ร้อนเร่าเร้าอารมณ์ ตอนที่ 8

กระทู้สนทนา
ร้อนเร่าเร้าอารมณ์ ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/35715756
ร้อนเร่าเร้าอารมณ์ ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/35717992
ร้อนเร่าเร้าอารมณ์ ตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/35726142
ร้อนเร่าเร้าอารมณ์ ตอนที่ 4 http://ppantip.com/topic/35736149
ร้อนเร่าเร้าอารมณ์ ตอนที่ 5 http://ppantip.com/topic/35744346
ร้อนเร่าเร้าอารมณ์ ตอนที่ 6 http://ppantip.com/topic/35813047
ร้อนเร่าเร้าอารมณ์ ตอนที่ 7 http://ppantip.com/topic/35817131

ร้อนเร่าเร้าอารมณ์ ตอนที่ 8

เมื่อรัฐมนตรีช่วยอาคมนำแต้มกลับไปถึงบ้านแล้ว การอบรมครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น

“แกหลอกฉัน บอกว่าจะไปเรียนทางศิลปะ แต่ดันมาเป็นนางเอกหนังโป้ มันเสื่อมเสียต่อวงศ์ตระกูลมากๆเลย แกเคยคิดไหม”

แต้มคิดในใจว่า “แล้วทีพ่อไปมีบ้านเล็กบ้านน้อย มันไม่เสื่อมเสียต่อวงศ์ตระกูลเลยเหรอ”

“แกสร้างแต่เรื่อง ไม่เคยทำให้ฉันสบายใจเลย”

แต้มคิดในใจว่า “พ่อก็สร้างแต่เรื่องเหมือนกัน ไหนจะเรื่องผู้หญิง เรื่องการพนัน และก็เรื่องคอร์รัปชั่น”

แต้มเลือกที่จะเงียบ ไม่ต่อล้อต่อเถียงเพราะคิดว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่มีทางเข้าใจกัน ส่วนแม่ก็นั่งเงียบ ไม่มีปากมีเสียงเหมือนเดิม ปล่อยให้พ่อพูดอะไรได้ตามใจ

“แกห้ามไปยุ่งกับไอ้พวกกองถ่ายหนังโป้อีก พรุ่งนี้ฉันจะให้แกไปทำงานกับกำจร แกต้องถูกจับใส่ตระกร้าล้างน้ำ เข้าห้องไปเตรียมตัวได้แล้ว”

แต้มลุกไปเข้าห้องโดยเร็ว และแล้วนกที่บินออกจากกรงก็ถูกจับมาเข้ากรงอีก ตอนที่แต้มตัดสินใจกลับเมืองไทย เธอวางแผนไว้ว่าจะไม่บอกที่บ้าน อาจรอให้ผ่านไปสักปีก่อนแล้วค่อยบอก แต่เรื่องก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เธอคิด แต้มเบื่อที่ต้องมาอยู่ใต้อาณัติของพ่อ เบื่อสังคมชายเป็นใหญ่ เธออยากกลับไปโบยบินเหมือนเดิม

แต่มันเป็นไปไม่ได้ ยังไงเธอก็ต้องไปทำงานที่บริษัทของกำจรในวันพรุ่งนี้ ตอนนี้คนที่เธอเป็นห่วงมากที่สุดก็คือโจนาธาน เขาคงต้องเหนื่อยอีกรอบในการแก้ไขสิ่งต่างๆ และในเมื่อไม่มีเธอช่วย เขาคงจะสับสนในบางเวลา แต้มไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอโจนาธานอีกรึเปล่า อนาคตเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนเลยจริงๆ

*********************************************
ถึงอนาคตจะเป็นเรื่องไม่แน่นอน แต่ใจดวงรู้สึกว่าวันนี้ที่เธอได้รู้จักเรย์ เธอก็มีความสุขมากแล้ว เธอไม่ได้ต้องการอะไรมากมายเลยในชีวิตนี้  ขอมีใครสักคนที่เข้าใจเธอและเป็นเพื่อนร่วมทางไปกับเธอได้ ถึงแม้การคิดว่าเรย์เป็นผู้ชายคนนั้นจะเร็วเกินไป แต่เรย์ก็เป็นผู้ชายคนเดียวที่เธอใกล้ชิดด้วยและให้ความไว้วางใจ

