การเลือกโบรกเกอร์ Forex ในปัจจุบัน มีหลายปัจจัย โดยคนที่พึ่งเริ่มต้นลงทุนในตลาดนี้ มักเลือกโบรกที่มีค่าธรรมเนียม หรือค่าสเปรดต่ำ นั้นก็ไม่แปลกเพราะค่าดำเนินการเหล่านี้ จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มกำไรให้กับเรา แต่ผมอยากเตือนกับเทรดเดอร์หลาย ๆ ท่านถึงความปลอดภัยของการเลือกโบรกเกอร์
สิ่งที่ใครหลาย ๆ คนละเลย คือ ใบอนุญาตการดำเนินกิจการของโบรกเกอร์
ใบอนุญาตโบรกเกอร์ (Broker License) คือใบที่อนุญาตให้โบรกเกอร์สามารถให้บริการการซื้อขายสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้ และใบอนุญาตจะออกโดยหน่วยงานทางการเงินของแต่ละประเทศ ซึ่งการออก License จะมีความเข้มงวด และมาตรการกำกับดูแลแตกต่างกันไป อีกทั้งยัง เป็นตัวชี้วัดความมั่นคงทางการเงินของโบรกเกอร์อีกด้วย ยกตัวอย่าง ใบอนุญาต FCA (Financial Conduct Authority) ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นใบอนุญาตที่มีมาตรฐานที่สูงสุด ณ ตอนนี้
1. ใบอนุญาต FCA ให้ความคุ้มครองได้จริงหรือไม่ ?
การกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน หน่วยงานกำกับดูแล FCA ของสหราชอาณาจักร ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ออกใบอนุญาตยากที่สุด หากโบรกเกอร์ที่มี FCA ก็แสดงถึงการดำเนินการที่มีมาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ และปลอดภัยสูง นอกจากนี้ จะได้รับการคุ้มครอง หากโบรกเกอร์ล้มละลาย ท่านสามารถอ่านการชดเชยของหน่วยงาน FCA เพิ่มเติมได้ที่ :
https://ppantip.com/topic/43145482
ที่นี้เรามาดูข้อกำหนดของการยื่นขอใบอนุญาต เพื่อให้ได้รับกำกับดูแลเต็มรูปแบบจาก FCA โบรกเกอร์ต้องผ่านเงื่อนไขที่ ดังนี้:
-ค่าธรรมเนียมการสมัคร : 12,500 - 730,000 ปอนด์
-เงินประกัน : เงินประกันอย่างน้อย 2,000,000 ปอนด์
-ค่าธรรมเนียมประจำปี : กำหนดโดย FCA
-ระยะเวลาในการสมัคร : ขั้นต่ำ 2 ปี
-ตรวจสอบคุณสมบัติโบรกเกอร์ : รวมถึงตรวจสอบเส้นทางการเงิน
ข้อกำหนด 5 ข้อนี้ก็ยากแล้ว และยิ่งไปกว่านั้น FCA ยังทำการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องทุกปี หากโบรกเกอร์ใดไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดได้ ก็จะถูกถอนใบอนุญาต
นอกจาก ใบอนุญาต FCA จะช่วยรับประกันความปลอดภัยในการลงทุนแล้ว คุณยังได้รับราคาดีที่ดีกว่าถึง 85% หากเทียบกับราคาค่าเฉลี่ยของตลาด
เพราะ การมี License FCA มีโอกาสร่วมมือกับสถาบันการเงินชั้นนำอย่าง ธนาคารชั้น JPMorgan ,UBS และอื่น ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มสภาพคล่องและลดปัญหา Slippage และ Spread ลงได้อย่างมาก ยกตัวอย่าง โบรกเกอร์ EBC ที่ได้รับใบอนุญาตจาก FCA ร่วมถึงมีผู้ให้บริการสภาพคล่องกว่า 36 แห่ง
2. FCA สู่การร่วมมือของธนาคารยักษ์ใหญ่
ในโลกการเงินยุคปัจจุบัน การดูแลและการแยกเงินทุนของนักลงทุน ออกจากเงินทุนของแพลตฟอร์ม เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงของผู้ใช้บริการ อีกทั้ง หน่วยงานกำกับดูแล FCA จะเป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างโบรกเกอร์กับธนาคาร ทำให้สามารถเข้าร่วมกับธนาคารที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อการคุ้มครองเงินทุนของนักลงทุน
