ตามหัวกระทู้เลยครับ
อยากรู้จังว่ายังมีคนซ้อมเพื่อลงงานวิ่ง กรุงเทพมาราธอน 2016 อยู่บ้างไหมครับ
** ทำไมถึงถามแบบนี้ เพราะส่วนมาก นักวิ่งปกติวิ่งตามงานอยู่แล้ว แทบไม่ต้องซ้อมมากมาย เหมือนนักวิ่งหน้าใหม่ ก็สามารถไปวิ่งได้
ผมเองก็ไม่ใช่นักวิ่งหน้าใหม่ แต่ก็ไม่ใช่นักวิ่งออกงานเหมือนกัน โดยส่วนตัว ตั้งแต่จำความได้ก็ผูกพันธ์กับการวิ่งมาตลอด
ตั้งแต่ ประถม มัธยม จน จบเทคนิค ก็เป็นนักวิ่งแข่งงานโรงเรียน แต่วิ่งระยะสั้น ไกลสุดก็ 5 กิโล (ซ้อมเอง)
ปัจจุบันก็อายุ 28 แล้ว วิ่งมาตั้งแต่จำความได้ก็น่าจะอายุราวๆ 4-5 ขวบ มาวิ่งระยะไกลจริงจังตอนอายุ 20
ผมซ้อมที่ สถานตากอากาศบางปู (สมุทรปราการ) เป็นประจำ ที่เดียวกับพี่ๆ ชมรมนางนวลบางปู แต่ผมก็ไม่ได้เข้าสังกัดในชมรมนี้
ผมชอบการวิ่งที่อิสระ ตั้งแต่เริ่มหัดวิ่ง มินิมาราธอน ฮาล์ฟมาราธอน จนมาถึง มาราธอน ก็ไม่เคยใช้สังกัดชมรมไหน ไม่เคยอ้างถึงชมรมไหนเลย
เอาจริงๆคือแทบไม่ได้ออกงานอะไรเลย งานแรกคือ งานที่จัดที่ อิมพีเรียลสำโรง ระยะ 13 กิโล งานที่ 2 ตือ ที่ เมืองโบราณ 8 กิโลกว่า
และงานล่าสุดคือ กรุงเทพมาราธอน 2015 ปีนั้นเป็นปีแรกเลยที่ลงระยะ มาราธอน และ เป็นงานวิ่งครั้งที่ 3 ในชีวิต ครั้งแรก 13 โล ครั้งที่สอง 8 โลกว่า ครั้งที่ 3 เล่นขยับไป มาราธอนเลยระยะ 42 กิโล แต่น่าเสียดายที่ปีก่อนซ้อมน้อยไปหน่อย และก็ประหม่าด้วย ออกงานใหญ่ครั้งแรกในชีวิตการวิ่ง แต่ก็จบจนได้ finisher มาจนได้ด้วยเวลา 5 ชม. 40 กว่านาที เข้าก่อน ปู ไปรยา นิดนึง แต่ได้เจอ พี่ตูน บอดี้แสลม ได้ถ่ายรูปด้วย ดีใจมาก 55555 พี่ตูนนี่ my idol เลย ทั้งเรื่องร้องเพลง และ เรื่อง กีฬา
Finisher แรกของผม
เจอพี่ตูนดีใจมาก
ความยากลำบากอย่างนึงของผมก็คือ ผมไม่ชอบการพึ่งพาพลังจากอุปกรณ์สักเท่าไหร่ (หมายถึงรองเท้าหนาๆ สปริงเยอะๆ) ก็เลยใช้ vibram คู่โปรดและคู่เดียวคู่นี้ (ผมมีรองเท้าคู่เดียว) ปัจจุบันก็ยังใส่คู่นี้อยู่ และ พยายามจะพาเจ้าคู่นี้ไปแก้มือใน กรุงเทพมาราธอน 2016 ให้ได้ (ที่จริงต้องแข่งไปแล้วในสัปดาห์ก่อน แต่ก็เลื่อนไป 5 กุมภาพันธ์ 2560)
ตอนนี้เจ้า 5 นิ้วก็เริ่มเยินแล้วไม่ดูสภาพดีเหมือนในรูป มีรูบ้าง มีรุ่ย บ้าง ก็ปะไปบ้าง ที่จริงถ้าเป็นไปได้อยากลองวิ่งเท้าเปล่าไปเลย แต่สถานที่ซ้อมก็ค่อนข้างอันตรายเกินไปหน่อย มีกรวดเม็ดเล็กๆ ซึ่งขนาดใส่ 5 นิ้วที่มีพื้นคอยช่วยกันบาดเจ็บ เวลาวิ่งไปเหยียบหินหรือกรวดก้อนเล็กๆก็มีสะดุ้งอยู่บ้าง ทั้งซ้อมและเวลาไปแข่งก็คู่เดียวนี้เลย อึด ถึก ทนมากๆๆๆ พื้น vibram นี่สุดยอดจริงๆ คอนเฟิร์ม
ปีนี้ก็เช่นกัน ตั้งใจแล้วว่าจะวิ่งกรุงเทพมาราธอน ก็เลยซ้อมๆ เพื่องานกรุงเทพมาราธอนอย่างเดียวเลย ไม่มีไขว้เขวไปไหน 5555 (อันที่จริงค่าใช้จ่ายไปงานวิ่งมันก็มีพอสมควรยิ่งไม่ค่อยรู้จักใครยิ่งลำบาก รถ ก็ไม่มี เงินเดือนก็นิดหน่อย)
ตอนนี้ถ้าได้ลองแข่งคาดว่าสามารถจบก่อน 5 ชม.ได้แน่นอน (ล่าสุดที่ซ้อม 38 กิโลใช้เวลา 4 ชม.ครึ่ง)
ปีก่อนๆเจอทั้งความประหม่า ตื่นเต้น ท้องไส้แปรปรวน ช่วงขึ้นสะพานไป ตั้งแต่กิโลเมตร ที่ 6 ไปถึง กม.ที่ 30 ผมต้องทนกล้ำกลืน กับอาการปวดท้อง (ปวดหนัก) ห้องน้ำก็ช่างเบาบาง เจอแต่ละที่คนก็ต่อแถวกันยาวพอสมควร เลยตัดสินใจไปเรื่อยๆ เดินสลับวิ่งตั้งแต่ กิโลที่ 8 เดินบ้าง วิ่งบ้าง ส่วนใหญ่จะเดินซะมากกว่า เดือนเกือบ 20 กิโลเห็นจะได้ เดินเร็วบ้างช้าบ้าง แล้วแต่อาการ จนเมื่อลงสะพาน และผ่าน กม.ที่ 30 ไป อาการก็ค่อนข้างเบาลง อาจจะเพราะเสียเหงื่อไปเยอะ ลำไส้คงเริ่มแห้ง ก็วิ่งเหยาะๆ มาจนเข้าเส้นจนได้
งานแข่งที่จะถึงนี้ก็เหลืออีกไม่กี่สัปดาห์แล้ว (โชคดีที่ได้มีเวลาซ้อมเพิ่ม) ก็ตั้งใจไว้สูงมากๆว่า จะวิ่งให้ได้ภายใน 4 ชม. (ถ้าเป็นไปได้) แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะทำได้จริง ก็เลยลิมิตให้ตัวเองว่า ยังไงก็ได้ อย่าให้เกิน 5 ชม.นะ สัก 4 ชม.ครึ่ง ประมาณนี้
พอคิดพอตั้งความหวังได้แล้วก็ซ้อมๆๆๆ ทำตารางเป็น excel ดิบดี ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง (อยากจะอ้างว่าติดงานนะ แต่ที่จริงบางวันก็ขี้เกียจ อิอิอิอิ)
จนถึงตอนนี้ก็ซ้อมไกลสุดที่ 38 กิโล วันธรรมดา ซ้อมแค่ตอนเย็น 3-12 กิโลโดยประมาณ วันอาทิตย์ซ้อมตอนเช้า 15-38 กิโล ฝึกการกิน ฝึกเข้าห้องน้ำ
ก็หวังว่าวันจริงจะไม่เกิดเหตุการณ์อะไรมาขัดขวางการวิ่งอีกเลย อยากวิ่งไปยิ้มไปจนจบการแข่งขัน และ ชื่นชมกับเวลาที่ทำได้
ปัจจุบันซ้อมโดยใช้แอพช่วยอย่าง endomondo ( คมศักดิ์ ตั้ม ปรางเพชร )
ใครซ้อมยังไง หรือ มีความเห็นยังไงก็ comment กันได้นะครับ
