คำถามแรกของคนที่อยากลงทุนฟอเร็กซ์ คือ จะเลือกโบรกเกอร์ยังไง? ในตลาดมีโบรกเกอร์เต็มไปหมดเลือกลงทุนกับที่ไหนดี เชื่อถือได้ไหม ฯลฯ ปัญหามากมายที่ทำให้กลัวและไม่มั่นใจที่จะเริ่มลงทุน ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนจะรู้สึกแบบนี้ แต่วันนี้จะมาช่วยแนะนำกี่จ้อที่สามารถช่วยให้เราพิจารณาเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะกับเราและน่าเชื่อถือกับเราได้ เพราะทุกคนที่ลงทุนก็อยากได้สิ่งที่ดีที่สุด ผลกำไรที่สูงที่สุดทุกคน ที่สำคัญความปลอดภัยต้องสูงเพราะการลงทุนมาพร้อมกับความเสี่ยงอยู่แล้ว
ต้องพูดก่อนก้าวแรกนั้นสำคัญ การเลือกโบรกเกอร์ก็คือก้าวแรกที่จะบอกว่าเราจะไปถึงเป่าหมายที่เราตั้งไว้ไหม
งั้นมาดูกัน 7 ข้อควรรู้ช่วยเลือกโบรกเกอร์ในการลงทุน
1.ดูคุณสมบัติด้านกฎระเบียบ
แพลตฟอร์มหรือโบรกเกอร์ที่มีคุณภาพสูงจะต้องมีคุณสมบัติด้านกฎระเบียบระดับสูงด้วยเหมือนกัน ซึ่งใบอนุญาตที่เรียกว่าได้มายาก และถือว่าเข้มงวด คือ ใบอนุญาต FCA และบัญชี FCA แต่ละบัญชีสามารถรับการรับประกันการชดเชย FSCS สูงถึง 85,000 ปอนด์ แล้วเราจะดูได้ที่ไหน คุณสามารถดูได้ในเว็บไซต์หลักของโบรกเกอร์นั้น ต้องบอกก่อนว่าเราจะเทรดโบรกเกอร์ไหน คุณต้องดูข้อมูลในเว็บไซต์หลักเท่านั้นถึงปลอดภัยที่สุด
ตัวอย่าง โบรกเกอร์ EBC โบรกเกอร์ที่ยังถือว่าใหม่ในไทยแต่ถ้าดูจากเว็บไซต์เขาถือว่าได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานควบคุมหลายแห่งที่เด่นๆเลย คือ ได้รับอนุญาตและควบคุมโดย UK Financial Conduct Authority (FCA) หมายเลขควบคุม: 927552; EBC Financial Group (Australia) Pty Ltd ได้รับอนุญาตและควบคุมโดย Australian Securities and Investments Commission (ASIC) หมายเลข: 500991 การดูใบอนุญาตต้องดูแบบนี้ อย่างละเอียดมีรหัสตรวจสอบได้
2.ดูการดูแลกองทุน
แพลตฟอร์มคุณภาพสูงจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด กองทุนผู้ใช้ถูกจัดขึ้นอย่างอิสระในธนาคารชั้นนำและต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการเปิดเผยข้อมูลการปฏิบัติตามข้อกำหนดและความโปร่งใส
ตัวอย่างเดิมีของ EBC สำหรับบัญชี FCA เงินทุนของผู้ใช้จะถูกโฮสต์อย่างอิสระใน Barclays Bank of the United Kingdom และได้รับการคุ้มครองความปลอดภัยระดับ AAA และ ปฏิบัติตามกฎระเบียบของ CASS อย่างเคร่งครัดและลงนามในจดหมายรับรองเฉพาะเพื่อความปลอดภัยและการแยกเงินทุนของผู้ใช้ และนี่คือวิธีการพิจารณาการจัดเก็บเงินของคุณจากโบรกเกอร์ที่ปลอดภัย
3.ดูการประกันภัย PI
ข้อกำหนดบังคับสำหรับการซื้อประกัน PI และกำหนดระดับขั้นต่ำเพื่อป้องกันผลกระทบของความเสี่ยงที่เป็นระบบต่อผู้ใช้ ตัวอย่างเช่น ใบอนุญาต FCA กำหนดว่าจำนวนเงินประกันขั้นต่ำสำหรับการประกัน PI คือ 1 ล้านปอนด์ และ ASIC ของออสเตรเลียกำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำคือ 2.5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย เป็นต้น