2.1 ข้อกำหนดในการดูแลเงินทุน
FCA ใช้ข้อกำหนด CASS (Client Assets Sourcebook) ซึ่งกำหนดให้โบรกเกอร์ต้องแยกเงินทุนของผู้ใช้งานออกจากเงินทุนของโบรกเกอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเข้าถึงเงินทุนโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่า เงินทุนจะได้รับการปกป้องจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการบริหารจัดการทางการเงินของโบรกเกอร์
2.2 ความปลอดภัยจากการตรวจสอบของธนาคาร
FCA ไม่เพียงแต่ควบคุมโบรกเกอร์ แต่ยังควบคุมการทำงานของธนาคาร ที่ดูแลเงินทุนของนักลงทุนอีกด้วยธนาคารจะต้องตรวจสอบเงินทุนของนักลงทุนที่ฝากไว้กับโบรกเกอร์ และรายงานการตรวจสอบต่อหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งช่วยเสริมความปลอดภัยและความโปร่งใสในกระบวนการทางการเงิน
นอกจากนี้ ธนาคารที่มีความน่าเชื่อถือและอยู่ภายใต้ข้อบังคับที่เข้มงวด จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยของเงินทุน โดยธนาคารระดับโลกที่ปฏิบัติตามข้อบังคับของข้อตกลง Basel เช่น Barclays Bank หรือ JPMorgan จะมีการสำรองเงินเพื่อรองรับความเสี่ยงจากเหตุการณ์ทางการเงิน ซึ่งมีระดับความปลอดภัยสูงถึง AAA
2.3 ความแตกต่างของธนาคารในการดูแลเงินทุน
การเลือกธนาคารที่ดูแลเงินทุนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะธนาคารที่มีระดับเครดิตต่ำกว่า อาจไม่สามารถรองรับความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในกรณีของการถอนเงินจำนวนมาก อาจเกิดความเสี่ยงทางการเงินได้
ใบอนุญาต FCA เหมือนใบเบิกทาง ทำให้โบรกเกอร์ได้ร่วมมือกับธนาคารชั้นนำ ระดับ AAA ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยของการทำธุรกรรมเป็นอย่างมาก
3. FCA กับการคุ้มครองความเสี่ยง
การคุ้มครองความเสี่ยงเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม FCA นอกจากมีมาตรการที่เข้มงวดในการกำกับดูแลโบรกเกอร์แล้ว ยังมีการคุ้มครองที่ครอบคลุม หากโบรกเกอร์นั้นเกิดล้มละลาย หรือเกิดความผิดพลาดจากตัวแพลตฟอร์ม
3.1 แผนการชดเชย FSCS
กองทุน FSCS (Financial Services Compensation Scheme) เป็นแผนการคุ้มครองความเสี่ยงที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้บริการได้รับการชดเชย ในกรณีที่แพลตฟอร์มเกิดการล้มละลายหรือการดำเนินที่ผิดพลาด ตั้งแต่ปี 2001 FSCS ได้จ่ายชดเชยให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เหล่านี้รวมแล้วกว่า 5.5 พันล้านปอนด์ และมีการคุ้มครองผู้ใช้งานหลายล้านคนทั่วโลก
การคุ้มครองของกองทุน FSCS ให้การชดเชยสูงสุดถึง 85,000 ปอนด์ แต่คุณจำเป็นต้องเปิดบัญชี FCA กับทางโบรกเกอร์ก่อน หากต้องการเปิดบัญชี FCA สามารถเปิดได้ที่ :
https://www.ebc.com/th/FCA
หมายเหตุ: การคุ้มครองนี้จะครอบคลุมเฉพาะบริษัทที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ FCA เท่านั้น หากคุณเทรดกับแพลตฟอร์มที่ไม่ได้รับการกำกับดูแลจริง อาจทำให้คุณไม่สามารถเข้าถึงการคุ้มครองตามแผนการชดเชยนี้ได้