ซ้อมวิ่งเพื่องาน กรุงเทพมาราธอน 2016
อยากรู้จังว่ายังมีคนซ้อมเพื่อลงงานวิ่ง กรุงเทพมาราธอน 2016 อยู่บ้างไหมครับ
** ทำไมถึงถามแบบนี้ เพราะส่วนมาก นักวิ่งปกติวิ่งตามงานอยู่แล้ว แทบไม่ต้องซ้อมมากมาย เหมือนนักวิ่งหน้าใหม่ ก็สามารถไปวิ่งได้
ผมเองก็ไม่ใช่นักวิ่งหน้าใหม่ แต่ก็ไม่ใช่นักวิ่งออกงานเหมือนกัน โดยส่วนตัว ตั้งแต่จำความได้ก็ผูกพันธ์กับการวิ่งมาตลอด
ตั้งแต่ ประถม มัธยม จน จบเทคนิค ก็เป็นนักวิ่งแข่งงานโรงเรียน แต่วิ่งระยะสั้น ไกลสุดก็ 5 กิโล (ซ้อมเอง)
ปัจจุบันก็อายุ 28 แล้ว วิ่งมาตั้งแต่จำความได้ก็น่าจะอายุราวๆ 4-5 ขวบ มาวิ่งระยะไกลจริงจังตอนอายุ 20
ผมซ้อมที่ สถานตากอากาศบางปู (สมุทรปราการ) เป็นประจำ ที่เดียวกับพี่ๆ ชมรมนางนวลบางปู แต่ผมก็ไม่ได้เข้าสังกัดในชมรมนี้
ผมชอบการวิ่งที่อิสระ ตั้งแต่เริ่มหัดวิ่ง มินิมาราธอน ฮาล์ฟมาราธอน จนมาถึง มาราธอน ก็ไม่เคยใช้สังกัดชมรมไหน ไม่เคยอ้างถึงชมรมไหนเลย
เอาจริงๆคือแทบไม่ได้ออกงานอะไรเลย งานแรกคือ งานที่จัดที่ อิมพีเรียลสำโรง ระยะ 13 กิโล งานที่ 2 ตือ ที่ เมืองโบราณ 8 กิโลกว่า
และงานล่าสุดคือ กรุงเทพมาราธอน 2015 ปีนั้นเป็นปีแรกเลยที่ลงระยะ มาราธอน และ เป็นงานวิ่งครั้งที่ 3 ในชีวิต ครั้งแรก 13 โล ครั้งที่สอง 8 โลกว่า ครั้งที่ 3 เล่นขยับไป มาราธอนเลยระยะ 42 กิโล แต่น่าเสียดายที่ปีก่อนซ้อมน้อยไปหน่อย และก็ประหม่าด้วย ออกงานใหญ่ครั้งแรกในชีวิตการวิ่ง แต่ก็จบจนได้ finisher มาจนได้ด้วยเวลา 5 ชม. 40 กว่านาที เข้าก่อน ปู ไปรยา นิดนึง แต่ได้เจอ พี่ตูน บอดี้แสลม ได้ถ่ายรูปด้วย ดีใจมาก 55555 พี่ตูนนี่ my idol เลย ทั้งเรื่องร้องเพลง และ เรื่อง กีฬา
Finisher แรกของผม
เจอพี่ตูนดีใจมาก
ความยากลำบากอย่างนึงของผมก็คือ ผมไม่ชอบการพึ่งพาพลังจากอุปกรณ์สักเท่าไหร่ (หมายถึงรองเท้าหนาๆ สปริงเยอะๆ) ก็เลยใช้ vibram คู่โปรดและคู่เดียวคู่นี้ (ผมมีรองเท้าคู่เดียว) ปัจจุบันก็ยังใส่คู่นี้อยู่ และ พยายามจะพาเจ้าคู่นี้ไปแก้มือใน กรุงเทพมาราธอน 2016 ให้ได้ (ที่จริงต้องแข่งไปแล้วในสัปดาห์ก่อน แต่ก็เลื่อนไป 5 กุมภาพันธ์ 2560)
