอื่นๆเป็นต้นว่า ฟิกเกอร์สเกต เล่นเปียโน ศิลปะป้องกันตัว และว่ายน้ำ เป็นต้น
ดังนั้นการได้ยินจากปากของพานว่า เธอไม่ได้เป็นนักเรียนเกรดเฉลี่ย 4.00 อย่างที่เคยโกหกเรื่อยมา ทำให้ความรู้สึกของ Huei Hann Pan และ Bich Ha Pan พ่อแม่ที่ต้องลี้ภัยทางการเมืองเข้ามาแคนาดาในปี 1979 และต้องอยู่อย่างยากลำบากในสังคมใหม่ นั้นผิดหวังอย่างรุนแรงที่รับทราบความจริงในตอนท้าย
สะเทือนสังคม!! สาวเชื้อสายเวียดฯในแคนาดา จ้างมือปืนฆ่าพ่อแม่หลังสืบรู้ว่า ลูกสาวไม่ได้เรียนเก่งอย่างที่คิด
The Sydney Morning Herald สื่อออสเตรเลีย รายงาน ถึงคดีฆาตกรรม Huei Hann Pan และ Bich Ha Pan สองสามีภรรยาผู้อพยพจากเวียดนาม เข้ามาตั้งถิ่นฐานในแคนาดา เลี้ยงชีพด้วยการพนักงานในโรงงานประกอบชิ้นส่วนรถยนต์แห่งหนึ่ง และความคาดหวังอย่างแรงกล้าต้องการให้ Jennifer ลูกสาวคนโต และ Felix บุตรชาย ของคนทั้งคู่มีการศึกษาที่ดี และมีอนาคตแจ่มใส
Jennifer Pan หญิงสัญชาติแคนาดาวัย 28 ปี บุตรคนโตของคนทั้งคู่ อาศัยในเมือง Markham ทางเหนือของกรุงโตรอนโต ต้องแต่งเรื่องและปกปิดพ่อแม่ของเธอมาตลอดว่า เธอเป็นเด็กเรียนเก่งระดับเกรดเฉลี่ย 4.00จากโรงเรียนมัธยมแคทอลิก Mary Ward และได้ทุนการศึกษา รวมไปถึงได้รับการเสนอให้เข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาตั้งแต่เธอยังไม่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลาย และเป็นไปตามความคาดหวังของ Huei Hann Panผู้เป็นพ่อ พานสามารถสร้างเรื่องว่าสำเร็จการศึกษาจากคณะเภสัชกรรมจากมหาวิทยาลัยโตรอนโตที่เก่าและมีชื่อเสียงในระดับประเทศของแคนาดา และการโกหกของพานยังเลยเถิดไปถึงความสามารถในการเข้าทำงานในห้องทดลองตรวจเลือดที่โรงพยาบาลเด็ก SickKids ของแคนาดา
แต่ในชีวิตจริงของพาน วัย 28 ปี กลับไม่แม้กระทั่งสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลายซึ่งเป็นการศึกษาภาคบังคับของนั่น และในปัจจุบันนี้ เธอยังต้องถูกตัดสินใช้ความผิดจากคดีจ้างมือปืนเพื่อเจตนาปลิดชีพของผู้มีพระคุณในเรือนจำแคนาดา ที่ตัวเธอมีความคิดเพียงว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเกิดจากการบีบบังคับของคนทั้งคู่ และซึ่งความจริงในเรื่องนี้ดูไม่ต่างมากนักจากหลายครอบครัวในสังคมไทยทุกวันนี้ ซึ่งพ่อแม่ต่างต้องการให้บุตรหลานมีความสามารถเหนือคนอื่นในด้านการเรียน โดยเฉพาะในฤดูการสอบเข้าเรียนต่อ
ทั้งนี้จากการรายงานของสื่อออสเตรเลียถึงเรื่องราวที่มีสีสันแต่สุดเศร้าของเจนนิเฟอร์ พาน ที่ถูกตีแผ่เป็นครั้งแรกในสัปดาห์ที่ผ่านมาในนิตยสารโตรอนโต ไลฟ์ ระบุว่า การโกหกซ้ำแล้วซ้ำเล่าในเรื่อง “ความสามารถด้านการศึกษา” ของพานนั้นเป็นเสมือนความภาคภูมิใจของ Huei Hann Panและ Bich Ha Pan จนกระทั่งคนทั้งคู่รับรู้ความจริงว่า ทุกสิ่งที่พานบอกกับพวกเขา “ล้วนแต่เป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น”
