ขอขอบคุณ ppantip.com Official Fanpage มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ตื่นมาเห็นเมื่อเช้าถึงกับตกใจ
ภาค2 ครับ เริ่มทำธุรกิจร้านกาแฟ
ทำความรู้จักกันอีกรอบครับ ผมอายุ 31 ปี จบจากมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านหัวหมาก ตอนทำงานกินเงินเดือนคือช่วงชีวิตที่ผมยังใฝ่ฝันถึง นั่งรถเมล์ไปทำงาน ตกเย็นเตะบอล กลางคืนดื่มเบียร์ เสาร์อาทิตย์ เที่ยวต่างจังหวัด ผมว่าผมก็ชอบนะครับ ชิลๆ แต่ ผมเปิดรับโอกาสต่างๆที่ผ่านเข้ามา เพราะผมกลัวว่าวันนึงข้างหน้า จะมานั่งเสียดายโอกาสเหล่านี้ ผมจึงเกิดการตัดสินใจลาออกจากงานประจำ เพื่อมาลุยในธุรกิจส่วนตัว
ผมมองทุกอย่างเป็นโอกาสทั้งหมดครับ อย่างน้อยๆ ก็เป็นโอกาสที่จะทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ บนความพยายามอย่างเต็มที่
ร่ายมาซะยาว เริ่มเลยแล้วกันนะครับ
หลังจากผมล้มเลิกธุรกิจจักรเย็บผ้าไปก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง เรียกได้ว่าเขี้ยวเริ่มลากดินแล้ว แต่ยังลากไม่เยอะนัก
ระหว่างที่ผมรอสมัครงานใหม่อีกรอบ รอเรียกสัมภาษณ์ ผมได้มีโอกาสไปช่วยทางครอบครัวทำธุรกิจ ซึ่งเป็นธุรกิจรีสอร์ท
ระหว่างรอเริ่มงานใหม่
อย่าพึ่งคิดว่าชีวิตดี๊ดีนะครับ ทางครอบครัวเป็นพวกทำงานกันล้วนๆ เพราะฉะนั้นงานในรีสอร์ทที่ผมทำนั้น รวมรับลูกค้า ยันตักน้ำออกจากบ่อส้วมเพราะส้วมเต็มครับ เจอลูกค้าไม่ดีก็บ่อย คนมีสีมาเบ่งนอนฟรีก็เยอะ กัดฟันไว้ไม่ทะเลาะกับลูกค้า กัดจนฟันคุตไปหลายซี่
ผมทำไปไม่นานก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับลูกค้าหลายๆราย ผมพบว่า ลูกค้าที่มาท่องเที่ยวบริเวณนี้ หาร้านกาแฟสดกันไม่ได้ เพราะอยู่นอกตัวเมือง และเนื่องจากรีสอร์ทวิวสวย เห็นทั้งน้ำ และภูเขา อีกทั้งยังมี โรงงานหลายๆแห่งอยู่ใกล้ๆบริเวณนี้อีก ผมจึงเกิดไอเดีย อยากทำร้านกาแฟนั่งชมวิวบริเวณนี้
อยากรู้วิธีชงกาแฟ
ตอนนั้นไม่รู้วิธีการชงกาแฟเลยแม้แต่นิดเดียว รู้แค่ สตาร์บัคอร่อย 55
ความรู้เท่าหางอึ่งแต่อยากทำร้านกาแฟ ควักกระเป๋าตังออกมาตอนนั้นเจอเงินอยู่ 2,000 บาท เป็น 2,000 บาทสุดท้าย ถ้าเกินนี้ผมต้องไปเอาเงินสดก้นถุงออกมาใช้แล้ว ผมจำได้เลยว่า ผมหยิบเงินขึ้นมาแล้วแบ่ง 640 ไปซื้อหวย อีก 360 ไปซื้อล็อตเตอรี่ (เผื่อจะได้ทุนมาทำ สุดท้ายนั่งซึมครับ โดนกินเรียบ) เงินอีก 500 เอาไปเติมน้ำมัน ขับรถเข้าเมืองเพื่อไปดูราคาเครื่องชง และคอร์สสอนชงกาแฟ ต้นทุนก้นถุงตอนนั้นเหลือติดตัวแค่พอสำหรับการตกแต่งร้าน และซื้อเครื่องชงแบบธรรมดาๆ ไม่ได้ดีเลิศเลอ ไม่ได้มีทุนเหลือไปเรียน ร้านที่เขาขายเครื่องชงพร้อมสอนการทำค่าเครื่องก็แพงเหลือเกิน สุดท้ายผมไปได้เครื่องชงมาจากตัวแทนจำหน่าย ราคาไม่สูงนัก ไม่มีแถมคอร์สสอนชง (Nuova Simonelli Oscar ท่านที่เล่นเครื่องชงรุ่นนี้คงรู้จักกันดี) และอาจารย์ของผมตอนนั้นจึงมีชื่อว่า “Google” ยอมรับว่าช่วงนี้ท้อเหมือนกัน ยิ่งอ่านยิ่งงง ยิ่งดูยิ่งมึน เครื่องก็ซื้อมาแล้ว นั่งเครียดอยู่หลายวัน อึดอัดมาก ทำอะไรไม่ถูกเลย เพอเฟคช็อตกดยังไงจะได้ สตรีมนมยังไงฟองก็ไม่สวย เทลงแก้วทำลาเต้อาร์ทไม่ต้องพูดถึงครับ เละ!! กาแฟเย็นในเน็ตก็หลายสูตรมาก ชงยังไงก็ไม่อร่อย ชงชิมจนเริ่มรู้สึก นมข้นบางยี่ห้อมันออกเค็มๆ 555+ มีครั้งนึงเทลาเต้อาร์ทไปน้ำตาซึมไปด้วย มองแก้วกาแฟเบลอๆ เห็นเป็นลายๆ คิดว่าทำได้ รีบหยิบโทรศัพย์มาถ่ายรูปอย่างไว พอจะกดถ่ายเท่านั้นแหละ อ้าวเฮ้ยไม่เหมือนที่มองเห็นนี่หว่า
ไม่นานจากนั้น เหมือนสวรรค์เป็นใจ จากการบริการลูกค้า และพูดคุยกับลูกค้าของรีสอร์ททำให้รู้ว่ามีเจ้าของร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่อยู่คนละจังหวัดกับที่ที่ผมอยู่ มาเที่ยวรีสอร์ท ผมจึงได้ทำความรู้จัก และขอให้เขาสอนทักษะการทำร้าน และการชงกาแฟ พอเขาตอบตกลงรับผมเป็นศิษย์เท่านั้นแหละ เหมือนโลกนี้มันสวยงามขึ้นมาทันทีเลยครับ เพราะเส้นทางในชีวิตผมยังไม่ตัน แอบไปกระโดดดีใจในห้องนอนอยู่เป็นชั่วโมง
เริ่มเรียนกาแฟ
ก่อนที่ผมจะไปเรียนก็ได้เคลียพื้นที่สำหรับทำร้านแล้ว ซื้อเครื่องแล้ว ที่สำคัญ เงินหมดแล้ว
หันหน้าไปพึ่งธนาคารอีกแล้วครับ ด้วยสินเชื่อบุคคลแบบดอกมหาโหด ผมคิดคำนวน บวกลบคูณหารเรียบร้อยแล้ว กำไรมันน่าจะคุ้มดอกอยู่ จึงตกลงกู้อีกรอบ
ผมเดินทางไปเรียนชงกาแฟ แพคกระเป่าด้วยความฝัน555+ จริงๆนะครับ ฝันว่าเราจะขายดี มีใครเคยเป็นมั้ยครับ
ตอนไปต้องหอบเครื่องชงตัวเองขึ้นรถทัวร์ไปด้วย เพราะกลัวใช้ไม่เป็น อยากจะบอกว่า มันหนักมากครับ (เครื่องก็ไม่ใหญ่ แต่มันโคตรหนักเลย) ผมได้ไปเรียนอยู่ 2 วัน ก็ได้ดูดวิชาเขามาครบทุกอย่างแล้ว ได้เวลาลุยเอง เปิดเพลงพี่ตูนฟังอีกรอบ กลับมาจากการเรียน ร้อนวิชามาก ชงทุกสูตร ค่อยๆปรับให้เข้ากับสไตล์ตัวเอง ผมเป็นคนชอบกาแฟหอมๆ หวานน้อย กลมกล่อมนิดๆ ปรับสูตรเขามั่วซั่ว สุดท้ายก็ได้สูตรเฉพาะของทางร้านครับ แอบยิ้มเบาๆ
ช่วงนั้น ขอบตานี่ดำเป็นหมีแพนด้าเลย นอนไม่หลับครับ ดีดกันทั้งคืน
เปิดร้าน
เปิด2เดือนแรกยอดขายอุบาทมากครับ ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนขายกาแฟ ใช้หนี้ดอกเบี้ยเงินกู้ กับ หาค่ากับข้าว ซื้อกับข้าวถุงเดียวแบ่งกิน 2 มื้อ ครั้งจะไปกินกับทางบ้านก็กลัวเขาบอกว่า “บอกแล้วว่าอย่าไปทำก็ไม่เชื่อ” 55 กลัวเสียหน้า เลยต้องมานั่งเสียน้ำตาแทน ใจมันสั่นๆ หวิวๆเกือบทุกวัน น้ำตาซึมๆ คิดได้แค่เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น พอย่างเข้าเดือนที่ 3 การตลาดของผมเริ่มเห็นผลครับ เดือนที่ 4 นี่แทบไม่มีเวลาทำอย่างอื่นเลย ออร์เดอร์เข้ามาจนแทบจะโดนไล่ออกจากรีสอร์ท เพราะไม่ยอมช่วยงาน บางทีออเดอร์มาเป็น 100 แก้ว หน้าบานเป็นกระด้งสิครับ ผิวนี่ใสวิ๊ง ออร่าแผ่กระจาย