3.2 ประกัน PI (Professional Indemnity Insurance)
FCA ของสหราชอาณาจักร เป็นหน่วยงานกำกับดูแลแห่งแรกที่บังคับให้โบรกเกอร์ต้องมีประกัน PI (Professional Indemnity Insurance) ซึ่งเป็นการประกันความเสี่ยงจากความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินการของโบรกเกอร์เอง เช่น การให้ข้อมูลที่ผิดพลาดหรือการดำเนินการที่ไม่เหมาะสม
การมี ประกัน PI ถือเป็นมาตรการสำคัญที่เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะในกรณีที่แพลตฟอร์มเกิดปัญหาในการดำเนินการหรือผิดพลาดในการให้บริการประกัน PI จะช่วยให้ผู้ใช้บริการได้รับการชดเชยจากการสูญเสียที่เกิดขึ้น
ปัจจุบัน FCA กำหนดให้แพลตฟอร์มต้องมีประกัน PI โดยมีจำนวนความคุ้มครองขั้นต่ำ 1 ล้านปอนด์ หากต่ำกว่านี้แพลตฟอร์มจะไม่สามารถดำเนินการได้ตามข้อกำหนดของ
3.3 การตรวจสอบการเคลื่อนไหวของเงินทุนและการปฏิบัติตามข้อกำหนด
หน่วยงาน FCA ไม่เพียงแต่กำหนดข้อบังคับให้กับโบรกเกอร์ แต่ยังมีการตรวจสอบเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของเงินทุน และการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัย เช่น การตรวจสอบการทำธุรกรรมที่ผิดปกติและอาจมีความเสี่ยง เพื่อให้แน่ใจว่า เส้นทางการเงินยังคงดำเนินการภายใต้ข้อบังคับที่เหมาะสม
การดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด อาจส่งผลให้โบรกเกอร์ถูกลงโทษหรือถอนใบอนุญาตการดำเนินงานออกไป
การเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลที่ได้มาตรฐานจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ต่าง ๆ แพลตฟอร์มที่ได้รับการกำกับดูแลโดยหน่วยงานที่มีชื่อเสียง เช่น FCA จะมีกระบวนการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ และมีมาตรการคุ้มครองที่เข้มงวด ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถเทรดได้อย่างมั่นใจ
ปัจจุบัน หน่วยงานกำกับดูแลระดับสูง ได้มีการพัฒนาและนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ในการกำกับดูแลโบรกเกอร์ ซึ่งการเลือกแพลตฟอร์มที่ได้รับการกำกับดูแลอย่างถูกต้องตามมาตรฐานเหล่านี้ จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการลงทุนของคุณได้
หน่วยงาน FCA ให้การคุ้มครองอะไรบ้าง?
สิ่งที่ใครหลาย ๆ คนละเลย คือ ใบอนุญาตการดำเนินกิจการของโบรกเกอร์
ใบอนุญาตโบรกเกอร์ (Broker License) คือใบที่อนุญาตให้โบรกเกอร์สามารถให้บริการการซื้อขายสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้ และใบอนุญาตจะออกโดยหน่วยงานทางการเงินของแต่ละประเทศ ซึ่งการออก License จะมีความเข้มงวด และมาตรการกำกับดูแลแตกต่างกันไป อีกทั้งยัง เป็นตัวชี้วัดความมั่นคงทางการเงินของโบรกเกอร์อีกด้วย ยกตัวอย่าง ใบอนุญาต FCA (Financial Conduct Authority) ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นใบอนุญาตที่มีมาตรฐานที่สูงสุด ณ ตอนนี้
1. ใบอนุญาต FCA ให้ความคุ้มครองได้จริงหรือไม่ ?
การกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน หน่วยงานกำกับดูแล FCA ของสหราชอาณาจักร ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ออกใบอนุญาตยากที่สุด หากโบรกเกอร์ที่มี FCA ก็แสดงถึงการดำเนินการที่มีมาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ และปลอดภัยสูง นอกจากนี้ จะได้รับการคุ้มครอง หากโบรกเกอร์ล้มละลาย ท่านสามารถอ่านการชดเชยของหน่วยงาน FCA เพิ่มเติมได้ที่ : https://ppantip.com/topic/43145482
ที่นี้เรามาดูข้อกำหนดของการยื่นขอใบอนุญาต เพื่อให้ได้รับกำกับดูแลเต็มรูปแบบจาก FCA โบรกเกอร์ต้องผ่านเงื่อนไขที่ ดังนี้:
-ค่าธรรมเนียมการสมัคร : 12,500 - 730,000 ปอนด์
-เงินประกัน : เงินประกันอย่างน้อย 2,000,000 ปอนด์
-ค่าธรรมเนียมประจำปี : กำหนดโดย FCA
-ระยะเวลาในการสมัคร : ขั้นต่ำ 2 ปี
-ตรวจสอบคุณสมบัติโบรกเกอร์ : รวมถึงตรวจสอบเส้นทางการเงิน
ข้อกำหนด 5 ข้อนี้ก็ยากแล้ว และยิ่งไปกว่านั้น FCA ยังทำการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องทุกปี หากโบรกเกอร์ใดไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดได้ ก็จะถูกถอนใบอนุญาต
นอกจาก ใบอนุญาต FCA จะช่วยรับประกันความปลอดภัยในการลงทุนแล้ว คุณยังได้รับราคาดีที่ดีกว่าถึง 85% หากเทียบกับราคาค่าเฉลี่ยของตลาด
เพราะ การมี License FCA มีโอกาสร่วมมือกับสถาบันการเงินชั้นนำอย่าง ธนาคารชั้น JPMorgan ,UBS และอื่น ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มสภาพคล่องและลดปัญหา Slippage และ Spread ลงได้อย่างมาก ยกตัวอย่าง โบรกเกอร์ EBC ที่ได้รับใบอนุญาตจาก FCA ร่วมถึงมีผู้ให้บริการสภาพคล่องกว่า 36 แห่ง
2. FCA สู่การร่วมมือของธนาคารยักษ์ใหญ่
ในโลกการเงินยุคปัจจุบัน การดูแลและการแยกเงินทุนของนักลงทุน ออกจากเงินทุนของแพลตฟอร์ม เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงของผู้ใช้บริการ อีกทั้ง หน่วยงานกำกับดูแล FCA จะเป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างโบรกเกอร์กับธนาคาร ทำให้สามารถเข้าร่วมกับธนาคารที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อการคุ้มครองเงินทุนของนักลงทุน
2.1 ข้อกำหนดในการดูแลเงินทุน
FCA ใช้ข้อกำหนด CASS (Client Assets Sourcebook) ซึ่งกำหนดให้โบรกเกอร์ต้องแยกเงินทุนของผู้ใช้งานออกจากเงินทุนของโบรกเกอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเข้าถึงเงินทุนโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่า เงินทุนจะได้รับการปกป้องจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการบริหารจัดการทางการเงินของโบรกเกอร์
2.2 ความปลอดภัยจากการตรวจสอบของธนาคาร
FCA ไม่เพียงแต่ควบคุมโบรกเกอร์ แต่ยังควบคุมการทำงานของธนาคาร ที่ดูแลเงินทุนของนักลงทุนอีกด้วยธนาคารจะต้องตรวจสอบเงินทุนของนักลงทุนที่ฝากไว้กับโบรกเกอร์ และรายงานการตรวจสอบต่อหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งช่วยเสริมความปลอดภัยและความโปร่งใสในกระบวนการทางการเงิน
นอกจากนี้ ธนาคารที่มีความน่าเชื่อถือและอยู่ภายใต้ข้อบังคับที่เข้มงวด จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยของเงินทุน โดยธนาคารระดับโลกที่ปฏิบัติตามข้อบังคับของข้อตกลง Basel เช่น Barclays Bank หรือ JPMorgan จะมีการสำรองเงินเพื่อรองรับความเสี่ยงจากเหตุการณ์ทางการเงิน ซึ่งมีระดับความปลอดภัยสูงถึง AAA
2.3 ความแตกต่างของธนาคารในการดูแลเงินทุน
การเลือกธนาคารที่ดูแลเงินทุนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะธนาคารที่มีระดับเครดิตต่ำกว่า อาจไม่สามารถรองรับความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในกรณีของการถอนเงินจำนวนมาก อาจเกิดความเสี่ยงทางการเงินได้