4.ดูสภาพแวดล้อมการซื้อขาย
แพลตฟอร์มคุณภาพสูงต้องมีสภาพแวดล้อมการซื้อขายที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นความเร็วของธุรกรรม สเปรด ต้นทุนธุรกรรม เป็นต้น ล้วนถูกควบคุมในระดับที่สมเหตุสมผล โดยทั่วไปแล้ว สภาพแวดล้อมการซื้อขายที่ดีนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากกับการสร้างซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ของแพลตฟอร์มนั้นๆ รวมถึงการเข้าถึงสภาพคล่อง และสะท้อนให้เห็นโดยตรงที่สุดในการปรับราคาให้เหมาะสมที่สุดด้วย
5.ดูเวลาการฝากเงิน
นอกจากธนาคารผู้ดูแลกองทุนแล้ว ระยะเวลาการฝากและถอนยังสะท้อนถึงระดับความปลอดภัยของเงินทุนเหมือนกัน เมื่อผู้ใช้ส่งยื่นคำร้องฝากหรือถอน เงินจะถูกส่งคืนโดยตรงไปยังบัญชีเดิมผ่านช่องทาง ถ้าส่งคำร้องก่อน 16.00 น. ในวันทำการ โดยปกติจะใช้เวลาไม่นานเกินไป ตามปกติประมาณภายใน 1-2ชม เงินก็จะเข้าบัญชี เช่น EBC ส่งใบฝากถอนก่อนเวลา 16:00 น. ในวันทำการ การถอนเงินสามารถทำได้อย่างเร็วสุดภายใน 2 ชั่วโมง อันนี้อยู่ในมาตราฐานปานกลาง ปกติ แต่ฝากรวดเร็ว 10 นาที เป็นต้นแต่บางทีบางแพลตฟอร์มอาจจะใช้เวลาเป็นวัน ในเกณฑ์ทั่วไป การฝากและถอนเงินจะเสร็จสิ้นภายใน 1-3 วันทำการ อันนี้ยังถือว่าอยู่ในช่วงปกติ
6.ดูการบริการลูกค้า
การบริการลูกค้าที่ดีสะท้อนถึงวัฒนธรรมของแบรนด์และความจริงใจต่อผู้ใช้ สำหรับวงการนี้ความซื่อสัตย์นั้นต้องมาอันดับ 1 แพลตฟอร์มคุณภาพสูงมักจะตอบสนองต่อความต้องการที่สมเหตุสมผลของผู้ใช้และให้คำตอบทันเวลา ให้ความสำคัญกับทุกปัญหาที่ผู้ใช้พบในการทำธุรกรรม ตัวอย่างเช่น ไม่ว่าจะเป็น EX Exness GIM FXpro EBC ฯลฯ โบรกเกอร์ดังๆทั้งหลายล้วนมีทีมงานบริการเชี่ยวชาญระดับมืออาชีพที่สามารถให้การช่วยเหลือบริการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้แบบรวดเร็วทันใจ
7.ดูการสนับสนุนการทำธุรกรรม
แม้ว่าสภาพแวดล้อมในการเทรดจะเป็นพื้นฐานของประสบการณ์การเทรดที่ดี แต่ในการเทรดจริง เนื่องจากความแตกต่างในขั้นตอนและระดับการเทรดของเทรดเดอร์ การสนับสนุนการเทรดและทรัพยากรทางการศึกษาที่แพลตฟอร์มมอบให้จะมีบทบาทสำคัญมาก
ซึ่งในทางกลับกัน เนื่องจากการพัฒนาของการซื้อขายความถี่สูงและการซื้อขาย EA ผู้ใช้จำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงเครื่องมือที่ทันสมัยได้โดยตรง ดังนั้นแพลตฟอร์มจึงมีบทบาทเป็นแนวทางในเวลานี้ โดยปกติแล้วมีเพียงแพลตฟอร์มที่ค่อนข้างแข็งแกร่งเท่านั้นที่สามารถให้การสนับสนุนเครื่องมือได้อย่างเพียงพอ
สุดท้ายก็ยังคงอยากแนะนำเพื่อนๆนักลงทุนให้ลงทุนอย่างมีสตินะคะ หวังว่าข้อความด้านบนจะช่วยไขข้อกระจ่างได้บ้าง ผิดพลาดประการไดขออภัยและสามารถพูดคุยกันได้ค่ะ แล้วพบกัยใหม่กับ Love Trade
ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงการสรุปเบื่องต้นจาก ปสก.ปละอยากจะแชร์เพื่อเป็นความรู้แก่ผู้นักลงทุนมือใหม่
คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยงสูงต้องมีความรู้พื้นฐานในการลงทุนแล้วแพลตฟอร์มเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียเงินทุนของคุณ
7 ข้อควรรู้ช่วยเลือกโบรกเกอร์ในการลงทุน
ต้องพูดก่อนก้าวแรกนั้นสำคัญ การเลือกโบรกเกอร์ก็คือก้าวแรกที่จะบอกว่าเราจะไปถึงเป่าหมายที่เราตั้งไว้ไหม
งั้นมาดูกัน 7 ข้อควรรู้ช่วยเลือกโบรกเกอร์ในการลงทุน
1.ดูคุณสมบัติด้านกฎระเบียบ
แพลตฟอร์มหรือโบรกเกอร์ที่มีคุณภาพสูงจะต้องมีคุณสมบัติด้านกฎระเบียบระดับสูงด้วยเหมือนกัน ซึ่งใบอนุญาตที่เรียกว่าได้มายาก และถือว่าเข้มงวด คือ ใบอนุญาต FCA และบัญชี FCA แต่ละบัญชีสามารถรับการรับประกันการชดเชย FSCS สูงถึง 85,000 ปอนด์ แล้วเราจะดูได้ที่ไหน คุณสามารถดูได้ในเว็บไซต์หลักของโบรกเกอร์นั้น ต้องบอกก่อนว่าเราจะเทรดโบรกเกอร์ไหน คุณต้องดูข้อมูลในเว็บไซต์หลักเท่านั้นถึงปลอดภัยที่สุด
ตัวอย่าง โบรกเกอร์ EBC โบรกเกอร์ที่ยังถือว่าใหม่ในไทยแต่ถ้าดูจากเว็บไซต์เขาถือว่าได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานควบคุมหลายแห่งที่เด่นๆเลย คือ ได้รับอนุญาตและควบคุมโดย UK Financial Conduct Authority (FCA) หมายเลขควบคุม: 927552; EBC Financial Group (Australia) Pty Ltd ได้รับอนุญาตและควบคุมโดย Australian Securities and Investments Commission (ASIC) หมายเลข: 500991 การดูใบอนุญาตต้องดูแบบนี้ อย่างละเอียดมีรหัสตรวจสอบได้
2.ดูการดูแลกองทุน
แพลตฟอร์มคุณภาพสูงจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด กองทุนผู้ใช้ถูกจัดขึ้นอย่างอิสระในธนาคารชั้นนำและต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการเปิดเผยข้อมูลการปฏิบัติตามข้อกำหนดและความโปร่งใส
ตัวอย่างเดิมีของ EBC สำหรับบัญชี FCA เงินทุนของผู้ใช้จะถูกโฮสต์อย่างอิสระใน Barclays Bank of the United Kingdom และได้รับการคุ้มครองความปลอดภัยระดับ AAA และ ปฏิบัติตามกฎระเบียบของ CASS อย่างเคร่งครัดและลงนามในจดหมายรับรองเฉพาะเพื่อความปลอดภัยและการแยกเงินทุนของผู้ใช้ และนี่คือวิธีการพิจารณาการจัดเก็บเงินของคุณจากโบรกเกอร์ที่ปลอดภัย
3.ดูการประกันภัย PI
ข้อกำหนดบังคับสำหรับการซื้อประกัน PI และกำหนดระดับขั้นต่ำเพื่อป้องกันผลกระทบของความเสี่ยงที่เป็นระบบต่อผู้ใช้ ตัวอย่างเช่น ใบอนุญาต FCA กำหนดว่าจำนวนเงินประกันขั้นต่ำสำหรับการประกัน PI คือ 1 ล้านปอนด์ และ ASIC ของออสเตรเลียกำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำคือ 2.5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย เป็นต้น
4.ดูสภาพแวดล้อมการซื้อขาย