คนจะรวย ช่วยไม่ได้นะครับ เนื่องจากแถวนั้นเขาประชุมนอกสถานที่กันบ่อยครับ จะมีพักเบรคกาแฟกันเยอะ ผมจึงไปจับตรงจุดนั้น
ผ่านไป 6 เดือนผมเริ่มเข้าใจธุรกิจตัวนี้ดีขึ้น จึงขยายสาขาที่ 2 ในตัวเมือง
สาขาที่ 2
ธุรกิจกาแฟแบบเล็กๆของผมจะรอดได้ ต้องไปผูกกับจุดที่มีฐานลูกค้าแน่นๆ ผมเล็งเป้าที่ รพ. และ มหาลัย ทันทีครับ ผมขอเช่าพื้นที่ในหลายๆจุด แต่ตอบมาแค่จุดเดียว คือ โรงพยาบาลครับ เมื่อตกลงสัญญากันเสร็จเรียบร้อย หลังจากที่ได้สัญญามาแล้ว สิ่งแรกที่ผมทำเลยคือกลับไปขอพร พ่อกับแม่ กราบเท้าให้ท่านเหยียบหัวสักที สองสามทีก็ได้ ให้ลูกบ้าๆ จะได้ตั้งใจทำงาน
จากนั้นก็กลับไป แล้วผมจึงเริ่มเปิดสาขาที่ 2 แต่เงินไม่พอเพราะสาขานี้ ลงทุนเครื่องชงราคาสูง ทางเดียวที่จะเปิดได้คือกู้เงินเพิ่มสิครับ รออะไร
ที่นี่ผมลงทุนน้อยมาก มีแค่เครื่องชง เครื่องบด เครื่องปั่น ฯลฯ และแทบไม่ต้องตกแต่งร้านเลย เพราะผมชูจุดเด่นคือความสะดวกขอการสั่งกาแฟ ไม่ว่าจะอยู่จุดไหนของ รพ. ผมไปส่งให้ถึงที่ ราคาไม่แพง และเมล็ดกาแฟคุณภาพสูง แค่เดือนแรกลูกค้าก็ติดหนึบแล้วครับ ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร
การดูแล 3 สาขา
จาก 2 สาขาที่ประสบความสำเร็จ สร้างรายได้ให้ผมเห็นน้ำเห็นเนื้อ จึงคิดเปิดเพิ่มอีกที่หนึ่ง ซึ่งโจทย์คราวนี้คือ ต้องเป็นแหล่งของกิน สาขานี้ผมตั้งใจมาก เพราะเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง การคุมถึง 3 สาขาไม่ให้เกิดการรั่วไหลนั้น โดยไม่สร้างระบบมารองรับนั้น เหนื่อยมาก 6 โมงเช้าตื่นไปแมคโคร พอ 7 โมงไปเปิดสาขาที่ 2 ไม่ไว้ใจให้พนักงานมาเปิดเพราะลูกค้าตอนเช้าเยอะมาก ถ้าพลาดไปสัก 15 นาที รายได้หายเพียบ ถัดมา 8.30 ไปเตรียมสาขาที่ 3 หลังจากดูความเรียบร้อยเสร็จจึงออกนอกเมืองไปเปิดสาขาแรกตอน 10 โมง เพื่อเตรียมไปจัดเบรคกาแฟภาคเช้า และ ต่อภาคบ่าย หลังจบภาคบ่ายก็กลับมา ปิดสาขา 2 ในเมือง และไปกำกับการแสดงเองที่สาขาที่ 3 หลังจากนั้นจึงเริ่ม เช็คสต็อค นับเงิน ทำบัญชี จดสินค้าที่ขาด แล้วนอน เหนื่อยสุดๆครับ ทิ้งตัวนอนลงบนที่นอน เหมือนล่องลอยอยู่บนสวรรค์ เป็นที่เดียวที่ผมจะได้พักเหนื่อย แต่เป็นการเหนื่อยที่มีความสุขนะ เหมือนทุกอย่างลงล็อครายได้เห็นน้ำเห็นเนื้อ
ธุรกิจขาลง
สาขาที่3 เป็นการลงทุนที่ผิดพลาดของผมเอง เพราะผมมองแต่มุมได้เงิน จนลืมเนื้อแท้ของธุรกิจตัวนี้ คือ ยิ่งนานวัน การเข้าถึงการเป็นเจ้าของเครื่องชง และสูตรกาแฟยิ่งง่าย แสดงว่าคู่แข่งจะยิ่งเยอะมาก สาขานี้ผมได้ลงทุนเช่าอาคารพร้อมตกแต่ใหม่เป็นร้านกาแฟ ในบริเวณที่ผู้คนทานอาหารเที่ยงกันเป็นจำนวนมาก ผมทำได้ไม่นาน ร้านอาหารแถวนั้นต่างพากันทำกาแฟของตัวเองขายทันที ผมปรับกลยุทธในหลายๆรูปแบบ ทั้งเค้ก ขนมปัง อาหารตามสั่ง เสต็ก โปรโมชั่น เดลิเวอรี่ แต่สุดท้าย ยิ่งทำยิ่งเข้าเนื้อครับ ซึ่งผมหมดเงินลงทุนไปเยอะพอสมควร ตอนนั้นผมได้แต่โทษตัวเองทุกวันๆ จนเกิดความเครียดสะสม ถึงกับต้องเข้าไปพักผ่อนในโรงพยาบาลกันเลย น้ำตาตกในครับ อยากจะร้องก็ร้องไม่ออกครับ อึดอัดสุดๆ เพราะตอนนั้นผมคาดหวังกับธุรกิจตัวนี้ไว้สูงมาก หวังว่ามันจะเป็นที่ยึดเหนี่ยวได้
ดึงสติกลับมา
หลังจากล้มหมอนนอนเสื่อก็เริ่มได้คิด สมัยนี้เกลียดใคร แนะนำให้เขาเปิดร้านกาแฟได้เลยครับ โอกาสรอดน้อยมาก นอกจากจะเป็นแบรนด์ใหญ่ๆ หรือ ร้านทุนหนา แต่งร้านสวยๆจริงๆ ในทำเลที่เหมาะสม หรือได้ทำเลเหมาะสม + ใจรักจริงๆ เพราะตอนนี้กาแฟคุณภาพสูงๆ ราคาไม่แพงหาดื่มได้ทั่วไป มียางท่านที่ทำได้เข้าถึงจริงๆ ผมนับถือมากนะครับ สุดยอดจริงๆ แต่ผมยังมีข้อได้เปรียบอยู่ตรงที่ 2 สาขาแรกยังทำเงินได้เรื่อยๆ จากการทำการตลาด และเสริมเมนูใหม่ๆตลอดเวลา แต่ตอนนั้นผมเห็นอนาคตที่จะเกิดขึ้นแล้ว เพราะผมสูนเสียการจัดพักเบรคกาแฟในบางวันให้คู่แข่ง ที่เขาสามารถทำราคาได้ถูกกว่า และสาขาที่2 มีคู่แข่งเกิดจำนวนมากรอบๆพื้นที่นั้น และปัจจัยที่ผมความคุมไม่ได้ เมื่อผมคิดได้ จึงหาทางลงในธุรกิจนี้ ผมจึงเริ่มประกาศออกไปเรื่องการขายกิจการ ไม่นานก็มีผู้ที่สนใจมาขอซื้อในราคาที่ปฏิเสธไม่ลง และสุดท้ายธุรกิจร้านกาแฟก็ได้ใช้หนี้ที่ผมกู้มาทำ และ เหลือกำไรอีกเพียงพอต่อการก้าวต่อไป
ตลอด 2 ปีที่ทำธุรกิจตัวนี้ และคาดหวังว่าจะทำไประยะยาว สุดท้ายก็ต้องตัดสินใจออกจากธุรกิจนี้ ความสุข ความเศร้า ความเหนื่อย เป็นประสบการณ์
ตอนทำร้านกาแฟนี้ปัญหาลูกน้องไม่ค่อยมีครับ เพราะผมจ้องตาไม่กระพริบเลย วันๆนี่ตาแห้งต้องหาน้ำหยอดทั้งวัน เพราะผมตั้งใจมาก!! และมีประสบการณ์แย่ๆจากคราวที่แล้วมาด้วย
ลงรายละเอียดเยอะขึ้นครับ เผื่อมีประโยชน์กับเพื่อนๆ
ผมยังไม่เก่ง แนะนำติชมได้เลยครับ อย่าด่ากันก็พอครับ
จบภาค2 ร้านกาแฟ 3 สาขา
ตอน1 ครับ จักรเย็บผ้า
http://ppantip.com/topic/35833060
ภาค 3 (ยังไม่เข็ด) เงินลงทุนมาจากร้านกาแฟล้วนๆครับ
ภาค 3 ธุรกิจ อาหารเสริม และ ธุรกิจดูแลคนชรา (ยังไม่มีกำหนดเขียนครับ เพราะกำลังลุยตัวนี้อยู่)
เป็นกำลังใจให้หลายๆคนที่กำลังลุยด้วยตัวเองครับ ท่านไม่ได้อยู่เพียงลำพัง
(แชร์ประสบการณ์) มนุษย์เงินเดือนลาออก เพื่อเป็นนายตัวเอง กับความร้อนรุ่มในใจ ตอน2
ภาค2 ครับ เริ่มทำธุรกิจร้านกาแฟ
ทำความรู้จักกันอีกรอบครับ ผมอายุ 31 ปี จบจากมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านหัวหมาก ตอนทำงานกินเงินเดือนคือช่วงชีวิตที่ผมยังใฝ่ฝันถึง นั่งรถเมล์ไปทำงาน ตกเย็นเตะบอล กลางคืนดื่มเบียร์ เสาร์อาทิตย์ เที่ยวต่างจังหวัด ผมว่าผมก็ชอบนะครับ ชิลๆ แต่ ผมเปิดรับโอกาสต่างๆที่ผ่านเข้ามา เพราะผมกลัวว่าวันนึงข้างหน้า จะมานั่งเสียดายโอกาสเหล่านี้ ผมจึงเกิดการตัดสินใจลาออกจากงานประจำ เพื่อมาลุยในธุรกิจส่วนตัว
ผมมองทุกอย่างเป็นโอกาสทั้งหมดครับ อย่างน้อยๆ ก็เป็นโอกาสที่จะทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ บนความพยายามอย่างเต็มที่
ร่ายมาซะยาว เริ่มเลยแล้วกันนะครับ
หลังจากผมล้มเลิกธุรกิจจักรเย็บผ้าไปก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง เรียกได้ว่าเขี้ยวเริ่มลากดินแล้ว แต่ยังลากไม่เยอะนัก ระหว่างที่ผมรอสมัครงานใหม่อีกรอบ รอเรียกสัมภาษณ์ ผมได้มีโอกาสไปช่วยทางครอบครัวทำธุรกิจ ซึ่งเป็นธุรกิจรีสอร์ท
ระหว่างรอเริ่มงานใหม่
อย่าพึ่งคิดว่าชีวิตดี๊ดีนะครับ ทางครอบครัวเป็นพวกทำงานกันล้วนๆ เพราะฉะนั้นงานในรีสอร์ทที่ผมทำนั้น รวมรับลูกค้า ยันตักน้ำออกจากบ่อส้วมเพราะส้วมเต็มครับ เจอลูกค้าไม่ดีก็บ่อย คนมีสีมาเบ่งนอนฟรีก็เยอะ กัดฟันไว้ไม่ทะเลาะกับลูกค้า กัดจนฟันคุตไปหลายซี่ ผมทำไปไม่นานก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับลูกค้าหลายๆราย ผมพบว่า ลูกค้าที่มาท่องเที่ยวบริเวณนี้ หาร้านกาแฟสดกันไม่ได้ เพราะอยู่นอกตัวเมือง และเนื่องจากรีสอร์ทวิวสวย เห็นทั้งน้ำ และภูเขา อีกทั้งยังมี โรงงานหลายๆแห่งอยู่ใกล้ๆบริเวณนี้อีก ผมจึงเกิดไอเดีย อยากทำร้านกาแฟนั่งชมวิวบริเวณนี้
อยากรู้วิธีชงกาแฟ
ตอนนั้นไม่รู้วิธีการชงกาแฟเลยแม้แต่นิดเดียว รู้แค่ สตาร์บัคอร่อย 55 ความรู้เท่าหางอึ่งแต่อยากทำร้านกาแฟ ควักกระเป๋าตังออกมาตอนนั้นเจอเงินอยู่ 2,000 บาท เป็น 2,000 บาทสุดท้าย ถ้าเกินนี้ผมต้องไปเอาเงินสดก้นถุงออกมาใช้แล้ว ผมจำได้เลยว่า ผมหยิบเงินขึ้นมาแล้วแบ่ง 640 ไปซื้อหวย อีก 360 ไปซื้อล็อตเตอรี่ (เผื่อจะได้ทุนมาทำ สุดท้ายนั่งซึมครับ โดนกินเรียบ) เงินอีก 500 เอาไปเติมน้ำมัน ขับรถเข้าเมืองเพื่อไปดูราคาเครื่องชง และคอร์สสอนชงกาแฟ ต้นทุนก้นถุงตอนนั้นเหลือติดตัวแค่พอสำหรับการตกแต่งร้าน และซื้อเครื่องชงแบบธรรมดาๆ ไม่ได้ดีเลิศเลอ ไม่ได้มีทุนเหลือไปเรียน ร้านที่เขาขายเครื่องชงพร้อมสอนการทำค่าเครื่องก็แพงเหลือเกิน สุดท้ายผมไปได้เครื่องชงมาจากตัวแทนจำหน่าย ราคาไม่สูงนัก ไม่มีแถมคอร์สสอนชง (Nuova Simonelli Oscar ท่านที่เล่นเครื่องชงรุ่นนี้คงรู้จักกันดี) และอาจารย์ของผมตอนนั้นจึงมีชื่อว่า “Google” ยอมรับว่าช่วงนี้ท้อเหมือนกัน ยิ่งอ่านยิ่งงง ยิ่งดูยิ่งมึน เครื่องก็ซื้อมาแล้ว นั่งเครียดอยู่หลายวัน อึดอัดมาก ทำอะไรไม่ถูกเลย เพอเฟคช็อตกดยังไงจะได้ สตรีมนมยังไงฟองก็ไม่สวย เทลงแก้วทำลาเต้อาร์ทไม่ต้องพูดถึงครับ เละ!! กาแฟเย็นในเน็ตก็หลายสูตรมาก ชงยังไงก็ไม่อร่อย ชงชิมจนเริ่มรู้สึก นมข้นบางยี่ห้อมันออกเค็มๆ 555+ มีครั้งนึงเทลาเต้อาร์ทไปน้ำตาซึมไปด้วย มองแก้วกาแฟเบลอๆ เห็นเป็นลายๆ คิดว่าทำได้ รีบหยิบโทรศัพย์มาถ่ายรูปอย่างไว พอจะกดถ่ายเท่านั้นแหละ อ้าวเฮ้ยไม่เหมือนที่มองเห็นนี่หว่า ไม่นานจากนั้น เหมือนสวรรค์เป็นใจ จากการบริการลูกค้า และพูดคุยกับลูกค้าของรีสอร์ททำให้รู้ว่ามีเจ้าของร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่อยู่คนละจังหวัดกับที่ที่ผมอยู่ มาเที่ยวรีสอร์ท ผมจึงได้ทำความรู้จัก และขอให้เขาสอนทักษะการทำร้าน และการชงกาแฟ พอเขาตอบตกลงรับผมเป็นศิษย์เท่านั้นแหละ เหมือนโลกนี้มันสวยงามขึ้นมาทันทีเลยครับ เพราะเส้นทางในชีวิตผมยังไม่ตัน แอบไปกระโดดดีใจในห้องนอนอยู่เป็นชั่วโมง
เริ่มเรียนกาแฟ
ก่อนที่ผมจะไปเรียนก็ได้เคลียพื้นที่สำหรับทำร้านแล้ว ซื้อเครื่องแล้ว ที่สำคัญ เงินหมดแล้ว หันหน้าไปพึ่งธนาคารอีกแล้วครับ ด้วยสินเชื่อบุคคลแบบดอกมหาโหด ผมคิดคำนวน บวกลบคูณหารเรียบร้อยแล้ว กำไรมันน่าจะคุ้มดอกอยู่ จึงตกลงกู้อีกรอบ
ผมเดินทางไปเรียนชงกาแฟ แพคกระเป่าด้วยความฝัน555+ จริงๆนะครับ ฝันว่าเราจะขายดี มีใครเคยเป็นมั้ยครับ ตอนไปต้องหอบเครื่องชงตัวเองขึ้นรถทัวร์ไปด้วย เพราะกลัวใช้ไม่เป็น อยากจะบอกว่า มันหนักมากครับ (เครื่องก็ไม่ใหญ่ แต่มันโคตรหนักเลย) ผมได้ไปเรียนอยู่ 2 วัน ก็ได้ดูดวิชาเขามาครบทุกอย่างแล้ว ได้เวลาลุยเอง เปิดเพลงพี่ตูนฟังอีกรอบ กลับมาจากการเรียน ร้อนวิชามาก ชงทุกสูตร ค่อยๆปรับให้เข้ากับสไตล์ตัวเอง ผมเป็นคนชอบกาแฟหอมๆ หวานน้อย กลมกล่อมนิดๆ ปรับสูตรเขามั่วซั่ว สุดท้ายก็ได้สูตรเฉพาะของทางร้านครับ แอบยิ้มเบาๆ ช่วงนั้น ขอบตานี่ดำเป็นหมีแพนด้าเลย นอนไม่หลับครับ ดีดกันทั้งคืน
เปิดร้าน
เปิด2เดือนแรกยอดขายอุบาทมากครับ ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนขายกาแฟ ใช้หนี้ดอกเบี้ยเงินกู้ กับ หาค่ากับข้าว ซื้อกับข้าวถุงเดียวแบ่งกิน 2 มื้อ ครั้งจะไปกินกับทางบ้านก็กลัวเขาบอกว่า “บอกแล้วว่าอย่าไปทำก็ไม่เชื่อ” 55 กลัวเสียหน้า เลยต้องมานั่งเสียน้ำตาแทน ใจมันสั่นๆ หวิวๆเกือบทุกวัน น้ำตาซึมๆ คิดได้แค่เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น พอย่างเข้าเดือนที่ 3 การตลาดของผมเริ่มเห็นผลครับ เดือนที่ 4 นี่แทบไม่มีเวลาทำอย่างอื่นเลย ออร์เดอร์เข้ามาจนแทบจะโดนไล่ออกจากรีสอร์ท เพราะไม่ยอมช่วยงาน บางทีออเดอร์มาเป็น 100 แก้ว หน้าบานเป็นกระด้งสิครับ ผิวนี่ใสวิ๊ง ออร่าแผ่กระจาย คนจะรวย ช่วยไม่ได้นะครับ เนื่องจากแถวนั้นเขาประชุมนอกสถานที่กันบ่อยครับ จะมีพักเบรคกาแฟกันเยอะ ผมจึงไปจับตรงจุดนั้น
ผ่านไป 6 เดือนผมเริ่มเข้าใจธุรกิจตัวนี้ดีขึ้น จึงขยายสาขาที่ 2 ในตัวเมือง
สาขาที่ 2
ธุรกิจกาแฟแบบเล็กๆของผมจะรอดได้ ต้องไปผูกกับจุดที่มีฐานลูกค้าแน่นๆ ผมเล็งเป้าที่ รพ. และ มหาลัย ทันทีครับ ผมขอเช่าพื้นที่ในหลายๆจุด แต่ตอบมาแค่จุดเดียว คือ โรงพยาบาลครับ เมื่อตกลงสัญญากันเสร็จเรียบร้อย หลังจากที่ได้สัญญามาแล้ว สิ่งแรกที่ผมทำเลยคือกลับไปขอพร พ่อกับแม่ กราบเท้าให้ท่านเหยียบหัวสักที สองสามทีก็ได้ ให้ลูกบ้าๆ จะได้ตั้งใจทำงาน จากนั้นก็กลับไป แล้วผมจึงเริ่มเปิดสาขาที่ 2 แต่เงินไม่พอเพราะสาขานี้ ลงทุนเครื่องชงราคาสูง ทางเดียวที่จะเปิดได้คือกู้เงินเพิ่มสิครับ รออะไร
ที่นี่ผมลงทุนน้อยมาก มีแค่เครื่องชง เครื่องบด เครื่องปั่น ฯลฯ และแทบไม่ต้องตกแต่งร้านเลย เพราะผมชูจุดเด่นคือความสะดวกขอการสั่งกาแฟ ไม่ว่าจะอยู่จุดไหนของ รพ. ผมไปส่งให้ถึงที่ ราคาไม่แพง และเมล็ดกาแฟคุณภาพสูง แค่เดือนแรกลูกค้าก็ติดหนึบแล้วครับ ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร
การดูแล 3 สาขา
จาก 2 สาขาที่ประสบความสำเร็จ สร้างรายได้ให้ผมเห็นน้ำเห็นเนื้อ จึงคิดเปิดเพิ่มอีกที่หนึ่ง ซึ่งโจทย์คราวนี้คือ ต้องเป็นแหล่งของกิน สาขานี้ผมตั้งใจมาก เพราะเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง การคุมถึง 3 สาขาไม่ให้เกิดการรั่วไหลนั้น โดยไม่สร้างระบบมารองรับนั้น เหนื่อยมาก 6 โมงเช้าตื่นไปแมคโคร พอ 7 โมงไปเปิดสาขาที่ 2 ไม่ไว้ใจให้พนักงานมาเปิดเพราะลูกค้าตอนเช้าเยอะมาก ถ้าพลาดไปสัก 15 นาที รายได้หายเพียบ ถัดมา 8.30 ไปเตรียมสาขาที่ 3 หลังจากดูความเรียบร้อยเสร็จจึงออกนอกเมืองไปเปิดสาขาแรกตอน 10 โมง เพื่อเตรียมไปจัดเบรคกาแฟภาคเช้า และ ต่อภาคบ่าย หลังจบภาคบ่ายก็กลับมา ปิดสาขา 2 ในเมือง และไปกำกับการแสดงเองที่สาขาที่ 3 หลังจากนั้นจึงเริ่ม เช็คสต็อค นับเงิน ทำบัญชี จดสินค้าที่ขาด แล้วนอน เหนื่อยสุดๆครับ ทิ้งตัวนอนลงบนที่นอน เหมือนล่องลอยอยู่บนสวรรค์ เป็นที่เดียวที่ผมจะได้พักเหนื่อย แต่เป็นการเหนื่อยที่มีความสุขนะ เหมือนทุกอย่างลงล็อครายได้เห็นน้ำเห็นเนื้อ
ธุรกิจขาลง
สาขาที่3 เป็นการลงทุนที่ผิดพลาดของผมเอง เพราะผมมองแต่มุมได้เงิน จนลืมเนื้อแท้ของธุรกิจตัวนี้ คือ ยิ่งนานวัน การเข้าถึงการเป็นเจ้าของเครื่องชง และสูตรกาแฟยิ่งง่าย แสดงว่าคู่แข่งจะยิ่งเยอะมาก สาขานี้ผมได้ลงทุนเช่าอาคารพร้อมตกแต่ใหม่เป็นร้านกาแฟ ในบริเวณที่ผู้คนทานอาหารเที่ยงกันเป็นจำนวนมาก ผมทำได้ไม่นาน ร้านอาหารแถวนั้นต่างพากันทำกาแฟของตัวเองขายทันที ผมปรับกลยุทธในหลายๆรูปแบบ ทั้งเค้ก ขนมปัง อาหารตามสั่ง เสต็ก โปรโมชั่น เดลิเวอรี่ แต่สุดท้าย ยิ่งทำยิ่งเข้าเนื้อครับ ซึ่งผมหมดเงินลงทุนไปเยอะพอสมควร ตอนนั้นผมได้แต่โทษตัวเองทุกวันๆ จนเกิดความเครียดสะสม ถึงกับต้องเข้าไปพักผ่อนในโรงพยาบาลกันเลย น้ำตาตกในครับ อยากจะร้องก็ร้องไม่ออกครับ อึดอัดสุดๆ เพราะตอนนั้นผมคาดหวังกับธุรกิจตัวนี้ไว้สูงมาก หวังว่ามันจะเป็นที่ยึดเหนี่ยวได้
ดึงสติกลับมา
หลังจากล้มหมอนนอนเสื่อก็เริ่มได้คิด สมัยนี้เกลียดใคร แนะนำให้เขาเปิดร้านกาแฟได้เลยครับ โอกาสรอดน้อยมาก นอกจากจะเป็นแบรนด์ใหญ่ๆ หรือ ร้านทุนหนา แต่งร้านสวยๆจริงๆ ในทำเลที่เหมาะสม หรือได้ทำเลเหมาะสม + ใจรักจริงๆ เพราะตอนนี้กาแฟคุณภาพสูงๆ ราคาไม่แพงหาดื่มได้ทั่วไป มียางท่านที่ทำได้เข้าถึงจริงๆ ผมนับถือมากนะครับ สุดยอดจริงๆ แต่ผมยังมีข้อได้เปรียบอยู่ตรงที่ 2 สาขาแรกยังทำเงินได้เรื่อยๆ จากการทำการตลาด และเสริมเมนูใหม่ๆตลอดเวลา แต่ตอนนั้นผมเห็นอนาคตที่จะเกิดขึ้นแล้ว เพราะผมสูนเสียการจัดพักเบรคกาแฟในบางวันให้คู่แข่ง ที่เขาสามารถทำราคาได้ถูกกว่า และสาขาที่2 มีคู่แข่งเกิดจำนวนมากรอบๆพื้นที่นั้น และปัจจัยที่ผมความคุมไม่ได้ เมื่อผมคิดได้ จึงหาทางลงในธุรกิจนี้ ผมจึงเริ่มประกาศออกไปเรื่องการขายกิจการ ไม่นานก็มีผู้ที่สนใจมาขอซื้อในราคาที่ปฏิเสธไม่ลง และสุดท้ายธุรกิจร้านกาแฟก็ได้ใช้หนี้ที่ผมกู้มาทำ และ เหลือกำไรอีกเพียงพอต่อการก้าวต่อไป
ตลอด 2 ปีที่ทำธุรกิจตัวนี้ และคาดหวังว่าจะทำไประยะยาว สุดท้ายก็ต้องตัดสินใจออกจากธุรกิจนี้ ความสุข ความเศร้า ความเหนื่อย เป็นประสบการณ์
ตอนทำร้านกาแฟนี้ปัญหาลูกน้องไม่ค่อยมีครับ เพราะผมจ้องตาไม่กระพริบเลย วันๆนี่ตาแห้งต้องหาน้ำหยอดทั้งวัน เพราะผมตั้งใจมาก!! และมีประสบการณ์แย่ๆจากคราวที่แล้วมาด้วย
ลงรายละเอียดเยอะขึ้นครับ เผื่อมีประโยชน์กับเพื่อนๆ
ผมยังไม่เก่ง แนะนำติชมได้เลยครับ อย่าด่ากันก็พอครับ
จบภาค2 ร้านกาแฟ 3 สาขา
ตอน1 ครับ จักรเย็บผ้า http://ppantip.com/topic/35833060
ภาค 3 (ยังไม่เข็ด) เงินลงทุนมาจากร้านกาแฟล้วนๆครับ
ภาค 3 ธุรกิจ อาหารเสริม และ ธุรกิจดูแลคนชรา (ยังไม่มีกำหนดเขียนครับ เพราะกำลังลุยตัวนี้อยู่)
เป็นกำลังใจให้หลายๆคนที่กำลังลุยด้วยตัวเองครับ ท่านไม่ได้อยู่เพียงลำพัง