เวลาที่ใจดวงซ้อนท้ายเรย์และโอบเอวเขาไว้ ใจดวงรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เธอยอมรับว่าเธออาจหลงเรย์มากไปหน่อย แต่ก็ไม่แปลกเพราะนี่คือผู้ชายคนแรกในชีวิตที่เธอรู้สึกสนิทสนมด้วย พูดไปมันก็เหมือนเป็นเรื่องปัญญาอ่อน ผู้หญิงอายุ 33 ปีที่จะเพิ่งเรียนรู้ผู้ชายคนแรกในชีวิต ไม่ว่าจะคิดไปทางไหนมันก็คือเรื่องปัญญาอ่อน พูดไปคงไม่มีใครเชื่อ

วันนี้เรย์ยืนยันที่จะไปส่งเธอที่บ้าน เธอต้องโกหกว่าเธอพักอยู่ในชุมชนขนาดกลางใกล้ๆบ้าน พอเรย์ไปส่ง เธอถึงโทรเรียกคนที่บ้านให้มารับ

ใจดวงไม่แน่ใจว่าเวลาแห่งความสุขแบบนี้จะสิ้นสุดเมื่อไหร่ แต่ก็ช่างมันเถอะ ถ้ามันสิ้นสุดเมื่อไหร่ เธอก็คงรับได้ เพราะชีวิตของเธอมันไม่เหลืออะไรให้หวังแล้ว เรย์ที่อ่อนกว่าเธอหลายปี จะเห็นเธอเป็นตัวจริงได้อย่างไร เธอก็คงเป็นแค่ทางผ่านของเขา ชั่วครั้งชั่วคราว

คนที่มีความสุขกับความฝัน พอตื่นก็น่าจะทำใจได้กันทุกคน ใจดวงเองคิดว่าเธอก็ไม่ต่างจากคนพวกนั้น เพียงแต่ไม่รู้ว่าเธอจะตื่นเมื่อไหร่
ถ้าหลับแล้วมีความสุขแบบนี้ ใจดวงไม่อยากที่จะตื่นขึ้นมาเลย

***************************************************
โจนาธานไม่อยากจะตื่นขึ้นมาเลย เขาหลับที่เบาะหลังรถของอาจารย์เจริญด้วยความเหนื่อย คำรพกับสนั่นก็อยู่ที่เบาะหลังด้วย ส่วนนิจนั่งหน้าคู่กับอาจารย์เจริญ

อาจารย์เจริญอยากไปส่งโจนาธานก่อนเพราะเห็นว่าเขาเหนื่อยมาก หน้าตาไม่เป็นผู้เป็นคน ไหนจะต้องเจรจากับตำรวจเป็นเวลานาน รวบรวมเงินประกัน คอยกันชาวบ้านไม่ให้ขึ้นมาบนโรงพัก แล้วต้องเตรียมปรับแผนเพื่ออนาคตอีก

พอโจนาธานขึ้นไปนั่งบนรถ เขาก็หลับเป็นตาย ดูเหมือนเขาจะฝันถึงแต้ม แต่พอตื่นมาก็จำไม่ได้ เขารู้สึกมึนๆ จึงยอมมากับอาจารย์เจริญ โดยจอดรถไว้ที่สถานีตำรวจก่อน แล้วค่อยมารับรถวันหลัง

เหตุการณ์ในวันนี้ เขาไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเกิดขึ้นได้

ชาวบ้านลุกฮือน่าจะเป็นเพราะใครไปยุยง แต่ช่างเถอะ เขาไม่อยากสนใจคนอื่นอีกแล้ว แค่ปัญหาที่เขาต้องเข้าไปจัดการตอนนี้ มันก็เยอะอยู่แล้ว
หลังจากนี้จะต้องปรับแผนหลายอย่าง เวลาคิดถึงเรื่องพวกนี้ เขาหยุดคิดถึงแต้มไม่ได้

เขารู้สึกผูกพันกับแต้มเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะรู้จักกันไม่นาน แต่ก็รู้สึกเหมือนผูกพันกันมานาน พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นก็รู้สึกใจหาย ไม่ยากจะคิดว่าอาจไม่ได้เจอกันอีก ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาคงจะเสียใจมาก

การที่เราใช้ชีวิตไปวันๆ พอวันดีคืนดีก็มาเจอคนที่คิดว่าอาจใช่ อยากจะเรียนรู้กันไปเรื่อยๆ แต่ฟ้าก็ผ่ามาตรงกลางใจ ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมด จนโจนาธานเองอดใจหายไม่ได้

พอถึงห้องพักของเขา ถึงจะไม่อยากนอน แต่เขาก็หลับเป็นตายด้วยความเหนื่อย เขาคิดเสมอว่าเขาอยากได้ร้บโอกาสที่จะใกล้ชิดกับแต้มอีก แต่ไม่แน่ใจว่าในอนาคตจะได้รับโอกาสแบบนั้นหรือไม่

***********************************
โอกาสที่แต้มได้รับคือการถูกบังคับให้ไปบริษัทของกำจรแต่เช้า เธอยังงงๆอยู่ แต่ก็คิดว่าควรจะตามใจพ่อไปก่อน แต้มไม่อยากหักด้ามพร้าด้วยเข่า เพราะเดี๋ยวเรื่องจะบานปลาย

พ่อของแต้มนัดให้แพรว ญาติห่างๆมาช่วยดูแลแต้ม แต้มมานั่งรอแพรวที่ร้านกาแฟในบริษัท จริงๆแล้วแต้มไม่ได้ปฏิเสธการทำงานออฟฟิศ เพียงแต่เธอชอบวงการศิลปะ แต่เธอคิดว่าถ้าไปพูดตรงๆ พ่อก็คงไม่เข้าใจ

รอไม่นานนัก แพรวก็เดินเข้ามา พอแต้มเห็นแพรวก็โบกไม้โบกมือใหญ่ แพรวเดินมานั่งข้างๆ
“เป็นไงบ้าง เมื่อคืนน่ะ พ่อของแต้มโทรมาเล่าอะไรให้ฉันฟังแบบหูแทบดับ และเช้านี้เป็นไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง”

แต้มยิ้มให้แพรว “ชีวิตมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก แต่พ่อคงใส่สีตีไข่ไปเยอะ แล้วแพรวเป็นไงบ้าง เราไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะ สบายดีเหรอ”

“ก็เรื่อยๆนะ งานการก็จำเจ ไม่ค่อยมีอะไรใหม่หรอก”

“เอากาแฟไหม เดี๋ยวไปสั่งให้”

“ไม่อ่ะ เบื่อแล้ว ร้านนี้กินทุกวันเลย”

แพรวดูมีสีหน้าเบื่อๆ แต่พอเธอเห็นใครบางคนเดินเข้ามาในร้านกาแฟ สีหน้าของแพรวก็เปลี่ยนไปทันที

แพรวลุกขึ้นไปทักผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งแต้มรู้สึกว่าเป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก ผมสั้นๆ หน้าตาดี แต่ดูเศร้าเหลือเกิน แพรวพาผู้หญิงคนนั้นมานั่งด้วย

“แต้มจ๊ะ นี่หวานนะ หวานเคยทำงานที่นี่มาก่อน แต่ออกไปเพราะต้องไปดูแลสามี”

แพรวหันไปทางหวาน

“นี่แต้ม ญาติห่างๆอ่ะ แต่สนิทกันมาก ห่างกันไปนานเพิ่งจะกลับมาเจอกันเนี่ยแหละ”

พอแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายทำความรู้จักกันเสร็จ แพรวก็หันมาคุยกับหวานต่อ

“พี่พงษ์เป็นไงบ้างจ๊ะ”

สีหน้าของหวานดูเศร้าลงไปอีก “ก็เรื่อยๆค่ะ”

“แล้ววันนี้หวานมาที่นี่ทำไมอ่ะ”

“คือ ... หวานคิดว่าจะกลับมาทำงานค่ะ ตอนนี้เงินเก็บก็แทบจะไม่มีแล้ว”

“อ้าว แล้วพี่พงษ์ล่ะจ๊ะ ใครจะดูแล”

“หวาน ... หวานยังคิดอะไรไม่ออกเลยค่ะ ถ้าหวานกลับมาทำงานต่อได้ ก็ค่อยคิดเรื่องนั้นอีกที”

แต่ดูเหมือนมีเรื่องอื่นที่แพรวเป็นห่วงมากกว่า

“แต่ถ้าหวานกลับมาทำงานได้จริงๆ หวานไม่กลัวเหรอ”

หวานดูเงียบไป แต้มงงกับคำถามนี้มาก แต่เธอยังนิ่งอยู่ เธอยังไม่กล้าถามอะไรตอนนี้เพราะกลัวจะเสียมารยาท

แพรวเองยังคะยั้นคะยอ

“ยิ่งถ้ากลับมาทำงานแผนกเดิมได้ มันจะไม่เกิดเรื่องขึ้นอีกเหรอ”

หวานมีสีหน้าไม่สู้ดี

“แต่ ... แต่หวานไม่มีทางเลือกแล้ว ถ้าจะไปสมัครงานที่อื่น เขาก็คงไม่รับ เพราะหวานเองอาจจะต้องขอกลับไวกว่าคนอื่น”

“อ้าว ขอแบบนั้น เขาจะให้เหรอ”

แต้มเห็นว่าแพรวเริ่มถามเรื่องส่วนตัวมากขึ้นทุกที เธอจึงรับอาสาไปสั่งกาแฟให้

“เดี๋ยวแต้มไปสั่งกาแฟให้นะ”

พอแต้มไปแล้ว แพรวจึงเจาะลึกได้มากขึ้น

“คุณลิขิตเขาน่าจะรับหวานเข้าทำงานได้ไม่ยาก แต่หวานไม่กลัวเขาเหรอ ถ้าเขาจะหาทางลวนลามหวานอีก”

หวานเริ่มน้ำตาซึม

“แต่หวานไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร หวานคิดว่าคุณลิขิตเขาน่าจะแค่ลวนลามนิดๆหน่อย หวานต้องทนให้ได้ แต่เขาคงไม่กล้าถึงขั้นข่มขืนหวานหรอก”

แพรวจับไหล่หวาน

“หวานจะยอมเขาเหรอ พูดอะไรออกมารู้ตัวไหม”

“แต่หวานไม่มีทางเลือกนี่คะ แค่ทุกวันนี้หวานก็ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดในบ้าน หวานเครียดมากเลยค่ะพี่แพรว”

“แล้วพงษ์ล่ะ ดีขึ้นไหม”

“เหมือนเดิมค่ะพี่ เขายังเป็นอัมพาตท่อนล่างอยู่ อารมณ์ก็ขึ้นๆลงๆ แต่หวานอยากมีลูกกับเขา”

แพรวเริ่มมีน้ำเสียงจริงจังมากขึ้น

“ฟังพี่นะหวาน การมีลูกมันเรื่องใหญ่นะ พี่พอจะเดาออกว่าการที่หวานอยากมีลูกกับเขา เพราะหวานคิดว่าอาจทำให้พงษ์รู้สึกไม่ผิด รู้สึกว่าการที่เขาเป็นอย่างนี้ เขาก็สามารถมีลูกกับหวานได้ แต่เรื่องมันไม่ง่ายอย่างที่หวานคิดนะ มันไม่ง่ายถึงขนาดนั้น”

ขณะที่แพรวกำลังพูดอยู่ หวานเหมือนจะเจอใครบางคนที่เธอรู้จัก หวานดูเหมือนตื่นกลัว แพรวจึงหันไปมอง เธอแกล้งร้องทักขึ้น

“สวัสดีค่ะคุณลิขิต”

โปรดติดตามตอนต่อไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่