แพลตฟอร์มคุณภาพสูงต้องมีสภาพแวดล้อมการซื้อขายที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นความเร็วของธุรกรรม สเปรด ต้นทุนธุรกรรม เป็นต้น ล้วนถูกควบคุมในระดับที่สมเหตุสมผล โดยทั่วไปแล้ว สภาพแวดล้อมการซื้อขายที่ดีนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากกับการสร้างซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ของแพลตฟอร์มนั้นๆ รวมถึงการเข้าถึงสภาพคล่อง และสะท้อนให้เห็นโดยตรงที่สุดในการปรับราคาให้เหมาะสมที่สุดด้วย
5.ดูเวลาการฝากเงิน
นอกจากธนาคารผู้ดูแลกองทุนแล้ว ระยะเวลาการฝากและถอนยังสะท้อนถึงระดับความปลอดภัยของเงินทุนเหมือนกัน เมื่อผู้ใช้ส่งยื่นคำร้องฝากหรือถอน เงินจะถูกส่งคืนโดยตรงไปยังบัญชีเดิมผ่านช่องทาง ถ้าส่งคำร้องก่อน 16.00 น. ในวันทำการ โดยปกติจะใช้เวลาไม่นานเกินไป ตามปกติประมาณภายใน 1-2ชม เงินก็จะเข้าบัญชี เช่น EBC ส่งใบฝากถอนก่อนเวลา 16:00 น. ในวันทำการ การถอนเงินสามารถทำได้อย่างเร็วสุดภายใน 2 ชั่วโมง อันนี้อยู่ในมาตราฐานปานกลาง ปกติ แต่ฝากรวดเร็ว 10 นาที เป็นต้นแต่บางทีบางแพลตฟอร์มอาจจะใช้เวลาเป็นวัน ในเกณฑ์ทั่วไป การฝากและถอนเงินจะเสร็จสิ้นภายใน 1-3 วันทำการ อันนี้ยังถือว่าอยู่ในช่วงปกติ
6.ดูการบริการลูกค้า
การบริการลูกค้าที่ดีสะท้อนถึงวัฒนธรรมของแบรนด์และความจริงใจต่อผู้ใช้ สำหรับวงการนี้ความซื่อสัตย์นั้นต้องมาอันดับ 1 แพลตฟอร์มคุณภาพสูงมักจะตอบสนองต่อความต้องการที่สมเหตุสมผลของผู้ใช้และให้คำตอบทันเวลา ให้ความสำคัญกับทุกปัญหาที่ผู้ใช้พบในการทำธุรกรรม ตัวอย่างเช่น ไม่ว่าจะเป็น EX Exness GIM FXpro EBC ฯลฯ โบรกเกอร์ดังๆทั้งหลายล้วนมีทีมงานบริการเชี่ยวชาญระดับมืออาชีพที่สามารถให้การช่วยเหลือบริการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้แบบรวดเร็วทันใจ
7.ดูการสนับสนุนการทำธุรกรรม
แม้ว่าสภาพแวดล้อมในการเทรดจะเป็นพื้นฐานของประสบการณ์การเทรดที่ดี แต่ในการเทรดจริง เนื่องจากความแตกต่างในขั้นตอนและระดับการเทรดของเทรดเดอร์ การสนับสนุนการเทรดและทรัพยากรทางการศึกษาที่แพลตฟอร์มมอบให้จะมีบทบาทสำคัญมาก
ซึ่งในทางกลับกัน เนื่องจากการพัฒนาของการซื้อขายความถี่สูงและการซื้อขาย EA ผู้ใช้จำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงเครื่องมือที่ทันสมัยได้โดยตรง ดังนั้นแพลตฟอร์มจึงมีบทบาทเป็นแนวทางในเวลานี้ โดยปกติแล้วมีเพียงแพลตฟอร์มที่ค่อนข้างแข็งแกร่งเท่านั้นที่สามารถให้การสนับสนุนเครื่องมือได้อย่างเพียงพอ
สุดท้ายก็ยังคงอยากแนะนำเพื่อนๆนักลงทุนให้ลงทุนอย่างมีสตินะคะ หวังว่าข้อความด้านบนจะช่วยไขข้อกระจ่างได้บ้าง ผิดพลาดประการไดขออภัยและสามารถพูดคุยกันได้ค่ะ แล้วพบกัยใหม่กับ Love Trade
ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงการสรุปเบื่องต้นจาก ปสก.ปละอยากจะแชร์เพื่อเป็นความรู้แก่ผู้นักลงทุนมือใหม่
คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยงสูงต้องมีความรู้พื้นฐานในการลงทุนแล้วแพลตฟอร์มเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียเงินทุนของคุณ