ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าไม่มีราคะ ไม่มีนันทิ ไม่มีตัณหา
ใน อาหารคือคำข้าว ก็ดี
ใน อาหารคือผัสสะ ก็ดี
ใน อาหารคือมโนสัญเจตนา ก็ดี
ใน อาหารคือวิญญาณ ก็ดี
แล้วไซร้,
วิญญาณก็เป็นสิ่งที่ตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้ในสิ่งนั้นๆ.
วิญญาณตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้ในที่ใด,
การก้าวลงแห่งนามรูป ย่อมไม่มีในที่นั้น;
การก้าวลงแห่งนามรูป ไม่มีในที่ใด,
ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ย่อมไม่มีในที่นั้น;
ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ไม่มีในที่ใด,
การบังเกิดในภพใหม่ต่อไป ย่อมไม่มีในที่นั้น;
การบังเกิดในภพใหม่ต่อไป ไม่มีในที่ใด,
ชาติชราและมรณะต่อไป ย่อมไม่มีในที่นั้น;
ชาติชราและมรณะต่อไป ไม่มีในที่ใด,
ภิกษุทั้งหลาย ! เราเรียก “ที่” นั้น
ว่าเป็น “ที่ไม่โศก ไม่มีธุลี และไม่มีความคับแค้น” ดังนี้.
ภิกษุทั้งหลาย ! เปรียบเหมือนเรือนยอดหรือศาลาเรือนยอด
ที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือหรือใต้ก็ตาม
เป็นเรือนมีหน้าต่างทางทิศตะวันออก.
ครั้นดวงอาทิตย์ขึ้นมา แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์ส่องเข้าไปทางช่องหน้าต่างแล้ว
จักตั้งอยู่ที่ส่วนไหนแห่งเรือนนั้นเล่า ?
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์
จักปรากฏที่ฝาเรือนข้างในด้านทิศตะวันตก พระเจ้าข้า !”.
ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าฝาเรือนทางทิศตะวันตกไม่มีเล่า
แสงแห่งดวงอาทิตย์นั้น จักปรากฏอยู่ที่ไหน ?
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์นั้น จักปรากฏที่พื้นดิน พระเจ้าข้า !”.
ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าพื้นดินไม่มีเล่า แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์นั้น จักปรากฏที่ไหน ?
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์นั้น จักปรากฏในน้ำพระเจ้าข้า !”.
ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าน้ำไม่มีเล่า แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์นั้น จักปรากฏที่ไหนอีก ?
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์นั้น
ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ปรากฏแล้ว พระเจ้าข้า !”.
ภิกษุทั้งหลาย ! ฉันใดก็ฉันนั้นแล : ถ้าไม่มีราคะ ไม่มีนันทิ ไม่มีตัณหา
ในอาหารคือคำข้าว ก็ดี
ในอาหารคือผัสสะ ก็ดี
ในอาหารคือมโนสัญเจตนา ก็ดี
ในอาหารคือวิญญาณ ก็ดี แล้วไซร้,
วิญญาณก็เป็นสิ่งที่ตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้
ในอาหารคือคำข้าว เป็นต้นนั้นๆ.
วิญญาณตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้ในที่ใด,
การก้าวลงแห่งนามรูป ย่อมไม่มีในที่นั้น;
การก้าวลงแห่งนามรูป ไม่มีในที่ใด,
ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ย่อมไม่มีในที่นั้น;
ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ไม่มีในที่ใด,
การบังเกิดในภพใหม่ต่อไป ย่อมไม่มีในที่นั้น;
การบังเกิดในภพใหม่ต่อไป ไม่มีในที่ใด,
ชาติชราและมรณะต่อไป ย่อมไม่มีในที่นั้น;
ชาติชรามรณะต่อไป ไม่มีในที่ใด,
ภิกษุทั้งหลาย ! เราเรียก “ที่” นั้น
ว่าเป็น “ที่ไม่โศก ไม่มีธุลี และไม่มีความคับแค้น” ดังนี้.
