ด้วยความที่เราก็ไม่ใช่คนใช้โทรศัพท์อะไรมากมายก็แค่ใช้แบบพอตัว ราคาก็อยู่ช่วง 299.-   ซึ่งกำหนดวันหมดอายุโปรก็ไม่ค่อยจะได้ใส่ใจมาก (บทเรียนสำคัญเลย) ปลายปี 58 (ช่วงเดือน ธ.ค.58) ก็ไปซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ จะได้ราคาถูกหน่อย ก็ต้องผูกกับโปร AIS 299.- บาทขึ้นไป (เพราะใช้แต่ AIS ก็เลยเลือกแบบนี้) ก็คุยกับพนักงานที่ขายเครื่องเค้าก็บอกว่าใช้โปรเดิมที่ใช้อยู่ได้ ไม่มีปัญหา ก็ตัดสินใจซื้อและเซ็นต์สัญญาว่าจะไม่เปลี่ยนโปรใหม่ภายในระยะเวลา 12 เดือน (กลายเป็นเราเปลี่ยนโปรไม่ได้ แต่ AIS เปลี่ยนโปรให้เราได้ซะงั้น)  
     พอมาถึงเดือน พ.ย. 59 ได้รับใบแจ้งหนี้ล่าสุดปรากฏว่าค่าบริการที่ต้องชำระคือ 640.93 บาท คืองง??? โทรเข้า Call Center ก็ได้รับแจ้งว่า เป็นเพราะว่าเราไม่ติดต่อโทรไปขอต่อโปรโมชั่นเดิม ทางระบบเลยเปลี่ยนแปลงเป็นโปรราคา 599.-บาทให้ (อั้ยย่ะได้มาซะแพง)     กว่าจะรู้ตัวก็โดนมา 2 รอบบิลล่ะ (รอบบิลก่อนหน้าเดือน ต.ค.59 และรอบบิลปัจจุบัน พ.ย.59) แต่ทาง Call Center ช่วยได้คือทำเรื่องให้ใช้โปรเดิมได้ในรอบบิลถัดไปก็ ธ.ค.59  (อืม สรุปคือต้องจ่าย 640.93 บาท 2 รอบบิลรึนี่)  
ทาง Call Center แจ้งว่าได้ส่งแจ้งมาในใบแจ้งหนี้แล้ว  (ความผิดที่ 1 คือไม่ได้อ่าน)  และทางระบบมีหลักฐานว่าได้ส่ง SMS มาแจ้งล่วงหน้าแล้ว 1 เดือน (ความผิดที่ 2 สิไม่ได้อ่าน SMS (แต่จริง ๆ แล้วคือเครื่องโทรศัพท์ค้างไปล้างมา ข้อมูลหายเรียบ...พูดไปมีแต่เทวดาที่จะเชื่อ))  หลักฐานเค้ามีแน่นหนามาก  สรุปแล้วยังไงก็ตามทาง AIS ก็ยืนยันจะให้จ่ายค่าบริการที่ได้ออกบิลไปแล้ว คือในรอบบิล ต.ค.59 ส่วนในรอบบิลปัจจุบัน จะช่วยทำให้เหลือโปร 299.- บาทตามเดิม โดยใช้คำว่าทำเรื่องให้เป็นกรณีพิเศษ (ขอบคุณมาก ดีมั้ย)

     1.    ในความเป็นจริงบิลที่ออกมาจากบริษัท ของ AIS ไม่สามารถทำลดหนี้ให้กับลูกค้าได้เลยใช่หรือไม่ (นั่นคือบทสรุปที่ทำให้เราต้องจ่ายค่าบริการใหม่ตามราคาที่ทาง AIS จัดเปลี่ยนมาให้)
     2.    กับสัญญาที่เซ็นต์ไปคืออะไร  เอาตัวเราไปผูกกับระบบ AIS แต่ AIS กลับเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง สุดท้ายแล้วทางคนที่ได้แต่ได้ก็มีแต่ AIS

*** ทำได้ก็แค่บ่นสุดท้ายยังไงก็ต้องจ่าย ในเมื่อ AIS ไม่รักษาลูกค้าที่ใช้ค่าบริการรายเดือนอันน้อยนิด ก็คงต้องเป็นเราเองที่ควรจะต้องพิจาณาตัวเองซะที***