ตอนนี้เจ้า 5 นิ้วก็เริ่มเยินแล้วไม่ดูสภาพดีเหมือนในรูป มีรูบ้าง มีรุ่ย บ้าง ก็ปะไปบ้าง ที่จริงถ้าเป็นไปได้อยากลองวิ่งเท้าเปล่าไปเลย แต่สถานที่ซ้อมก็ค่อนข้างอันตรายเกินไปหน่อย มีกรวดเม็ดเล็กๆ ซึ่งขนาดใส่ 5 นิ้วที่มีพื้นคอยช่วยกันบาดเจ็บ เวลาวิ่งไปเหยียบหินหรือกรวดก้อนเล็กๆก็มีสะดุ้งอยู่บ้าง ทั้งซ้อมและเวลาไปแข่งก็คู่เดียวนี้เลย อึด ถึก ทนมากๆๆๆ พื้น vibram นี่สุดยอดจริงๆ คอนเฟิร์ม
ปีนี้ก็เช่นกัน ตั้งใจแล้วว่าจะวิ่งกรุงเทพมาราธอน ก็เลยซ้อมๆ เพื่องานกรุงเทพมาราธอนอย่างเดียวเลย ไม่มีไขว้เขวไปไหน 5555 (อันที่จริงค่าใช้จ่ายไปงานวิ่งมันก็มีพอสมควรยิ่งไม่ค่อยรู้จักใครยิ่งลำบาก รถ ก็ไม่มี เงินเดือนก็นิดหน่อย)
ตอนนี้ถ้าได้ลองแข่งคาดว่าสามารถจบก่อน 5 ชม.ได้แน่นอน (ล่าสุดที่ซ้อม 38 กิโลใช้เวลา 4 ชม.ครึ่ง)
ปีก่อนๆเจอทั้งความประหม่า ตื่นเต้น ท้องไส้แปรปรวน ช่วงขึ้นสะพานไป ตั้งแต่กิโลเมตร ที่ 6 ไปถึง กม.ที่ 30 ผมต้องทนกล้ำกลืน กับอาการปวดท้อง (ปวดหนัก) ห้องน้ำก็ช่างเบาบาง เจอแต่ละที่คนก็ต่อแถวกันยาวพอสมควร เลยตัดสินใจไปเรื่อยๆ เดินสลับวิ่งตั้งแต่ กิโลที่ 8 เดินบ้าง วิ่งบ้าง ส่วนใหญ่จะเดินซะมากกว่า เดือนเกือบ 20 กิโลเห็นจะได้ เดินเร็วบ้างช้าบ้าง แล้วแต่อาการ จนเมื่อลงสะพาน และผ่าน กม.ที่ 30 ไป อาการก็ค่อนข้างเบาลง อาจจะเพราะเสียเหงื่อไปเยอะ ลำไส้คงเริ่มแห้ง ก็วิ่งเหยาะๆ มาจนเข้าเส้นจนได้
งานแข่งที่จะถึงนี้ก็เหลืออีกไม่กี่สัปดาห์แล้ว (โชคดีที่ได้มีเวลาซ้อมเพิ่ม) ก็ตั้งใจไว้สูงมากๆว่า จะวิ่งให้ได้ภายใน 4 ชม. (ถ้าเป็นไปได้) แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะทำได้จริง ก็เลยลิมิตให้ตัวเองว่า ยังไงก็ได้ อย่าให้เกิน 5 ชม.นะ สัก 4 ชม.ครึ่ง ประมาณนี้
พอคิดพอตั้งความหวังได้แล้วก็ซ้อมๆๆๆ ทำตารางเป็น excel ดิบดี ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง (อยากจะอ้างว่าติดงานนะ แต่ที่จริงบางวันก็ขี้เกียจ อิอิอิอิ)
จนถึงตอนนี้ก็ซ้อมไกลสุดที่ 38 กิโล วันธรรมดา ซ้อมแค่ตอนเย็น 3-12 กิโลโดยประมาณ วันอาทิตย์ซ้อมตอนเช้า 15-38 กิโล ฝึกการกิน ฝึกเข้าห้องน้ำ
ก็หวังว่าวันจริงจะไม่เกิดเหตุการณ์อะไรมาขัดขวางการวิ่งอีกเลย อยากวิ่งไปยิ้มไปจนจบการแข่งขัน และ ชื่นชมกับเวลาที่ทำได้
ปัจจุบันซ้อมโดยใช้แอพช่วยอย่าง endomondo ( คมศักดิ์ ตั้ม ปรางเพชร )
ใครซ้อมยังไง หรือ มีความเห็นยังไงก็ comment กันได้นะครับ