แสดงว่า คำถามของธนาคารรู้หมด จึงทำได้
จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ตำรวจไซเบอร์ทราบว่า มิจฉาชีพได้แอบอ้างเป็นผู้เสียหาย คือผู้เสียหายแล้วโทรศัพท์ไปที่ธนาคารเพื่อขออายัดบัญชีและขอปิดการใช้งานแอปพลิเคชัน Mobile Banking บนโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหาย จากนั้นคนร้ายแจ้งให้ผู้เสียหาย ลองตรวจสอบ เมื่อผู้เสียหาย ตรวจสอบพบว่าบัญชีโดนอายัดและแอปพลิเคชันดังกล่าวไม่สามารถใช้งานได้จริง จึงได้หลงเชื่อ
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท. เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่สืบสวนเพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือผู้เสียหาย อายุ 17 ปี และติดตามจับคนร้ายที่ก่อเหตุโดยเร็ว ซึ่งคดีนี้อาศัยอยู่กับผู้สูงอายุเป็นปู่และย่า ในพื้นที่ อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี จากการสอบถามข้อมูลทราบว่า เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2567 ผู้เสียหายอยู่บ้านกับย่าเพียง 2 คน ได้มีสายปริศนาโทรเข้ามาอ้างว่าเป็น เจ้าหน้าที่จาก DSI แล้วหลอกว่าบัญชีธนาคารของผู้เสียหายเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในคดีฟอกเงินของบุคคลหนึ่ง โดยมิจฉาชีพที่โทรเข้ามานั้น ทราบข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหายและแจ้งว่าได้ อายัดบัญชีและปิดการใช้งานแอปฯในโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายได้ เมื่อผู้เสียหาย ตรวจสอบ ปรากฏว่าบัญชีธนาคารได้โดนอายัดและไม่สามารถเข้าใช้งานแอปฯผ่านทางโทรศัพท์มือถือได้จริง ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าผู้ที่ติดต่อเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่ตัวจริง
จากนั้นมิจฉาชีพให้ผู้เสียหายเพิ่มเพื่อนทางไลน์แล้ววิดีโอคอลพูดคุย มีคนแต่งกายเป็นตำรวจทั้งชาย และหญิงมาพูดคุยด้วย แล้วแจ้งให้โอนเงินไปตรวจสอบจำนวน 50,000 บาท แต่เนื่องจากผู้เสียหายไม่มีเงิน ในบัญชี มิจฉาชีพจึงบอกให้ไปหาเงินจากบัญชีธนาคารของญาติหรือใครก็ได้ แล้วโอนไปให้ตรวจสอบ ผู้เสียหายและย่าของผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงนำโทรศัพท์ของย่าที่มีแอปพลิเคชันธนาคารและมียอดเงินในบัญชี จำนวน 2 บัญชี โอนเงินไปให้คนร้ายรวม 10 ครั้ง เป็นจำนวน 1,372,311 บาท
ต่อมา ผู้เสียหายได้นำโทรศัพท์ของปู่โอนเงินให้คนร้ายอีก จำนวน 1 ครั้ง เป็นเงิน 46,163 บาท แล้ว ได้นำบัญชีธนาคารอีกบัญชีของย่าซึ่งไม่สามารถโอนผ่านแอปพลิเคชันได้ไปปิดบัญชีที่ธนาคาร แล้วนำเงินเข้าบัญชีของผู้เสียหาย ก่อนโอนให้มิจฉาชีพอีก 1 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 1,998,004 บาท รวมความเสียหายที่โอน เงินทั้งสิ้น 3,412,642 บาท ซึ่งทั้งหมดเป็นเงินเก็บของปู่และย่าของผู้เสียหายที่ได้เก็บมาทั้งชีวิต โดยมิจฉาชีพที่แต่งกายเป็นตำรวจได้วิดีโอคอลตลอดเวลาเพื่อควบคุมสั่งการมิให้คลาดสายตา
เมื่อผู้เสียหายโอนเงินไปหมดแล้ว คนร้ายยังถามหาทรัพย์สินอื่นของผู้เสียหายอีก แล้วข่มขู่ว่าหากมี ให้นำไปจำนองหรือจำนำแล้วนำเงินที่ได้โอนมาตรวจสอบ ผู้เสียหายและย่าจึงรู้ตัวว่าถูกหลอกลวง จึงไป แจ้งความที่ สภ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี
จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ตำรวจไซเบอร์ทราบว่า มิจฉาชีพได้แอบอ้างเป็นผู้เสียหาย คือผู้เสียหายแล้วโทรศัพท์ไปที่ธนาคารเพื่อขออายัดบัญชีและขอปิดการใช้งานแอปพลิเคชัน Mobile Banking บนโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหาย จากนั้นคนร้ายแจ้งให้ผู้เสียหาย ลองตรวจสอบ เมื่อผู้เสียหาย ตรวจสอบพบว่าบัญชีโดนอายัดและแอปพลิเคชันดังกล่าวไม่สามารถใช้งานได้จริง จึงได้หลงเชื่อ
ทั้งนี้ พ.ต.อ.อภิรักษ์ ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งฝน ให้สอบสวนผู้เสียหายเบื้องต้นตั้งแต่ วันเกิดเหตุ โดยล่าสุดได้ประสาน ผกก.สภ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี เพื่อขอรับโอนคดีมายัง กก.1 บก.สอท.3 เป็นผู้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนแล้ว และจะได้เร่งรัดให้พนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย.
ที่มาข่าว :: บช.สอท.
Cr. FB ดาวแปดแฉก
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็นเจ้าของบัญชี ขออายัดบัญชีและปิดแอปฯธนาคาร
จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ตำรวจไซเบอร์ทราบว่า มิจฉาชีพได้แอบอ้างเป็นผู้เสียหาย คือผู้เสียหายแล้วโทรศัพท์ไปที่ธนาคารเพื่อขออายัดบัญชีและขอปิดการใช้งานแอปพลิเคชัน Mobile Banking บนโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหาย จากนั้นคนร้ายแจ้งให้ผู้เสียหาย ลองตรวจสอบ เมื่อผู้เสียหาย ตรวจสอบพบว่าบัญชีโดนอายัดและแอปพลิเคชันดังกล่าวไม่สามารถใช้งานได้จริง จึงได้หลงเชื่อ
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท. เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่สืบสวนเพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือผู้เสียหาย อายุ 17 ปี และติดตามจับคนร้ายที่ก่อเหตุโดยเร็ว ซึ่งคดีนี้อาศัยอยู่กับผู้สูงอายุเป็นปู่และย่า ในพื้นที่ อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี จากการสอบถามข้อมูลทราบว่า เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2567 ผู้เสียหายอยู่บ้านกับย่าเพียง 2 คน ได้มีสายปริศนาโทรเข้ามาอ้างว่าเป็น เจ้าหน้าที่จาก DSI แล้วหลอกว่าบัญชีธนาคารของผู้เสียหายเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในคดีฟอกเงินของบุคคลหนึ่ง โดยมิจฉาชีพที่โทรเข้ามานั้น ทราบข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหายและแจ้งว่าได้ อายัดบัญชีและปิดการใช้งานแอปฯในโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายได้ เมื่อผู้เสียหาย ตรวจสอบ ปรากฏว่าบัญชีธนาคารได้โดนอายัดและไม่สามารถเข้าใช้งานแอปฯผ่านทางโทรศัพท์มือถือได้จริง ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าผู้ที่ติดต่อเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่ตัวจริง
จากนั้นมิจฉาชีพให้ผู้เสียหายเพิ่มเพื่อนทางไลน์แล้ววิดีโอคอลพูดคุย มีคนแต่งกายเป็นตำรวจทั้งชาย และหญิงมาพูดคุยด้วย แล้วแจ้งให้โอนเงินไปตรวจสอบจำนวน 50,000 บาท แต่เนื่องจากผู้เสียหายไม่มีเงิน ในบัญชี มิจฉาชีพจึงบอกให้ไปหาเงินจากบัญชีธนาคารของญาติหรือใครก็ได้ แล้วโอนไปให้ตรวจสอบ ผู้เสียหายและย่าของผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงนำโทรศัพท์ของย่าที่มีแอปพลิเคชันธนาคารและมียอดเงินในบัญชี จำนวน 2 บัญชี โอนเงินไปให้คนร้ายรวม 10 ครั้ง เป็นจำนวน 1,372,311 บาท
ต่อมา ผู้เสียหายได้นำโทรศัพท์ของปู่โอนเงินให้คนร้ายอีก จำนวน 1 ครั้ง เป็นเงิน 46,163 บาท แล้ว ได้นำบัญชีธนาคารอีกบัญชีของย่าซึ่งไม่สามารถโอนผ่านแอปพลิเคชันได้ไปปิดบัญชีที่ธนาคาร แล้วนำเงินเข้าบัญชีของผู้เสียหาย ก่อนโอนให้มิจฉาชีพอีก 1 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 1,998,004 บาท รวมความเสียหายที่โอน เงินทั้งสิ้น 3,412,642 บาท ซึ่งทั้งหมดเป็นเงินเก็บของปู่และย่าของผู้เสียหายที่ได้เก็บมาทั้งชีวิต โดยมิจฉาชีพที่แต่งกายเป็นตำรวจได้วิดีโอคอลตลอดเวลาเพื่อควบคุมสั่งการมิให้คลาดสายตา
เมื่อผู้เสียหายโอนเงินไปหมดแล้ว คนร้ายยังถามหาทรัพย์สินอื่นของผู้เสียหายอีก แล้วข่มขู่ว่าหากมี ให้นำไปจำนองหรือจำนำแล้วนำเงินที่ได้โอนมาตรวจสอบ ผู้เสียหายและย่าจึงรู้ตัวว่าถูกหลอกลวง จึงไป แจ้งความที่ สภ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี
จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ตำรวจไซเบอร์ทราบว่า มิจฉาชีพได้แอบอ้างเป็นผู้เสียหาย คือผู้เสียหายแล้วโทรศัพท์ไปที่ธนาคารเพื่อขออายัดบัญชีและขอปิดการใช้งานแอปพลิเคชัน Mobile Banking บนโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหาย จากนั้นคนร้ายแจ้งให้ผู้เสียหาย ลองตรวจสอบ เมื่อผู้เสียหาย ตรวจสอบพบว่าบัญชีโดนอายัดและแอปพลิเคชันดังกล่าวไม่สามารถใช้งานได้จริง จึงได้หลงเชื่อ
ทั้งนี้ พ.ต.อ.อภิรักษ์ ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งฝน ให้สอบสวนผู้เสียหายเบื้องต้นตั้งแต่ วันเกิดเหตุ โดยล่าสุดได้ประสาน ผกก.สภ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี เพื่อขอรับโอนคดีมายัง กก.1 บก.สอท.3 เป็นผู้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนแล้ว และจะได้เร่งรัดให้พนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย.
ที่มาข่าว :: บช.สอท.
Cr. FB ดาวแปดแฉก