พ่อแม่ของพานเป็นเหมือนกับพ่อแม่โดยทั่วไปในสังคมเอเชีย จะเทิดทูนลูกที่มีความสามารถและประสบความสำเร็จด้านการศึกษาและการงานแซงหน้าคนอื่นได้ เพราะในสังคมคนทั่วไปในเอเชีย เช่น ไทย จีน สิงคโปร์ เกาหลีใต้ อินเดีย และรวมไปถึงญี่ปุ่น ล้วนแต่ทุ่มเทความสนใจด้านการศึกษาของเด็กมาเป็นอันดับหนึ่ง ในขณะที่บิดามารดาชาวสหรัฐฯจะให้ความสำคัญกับด้านสุขภาพของเป็นอันดับแรกเมื่อยามเล็ก รวมไปถึงการที่ลูกวัยรุ่นสามารถมีงานทำได้เพื่อส่งเสียตัวเองเข้าวิทยาลัยเพื่อศึกษาต่อ
แต่ถ้าหากว่า เมื่อลูกในสังคมเอเชียไม่สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างที่คาดหวังแล้ว สถานภาพความเป็นคนพิเศษในบ้านจะถูกเปลี่ยนไปในทันที และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับพาน วัย 28 ปี ที่ตามสื่ออสเตรเลียระบุว่า แม้เธอจะอยู่ในวัยผู้ใหญ่ บรรลุนิติภาวะตามกฏหมายแล้วก็ตาม แต่ทว่าเมื่อเรื่องราวการโกหกของเธอถูกเปิดเผยให้ผู้เป็นพ่อและเป็นแม่ได้รับทราบ ทั้ง Huei Hann Panและ Bich Ha Pan กลับเลือกปฎิบัติต่อพาน เหมือนกับเธอเพิ่งอายุ 3 ขวบ ด้วยการไม่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์มือถือ รวมไปถึงห้ามไม่ให้ใช้คอมพิวเตอร์ และยังรวมไปถึงห้ามการพบปะกับออกเที่ยวกับแฟนหนุ่ม Daniel Wong ที่รู้จักกันตั้งแต่วัยเยาว์ เพราะจากการทุ่มเทเลี้ยงดูของคนทั้งคู่ที่มีให้กับ Pan และน้องชาย Felix ที่มีอายุห่างจาก Pan ไป 3 ปี มุ่งหวังให้คนทั้งคู่ต้องจดจ่ออยู่แต่กับการศึกษาเล่าเรียน ด้วยการห้ามไม่ให้ทำกิจกรรมอื่นๆทั้งหมดด้วยเกรงว่าจะกระทบไปถึงผลการเรียน
ทั้งนี้วอชิงตันโพสต์รายงานเพิ่มเติมว่า พานในระดับมัธยมศึกษาถูกเลี้ยงดูด้วยความเข้มงวดและจำกัดเหมือนเช่นเด็กเอเชียชาติอื่นๆ เป็นต้นว่า ไทย และญี่ปุ่น ที่นอกจากห้ามไม่ให้ไปร่วมงาน party สังสรรค์กับบรรดาเพื่อนคนอื่นๆในวัยเดียวกันทั้งๆที่เธออาศัยอยู่ในสังคมโลกตะวันตกที่เสรี Karen Ho เพื่อนร่วมโรงเรียนมัธยมของเธอกล่าวว่า แม้ Pan จะมีอายุเกือบ 22ปีแล้ว แต่เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ไป party ในกลุ่มเพื่อน หรือหากมีกิจกรรมที่ต้องทำ เธอต้องไปพร้อมกับผู้ปกครองทุกครั้ง
และแน่นอนที่สุดสื่ออสเตรเลียชี้ว่า ทั้ง Huei Hann Pan และ Bich Ha Pan ห้ามไม่ให้พานออกเดตกับเพื่อนชาย โดยเธอต้องตั้งหน้าตั้งตาเรียนพิเศษภาคค่ำ และยังไม่รวมถึงกิจกรรมเสริมอื่นๆเพื่อให้เธอมีความโดดเด่นกว่าเด็กอื่นๆเป็นต้นว่า ฟิกเกอร์สเกต เล่นเปียโน ศิลปะป้องกันตัว และว่ายน้ำ เป็นต้น
ดังนั้นการได้ยินจากปากของพานว่า เธอไม่ได้เป็นนักเรียนเกรดเฉลี่ย 4.00 อย่างที่เคยโกหกเรื่อยมา ทำให้ความรู้สึกของ Huei Hann Pan และ Bich Ha Pan พ่อแม่ที่ต้องลี้ภัยทางการเมืองเข้ามาแคนาดาในปี 1979 และต้องอยู่อย่างยากลำบากในสังคมใหม่ นั้นผิดหวังอย่างรุนแรงที่รับทราบความจริงในตอนท้าย