หมด “อาหาร” ก็นิพพาน
ใน อาหารคือคำข้าว ก็ดี
ใน อาหารคือผัสสะ ก็ดี
ใน อาหารคือมโนสัญเจตนา ก็ดี
ใน อาหารคือวิญญาณ ก็ดี
แล้วไซร้,
วิญญาณก็เป็นสิ่งที่ตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้ในสิ่งนั้นๆ.
วิญญาณตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้ในที่ใด,
การก้าวลงแห่งนามรูป ย่อมไม่มีในที่นั้น;
การก้าวลงแห่งนามรูป ไม่มีในที่ใด,
ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ย่อมไม่มีในที่นั้น;
ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ไม่มีในที่ใด,
การบังเกิดในภพใหม่ต่อไป ย่อมไม่มีในที่นั้น;
การบังเกิดในภพใหม่ต่อไป ไม่มีในที่ใด,
ชาติชราและมรณะต่อไป ย่อมไม่มีในที่นั้น;
ชาติชราและมรณะต่อไป ไม่มีในที่ใด,
ภิกษุทั้งหลาย ! เราเรียก “ที่” นั้น
ว่าเป็น “ที่ไม่โศก ไม่มีธุลี และไม่มีความคับแค้น” ดังนี้.
ภิกษุทั้งหลาย ! เปรียบเหมือนเรือนยอดหรือศาลาเรือนยอด
ที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือหรือใต้ก็ตาม
เป็นเรือนมีหน้าต่างทางทิศตะวันออก.
ครั้นดวงอาทิตย์ขึ้นมา แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์ส่องเข้าไปทางช่องหน้าต่างแล้ว
จักตั้งอยู่ที่ส่วนไหนแห่งเรือนนั้นเล่า ?
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์
จักปรากฏที่ฝาเรือนข้างในด้านทิศตะวันตก พระเจ้าข้า !”.
ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าฝาเรือนทางทิศตะวันตกไม่มีเล่า
แสงแห่งดวงอาทิตย์นั้น จักปรากฏอยู่ที่ไหน ?
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์นั้น จักปรากฏที่พื้นดิน พระเจ้าข้า !”.
ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าพื้นดินไม่มีเล่า แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์นั้น จักปรากฏที่ไหน ?
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์นั้น จักปรากฏในน้ำพระเจ้าข้า !”.
ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าน้ำไม่มีเล่า แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์นั้น จักปรากฏที่ไหนอีก ?
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์นั้น
ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ปรากฏแล้ว พระเจ้าข้า !”.
ภิกษุทั้งหลาย ! ฉันใดก็ฉันนั้นแล : ถ้าไม่มีราคะ ไม่มีนันทิ ไม่มีตัณหา
ในอาหารคือคำข้าว ก็ดี
ในอาหารคือผัสสะ ก็ดี
ในอาหารคือมโนสัญเจตนา ก็ดี
ในอาหารคือวิญญาณ ก็ดี แล้วไซร้,
วิญญาณก็เป็นสิ่งที่ตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้
ในอาหารคือคำข้าว เป็นต้นนั้นๆ.
วิญญาณตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้ในที่ใด,
การก้าวลงแห่งนามรูป ย่อมไม่มีในที่นั้น;
การก้าวลงแห่งนามรูป ไม่มีในที่ใด,
ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ย่อมไม่มีในที่นั้น;
ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ไม่มีในที่ใด,
การบังเกิดในภพใหม่ต่อไป ย่อมไม่มีในที่นั้น;
การบังเกิดในภพใหม่ต่อไป ไม่มีในที่ใด,
ชาติชราและมรณะต่อไป ย่อมไม่มีในที่นั้น;
ชาติชรามรณะต่อไป ไม่มีในที่ใด,
ภิกษุทั้งหลาย ! เราเรียก “ที่” นั้น
ว่าเป็น “ที่ไม่โศก ไม่มีธุลี และไม่มีความคับแค้น” ดังนี้.