รวบสาวแสบแฮกเฟซบุ๊กผ่านไลน์’สรพงษ์’-ภรรยา สวมรอยยืมเงิน เหยื่อหลงเชื่อ 3 ราย


เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน เวลา14.00 น. ที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 พ.ต.อ.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รรท.ผบก.น.2 พ.ต.อ.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผกก.สส.บก.น.2 ร่วมกันเเถลงหลังจากสอบสวน น.ส.ละออ แถลงกัน หรือแนน อายุ 36 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาคดีแฮกเฟซบุ๊กผ่านโปรเเกรมไลน์ของนายสรพงษ์ ชาตรี เเละ น.ส.ดวงเดือน จิไธสงค์ ภรรยา หลอกลวงผู้เสียหายซึ่งเป็นเพื่อน น.ส.ดวงเดือนเพื่อให้โอนเงินให้

น.ส.ละออ ผู้ต้องหากล่าวยอมรับทั้งน้ำตาว่าได้กระทำความผิดจริง โดยลงมือทำคนเดียว ก่อเหตุมาเเล้ว 2 ครั้ง ได้เงินมาเเล้วทั้งหมดรวมกว่า 8 หมื่นกว่าบาท ส่วนกรณีที่ทำกับ น.ส.ดวงเดือน มีผู้เสียหายจำนวน 3 ราย ซึ่งเป็นเพื่อนที่รู้จักกับ น.ส.ดวงเดือน ได้เงินมา 66,000 บาท โดยได้เบอร์ผู้เสียหายมาจากอินเตอร์เน็ตแล้วใช้วิธีการสุ่มกรอกหมายเลขโทรศัพท์ลงในช่องพาสเวิร์ดของเฟซบุ๊ก จากนั้นจะล็อกอินเข้าสู่ระบบของไลน์ที่เชื่อมกับเฟซบุ๊ก หลังจากนั้นก็ใช้วิธีการพูดคุยหลอกลวงเพื่อนเหยื่อที่อยู่ในไลน์ให้โอนเงินเข้าบัญชีที่เตรียมไว้ โดยอ้างว่านายสรพงษ์มีเรื่องเดือดร้อน ต้องนำเงินไปจ่ายให้ตำรวจ เเละขอให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ โดยจะนำเงินคืนภายหลัง ซึ่งเพื่อนของ น.ส.ดวงเดือน เกิดหลงเชื่อ ไปโอนเงินให้จำนวน 3 ราย จากที่ตนทักแชทไปขอยืมเงินมา 5-6 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีลูกน้องของนายฤทธิ์ ลือชา ดารานักเเสดงอาวุโส เเต่ไม่ได้หลงเชื่อโอนเงินให้ โดยที่ตนกระทำลงไปเพราะอยากได้เงิน โดยนำเงินที่ได้จากการหลอกผู้เสียหายไปซื้อทองคำ เเละเก็บเงินสดบางส่วนไว้ ส่วนเฟซบุ๊กเบอร์โทรศัพท์ของนายสรพงษ์ได้มาจากการสืบค้นข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเรื่องการจัดสร้างพระพุทธรูปเเห่งหนึ่ง

พ.ต.อ.ภาณุมาศกล่าวว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเเจ้งข้อกล่าวหาการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2550 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี โดยจะส่งให้ สน.ดอนเมือง ดำเนินคดี เเละทราบมาว่ามีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์อีก 1 รายในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง อาจมีการขออายัดตัวดำเนินคดีในภายหลังอีกครั้ง โดยหลังจากมีการสอบสวนผู้เสียหายเพิ่มเติมในวันนี้เเล้วจะยังต้องเเจ้งข้อกล่าวหาในคดีฉ้อโกงเเก่ผู้ต้องหาอีก ในเบื้องต้นก็ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหาทั้งหมด จะต้องมีการสอบสวนขยายผลต่อไปว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีกหรือไม่

ด้านนายสรพงษ์กล่าวว่า ในชีวิตไม่เคยสนทนาไลน์หาใครเพื่อขอยืมเงิน โดยตนใช้โปรเเกรมพวกนี้ไม่ค่อยชำนาญ จะปิดโปรเเกรมยังต้องให้ภรรยาปิดให้ โดยหลังจากเกิดเหตุก็ปิดโปรเเกรมไลน์ไปชั่วคราว อยากฝากเรื่องนี้ไว้เพื่อเตือนภัยกับคนเล่นโซเชียลว่ามีอันตรายรูปเเบบนี้อยู่ เรื่องอะไรสำคัญควรใช้วิธีสนทนาพบปะพูดคุยเพื่อยืนยันตัวตน โดยอยากฝากบอกผู้ต้องหาว่า ตนกับภรรยาก็ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย อยากให้ผู้ต้องหาซึ่งมีความชำนาญด้านนี้ใช้ความรู้ความสามารถให้เกิดประโยชน์

ข่าวจาก : มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news/366538
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่