คดีนี้ดำเนินการไปถึงไหนแล้วครับ (ข่มขืนตำรวจที่ยะลา)

กรณีที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงยศ ส.ต.ต.ของ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.ยะลา ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง สภ.เดียวกัน ที่ร่วมกับพวกจำนวนหนึ่ง ที่ล่อลวงไปทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว และรุมโทรม ที่ห้องเช่าเลขที่ 21 ซอยคุปตาสา ถนนสิโรรส อ.เมืองยะลา เมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมา ส.ต.ต.หญิง ชีวรัตน์ ผบ.หมู่งาน ป.สภ.บันนังสตา ส.ต.ต.หญิง ณัฐรฏา ผบ.หมู่งาน ป.ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) และ ส.ต.ต.ศิวพงษ์ เงินเนียม ผบ.หมู่ งาน ป.สภ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้เข้ามอบตัว พร้อมกับให้การปฏิเสธ ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว

นอกจากนี้ ร.ต.อ.ธาม ลอยสะเทื้อน รอง สว.(ผบ.มว.) สภ.บันนังสตา ช่วยราชการ ศชต. ยังถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวหรือไม่ หลังจากถูกลงโทษทางวินัย จากเหตุการณ์ที่ไปนอนค้างคืนในบ้านพักของ ส.ต.ต.หญิง ชีวรัตน์ ซึ่งอาศัยอยู่กับ ส.ต.ต.หญิงผู้เสียหาย แต่ในคดีทำร้ายร่างกายและข่มขืนนั้น ร.ต.อ.ธราม ยืนกรานปฏิเสธว่าไม่มีส่วนพัวพันด้วย ตามที่ได้รายงานไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผบก.ภ.จว.ยะลา เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า ได้สั่งการให้แยกเป็น 2 ส่วน คือดำเนินคดีอาญากับดำเนินคดีทางวินัย สำหรับคดีอาญานั้นได้สั่งการให้นายตำรวจระดับรอง ผบก.เป็นผู้รับผิดชอบ ร่วมกับ ผกก.สภ.เมืองยะลา ทำการสอบสวนผู้ต้องและพยานเพิ่มเติม เพื่อให้สำนวนรัดกุม และหาตัวผู้ก่อเหตุเพิ่ม เนื่องจากคำให้การของผู้เสียหายและพยาน เชื่อว่ายังมีผู้ที่อยู่เบื้องหลังการวางแผนล่อลวง ส.ต.ต.หญิง มาทำร้าย กักขัง และข่มขืนในขณะที่ผู้เสียหายสลบ

“สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 3 คนที่เข้ามอบตัวแล้วนั้น จากการตรวจดูสำนวนที่พนักงานสอบสวนทำไว้แน่นหนามาก แม้จะให้การปฏิเสธก็คงจะดิ้นไม่หลุด ขณะนี้รอเพียงผลตรวจพิสูจน์ จากกองพิสูจน์หลักฐาน และผลตรวจสอบประวัติลายนิ้วมือ เพื่อส่งฟ้องกับพนักงานอัยการ ส่วนผู้ต้องหาที่ยังสาวไปไม่ถึงนั้น ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนสอบผู้เสียหายเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ผู้เสียหายยังอยู่ในอาการบาดเจ็บและเสียขวัญ ต้องรออีกระยะหนึ่งจึงจะให้ปากคำได้ และหากผลการสอบสวนสาวไปถึงใคร พนักงานสอบสวนจะต้องหาพยานหลักฐาน เพื่อออกหมายจับต่อไป” ผบก.ภ.จว.ยะลา กล่าว



ในส่วนของบ้านเลขที่ 21 ซึ่งเป็นบ้านที่เกิดเหตุนั้น ได้สั่งให้พนักงานสอบสวน สอบว่าเป็นบ้านของใคร โดยผลจากการสอบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนรับว่าเป็นบ้านที่พวกตนเช่าเอาไว้ แต่ก็ยังมีข้อสงสัยว่า มีสาเหตุอะไรที่ตำรวจระดับ ส.ต.ต.ต้องมาเช่าบ้านอยู่รวมกัน ซึ่งประเด็นนี้ได้สั่งการให้สืบสวนเพิ่มเติมว่า แท้จริงเป็นบ้านของนายตำรวจที่พัวพันกับคดีนี้มาตั้งแต่ต้นหรือไม่“คดีนี้ผม จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เนื่องจากผู้กระทำความผิดและผู้เสียหายต่างก็เป็นข้าราชการตำรวจ ซึ่งตั้งแต่วันที่เกิดเหตุได้กำชับให้ดำเนินการด้วยความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย”

นอกจากนั้นจากการสืบสวนสอบสวนยังพบว่า คดีนี้เกี่ยวพันกับทหารพรานชุดพัฒนาสันติ 4715 ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 3 คน หลังก่อเหตุแล้วได้นำ ส.ต.ต.หญิง ผู้เสียหาย ไปกักขังไว้ที่ฐานทหารพรานแห่งนี้อีก 1 คืน จึงได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนติดต่อกับ ผบ.ทหารพรานชุดพัฒนาสันติ มาสอบสวน เพื่อให้เกิดความกระจ่างว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำผิดชอง ส.ต.ต.ทั้ง 3 หรือไม่

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ขอทราบข้อเท็จจริงจาก ผบ.ชุดพัฒนาสันติ 4715 จนได้ความว่า หลังจากที่ ส.ต.ต.ทั้ง 3 ได้ก่อเหตุทำร้ายเหยื่อจนสลบและข่มขืนแล้ว ได้นำ ส.ต.ต.หญิง มัดมือ มัดเท้า มัดปาก มาฝากไว้ที่ฐานดังกล่าว โดยแจ้งว่า ส.ต.ต.หญิง ที่เป็นเหยื่อ เป็นผู้ต้องหาคดีความมั่นคงที่จับกุมมาได้ และขอฝากขังไว้ก่อน พรุ่งนี้จะมารับตัวไปสอบสวน ทางฐานฯ จึงได้นำตัวไปกักขังไว้ โดยที่ไม่ได้มีการร่วมข่มขืนแต่อย่างใด ต่อมา ส.ต.ต.หญิง ชีวารัตน์ ได้โทรศัพท์มาที่ฐาน ขอให้ปล่อยตัว ส.ต.ต.หญิง ที่เป็นเหยื่อ และนำไปส่งที่คิวรถบันนังสตา ดังนั้นทหารพรานมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้เพียงเท่านี้ และหากพนักงานสอบสวนเรียกไปพบเพื่อให้ข้อเท็จจริงก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่