เปิดผลสำรวจเนื่องในวันยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กปี 2559 พบสามีหรือแฟน เกือบครึ่งนิยมใช้ความรุนแรงแถมบังคับให้มีเซ็กส์ ขณะที่ 71.7% ซ่อนกิ๊กคบเผื่อเลือก
วันที่ 21 พฤศจิกายน 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กปี 2559 ภายใต้แนวคิด"คุณทำได้ ผู้ชายตัวจริง ยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็ก" (Man Can Do Stop Violence) โดย น.ส.อุสุมา เกตุท่าหัก เจ้าหน้าที่ฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ จากมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า จากผลสำรวจล่าสุดปี 2559 จากกลุ่มผู้ชายตัวอย่างจำนวน 1,617 ช่วงอายุ 20-35 ปี ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ได้แก่ จ.ชุมพร เชียงใหม่ ลำปาง ที่มีต่อปัญหาความรุนแรงในครอบครัว พบว่า..
- ร้อยละ 80 ผู้ชายเคยพูดตะคอกเสียงดังต่อภรรยาและคนรัก
- ร้อยละ 74.7 ผู้ชายมักจะใช้คำหยาบคายเมื่อโมโห ชอบระบายอารมณ์
- ร้อยละ 71.7 แอบมีกิ๊ก คบกับผู้หญิงหลายคน เผื่อเลือก
เมื่อเกิดอารมณ์โมโห สิ่งที่ผู้ชายเลือกทำเพื่อระบายอารมณ์ คือ
- ร้อยละ 57.3 ทำลายข้าวของในบ้าน
- ร้อยละ 68.9 ออกไปดื่มเหล้านอกบ้าน
- ร้อยละ 44.8 เมื่อดื่มเหล้าจนเมาแล้วจะทำร้ายภรรยาหรือแฟน
- ร้อยละ 42.4 ยังบังคับให้มีเพศสัมพันธ์
ทั้งนี้ เมื่อถามว่าหากพบเห็นการทำร้ายร่างกายและการใช้ความรุนแรง ผู้ชายกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 12.9 เลือกที่จะอยู่เฉย ๆ ไม่เข้าไปห้าม อีกทั้งกลุ่มตัวอย่าง 1 ใน 3 ที่มองผู้หญิงที่แต่งงานแล้วต้องเป็นสมบัติของสามี ผู้ชายเท่านั้นที่ต้องเป็นผู้นำครอบครัว ขณะที่ผู้ชาย 1 ใน 4 เห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า "ผู้ชายไม่เจ้าชู้เหมือนงูไม่มีพิษ" และ "ผู้ชายตัวจริงต้องกินเหล้า" รวมถึงการคุมกำเนินต้องเป็นหน้าที่ฝ่ายหญิง
แต่สิ่งที่น่าตกใจในกลุ่มตัวอย่างก็คือ ร้อยละ 14 ระบุว่าการที่ผู้ชายใช้ความรุนแรงเป็นเพราะหึงหวง ต้องการแสดงออกว่ารัก รวมถึงระบุว่าหากมีโอกาสแล้วไม่ล่วงเกินผู้หญิงถือว่าไม่ฉลาด
อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจข้างต้นทางมูลนิธิฯ ขอฝากเป็นข้อเสนอ คือ ระดับบุคคลและครอบครัว ควรปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงดู เน้นเคารพสิทธิกันและกัน ไม่ใช้ความรุนแรง ให้เกียรติกัน ผู้ชายสามารถทำงานบ้านช่วยเหลือผู้หญิงได้ ขณะเดียวกันกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ควรรณรงค์กับผู้ชายอย่างจริงจัง เพื่อส่งเสริมการปรับเปลี่ยนทัศนคติระบบคิดแบบชายเป็นใหญ่
รวมถึงกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ควรปรับหลักสูตรในประเด็นบทบาทหญิงชาย มีการอบรมความรู้ความเข้าใจในปัญหาความรุนแรงในครอบครัวให้กับครูผู้สอน เพื่อนำไปสู่การถ่ายทอดและสร้างทัศนคติให้กับเด็กมีการเคารพสิทธิความเท่าเทียมทางเพศ ส่วนสื่อมวลชนเองไม่ควรผลิตซ้ำภาพความรุนแรงในครอบครัวอีกด้วย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล
ข่าวจาก : กระปุกดอทคอม
http://hilight.kapook.com/view/145439
เผยผลสำรวจผู้ชายเกือบครึ่ง เคยทำร้ายแฟน ภรรยา ซ้ำบังคับให้มีเซ็กส์
เปิดผลสำรวจเนื่องในวันยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กปี 2559 พบสามีหรือแฟน เกือบครึ่งนิยมใช้ความรุนแรงแถมบังคับให้มีเซ็กส์ ขณะที่ 71.7% ซ่อนกิ๊กคบเผื่อเลือก
วันที่ 21 พฤศจิกายน 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กปี 2559 ภายใต้แนวคิด"คุณทำได้ ผู้ชายตัวจริง ยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็ก" (Man Can Do Stop Violence) โดย น.ส.อุสุมา เกตุท่าหัก เจ้าหน้าที่ฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ จากมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า จากผลสำรวจล่าสุดปี 2559 จากกลุ่มผู้ชายตัวอย่างจำนวน 1,617 ช่วงอายุ 20-35 ปี ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ได้แก่ จ.ชุมพร เชียงใหม่ ลำปาง ที่มีต่อปัญหาความรุนแรงในครอบครัว พบว่า..
- ร้อยละ 80 ผู้ชายเคยพูดตะคอกเสียงดังต่อภรรยาและคนรัก
- ร้อยละ 74.7 ผู้ชายมักจะใช้คำหยาบคายเมื่อโมโห ชอบระบายอารมณ์
- ร้อยละ 71.7 แอบมีกิ๊ก คบกับผู้หญิงหลายคน เผื่อเลือก
เมื่อเกิดอารมณ์โมโห สิ่งที่ผู้ชายเลือกทำเพื่อระบายอารมณ์ คือ
- ร้อยละ 57.3 ทำลายข้าวของในบ้าน
- ร้อยละ 68.9 ออกไปดื่มเหล้านอกบ้าน
- ร้อยละ 44.8 เมื่อดื่มเหล้าจนเมาแล้วจะทำร้ายภรรยาหรือแฟน
- ร้อยละ 42.4 ยังบังคับให้มีเพศสัมพันธ์
ทั้งนี้ เมื่อถามว่าหากพบเห็นการทำร้ายร่างกายและการใช้ความรุนแรง ผู้ชายกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 12.9 เลือกที่จะอยู่เฉย ๆ ไม่เข้าไปห้าม อีกทั้งกลุ่มตัวอย่าง 1 ใน 3 ที่มองผู้หญิงที่แต่งงานแล้วต้องเป็นสมบัติของสามี ผู้ชายเท่านั้นที่ต้องเป็นผู้นำครอบครัว ขณะที่ผู้ชาย 1 ใน 4 เห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า "ผู้ชายไม่เจ้าชู้เหมือนงูไม่มีพิษ" และ "ผู้ชายตัวจริงต้องกินเหล้า" รวมถึงการคุมกำเนินต้องเป็นหน้าที่ฝ่ายหญิง
แต่สิ่งที่น่าตกใจในกลุ่มตัวอย่างก็คือ ร้อยละ 14 ระบุว่าการที่ผู้ชายใช้ความรุนแรงเป็นเพราะหึงหวง ต้องการแสดงออกว่ารัก รวมถึงระบุว่าหากมีโอกาสแล้วไม่ล่วงเกินผู้หญิงถือว่าไม่ฉลาด
อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจข้างต้นทางมูลนิธิฯ ขอฝากเป็นข้อเสนอ คือ ระดับบุคคลและครอบครัว ควรปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงดู เน้นเคารพสิทธิกันและกัน ไม่ใช้ความรุนแรง ให้เกียรติกัน ผู้ชายสามารถทำงานบ้านช่วยเหลือผู้หญิงได้ ขณะเดียวกันกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ควรรณรงค์กับผู้ชายอย่างจริงจัง เพื่อส่งเสริมการปรับเปลี่ยนทัศนคติระบบคิดแบบชายเป็นใหญ่
รวมถึงกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ควรปรับหลักสูตรในประเด็นบทบาทหญิงชาย มีการอบรมความรู้ความเข้าใจในปัญหาความรุนแรงในครอบครัวให้กับครูผู้สอน เพื่อนำไปสู่การถ่ายทอดและสร้างทัศนคติให้กับเด็กมีการเคารพสิทธิความเท่าเทียมทางเพศ ส่วนสื่อมวลชนเองไม่ควรผลิตซ้ำภาพความรุนแรงในครอบครัวอีกด้วย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล
ข่าวจาก : กระปุกดอทคอม
http://hilight.kapook.com/view/145439