ใบอนุญาต FCA เหมือนใบเบิกทาง ทำให้โบรกเกอร์ได้ร่วมมือกับธนาคารชั้นนำ ระดับ AAA ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยของการทำธุรกรรมเป็นอย่างมาก
3. FCA กับการคุ้มครองความเสี่ยง
การคุ้มครองความเสี่ยงเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม FCA นอกจากมีมาตรการที่เข้มงวดในการกำกับดูแลโบรกเกอร์แล้ว ยังมีการคุ้มครองที่ครอบคลุม หากโบรกเกอร์นั้นเกิดล้มละลาย หรือเกิดความผิดพลาดจากตัวแพลตฟอร์ม
3.1 แผนการชดเชย FSCS
กองทุน FSCS (Financial Services Compensation Scheme) เป็นแผนการคุ้มครองความเสี่ยงที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้บริการได้รับการชดเชย ในกรณีที่แพลตฟอร์มเกิดการล้มละลายหรือการดำเนินที่ผิดพลาด ตั้งแต่ปี 2001 FSCS ได้จ่ายชดเชยให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เหล่านี้รวมแล้วกว่า 5.5 พันล้านปอนด์ และมีการคุ้มครองผู้ใช้งานหลายล้านคนทั่วโลก
การคุ้มครองของกองทุน FSCS ให้การชดเชยสูงสุดถึง 85,000 ปอนด์ แต่คุณจำเป็นต้องเปิดบัญชี FCA กับทางโบรกเกอร์ก่อน หากต้องการเปิดบัญชี FCA สามารถเปิดได้ที่ :https://www.ebc.com/th/FCA
หมายเหตุ: การคุ้มครองนี้จะครอบคลุมเฉพาะบริษัทที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ FCA เท่านั้น หากคุณเทรดกับแพลตฟอร์มที่ไม่ได้รับการกำกับดูแลจริง อาจทำให้คุณไม่สามารถเข้าถึงการคุ้มครองตามแผนการชดเชยนี้ได้
3.2 ประกัน PI (Professional Indemnity Insurance)
FCA ของสหราชอาณาจักร เป็นหน่วยงานกำกับดูแลแห่งแรกที่บังคับให้โบรกเกอร์ต้องมีประกัน PI (Professional Indemnity Insurance) ซึ่งเป็นการประกันความเสี่ยงจากความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินการของโบรกเกอร์เอง เช่น การให้ข้อมูลที่ผิดพลาดหรือการดำเนินการที่ไม่เหมาะสม
การมี ประกัน PI ถือเป็นมาตรการสำคัญที่เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะในกรณีที่แพลตฟอร์มเกิดปัญหาในการดำเนินการหรือผิดพลาดในการให้บริการประกัน PI จะช่วยให้ผู้ใช้บริการได้รับการชดเชยจากการสูญเสียที่เกิดขึ้น
ปัจจุบัน FCA กำหนดให้แพลตฟอร์มต้องมีประกัน PI โดยมีจำนวนความคุ้มครองขั้นต่ำ 1 ล้านปอนด์ หากต่ำกว่านี้แพลตฟอร์มจะไม่สามารถดำเนินการได้ตามข้อกำหนดของ
3.3 การตรวจสอบการเคลื่อนไหวของเงินทุนและการปฏิบัติตามข้อกำหนด
หน่วยงาน FCA ไม่เพียงแต่กำหนดข้อบังคับให้กับโบรกเกอร์ แต่ยังมีการตรวจสอบเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของเงินทุน และการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัย เช่น การตรวจสอบการทำธุรกรรมที่ผิดปกติและอาจมีความเสี่ยง เพื่อให้แน่ใจว่า เส้นทางการเงินยังคงดำเนินการภายใต้ข้อบังคับที่เหมาะสม
การดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด อาจส่งผลให้โบรกเกอร์ถูกลงโทษหรือถอนใบอนุญาตการดำเนินงานออกไป
การเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลที่ได้มาตรฐานจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ต่าง ๆ แพลตฟอร์มที่ได้รับการกำกับดูแลโดยหน่วยงานที่มีชื่อเสียง เช่น FCA จะมีกระบวนการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ และมีมาตรการคุ้มครองที่เข้มงวด ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถเทรดได้อย่างมั่นใจ
ปัจจุบัน หน่วยงานกำกับดูแลระดับสูง ได้มีการพัฒนาและนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ในการกำกับดูแลโบรกเกอร์ ซึ่งการเลือกแพลตฟอร์มที่ได้รับการกำกับดูแลอย่างถูกต้องตามมาตรฐานเหล่านี้ จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการลงทุนของคุณได้