ร้อนเร่าเร้าอารมณ์ ตอนที่ 6

กระทู้สนทนา
ร้อนเร่าเร้าอารมณ์ ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/35715756
ร้อนเร่าเร้าอารมณ์ ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/35717992
ร้อนเร่าเร้าอารมณ์ ตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/35726142
ร้อนเร่าเร้าอารมณ์ ตอนที่ 4 http://ppantip.com/topic/35736149
ร้อนเร่าเร้าอารมณ์ ตอนที่ 5 http://ppantip.com/topic/35744346

ร้อนเร่าเร้าอารมณ์ ตอนที่ 6

พยัพกับวินมาตรงที่เกิดเหตุเป็นคนแรกๆ แต่ต้องยืนอยู่ห่างๆ เพราะชาวบ้านมาล้อมรอบบ้านที่ใช้เป็นที่ถ่ายทำกันเป็นจำนวนมาก

“เราจะเข้าไปช่วยพวกเขายังไงดีครับ”

พยัพร้อนใจมาก เข้ารู้สึกผิดเพราะว่าเขาเลือกที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายทำ

“ตำรวจน่าจะกำลังมา แต่ถ้าไอ้น้องอยากจะช่วยพวกเขาจริงๆ พี่ว่าเรามาทางนี้กันดีกว่า”

------------------------------------------------------------

“เรามาทางนี้กันดีกว่า” คำรพยืนยันที่จะเข้าไปใกล้ที่เกิดเหตุมากขึ้น แต่สนั่นห้ามเขาไว้

“ถ้าเมิงไปใกล้มากกว่านี้ เมิงโดนชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์แน่ กูรับรอง”

สนั่นเตือนเขาด้วยความหวังดี แต่คำรพทนไม่ได้ เขากลัวแต้มจะตกอยู่ในอันตราย

“กูห่วงแต้มว่ะ ห่วงมากๆ กูว่าเราต้องทำอะไรสักอย่าง”

สนั่นกำลังจะพูดกับคำรพต่อ แต่ดูเหมือนเขาเห็นใครบางคน

“พี่นิจ”

ผู้หญิงสวยคนหนึ่งกำลังเดินลงไปตรงที่ชายหนุ่มทั้งสองยืนอยู่

“พี่นิจมาได้ยังไงครับ” สนั่นถามผู้หญิงคนนั้น

“พี่มากับอาจารย์เจริญจ่ะ”

คำรพยืนงง เขาสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร สนั่นจึงแนะนำให้คำรพรู้จักกับนิจ

“นี่พี่นิจ พี่เขาทำงานอยู่ที่ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมแสงอรุณ พี่นิจครับ นี่เพื่อนผมครับ ชื่อคำรพ เรียนอยู่ที่เดียวกัน”

คำรพยกมือไหว้นิจ

“สวัสดีจ๊ะ”

นิจหันไปถามสนั่น “เหตุการณ์เป็นไงบ้าง”

“ยังวุ่นวายอยู่เลยครับพี่ ไม่รู้ว่าใครไปบอกชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านเดือดได้ขนาดนี้”

นิจรำพึง “เหมือนเหตุการณ์เมื่อ 10 ปีก่อนเลย”

สนั่นหันมาถามนิจ “เหตุการณ์อะไรเหรอครับพี่”

“ตอนนั้นที่คุณไบรอัน เบนเนต ยังจัดบางกอกฟิล์มเฟสติวัลที่เอ็มโพเรียม ปีนั้นมีคนกลุ่มนึงแอนตี้หนังเรื่องบูกิสสตรีทจนหนังไม่สามารถฉายที่เอ็มโพเรียมได้ เราจึงนำหนังมาฉายที่แสงอรุณ แต่ก็ยังมีคนแจ้งตำรวจว่ามีคนจับกลุ่มกันดูหนังโป้ทั้งๆที่บูกิสสตรีทไม่ใช่หนังโป้ แต่เป็นหนังศิลปะที่มีชื่อเสียง วันนั้นจำได้ว่ามีตำรวจมากันเยอะมากจนเราต้องยกเลิกการฉายหนังกลางครัน แต่พอตำรวจมาตรวจสอบแล้วก็บอกว่าให้ดูกันต่อได้เพราะตัวหนังไม่ได้เป็นอย่างที่มีผู้แจ้งความไว้ จำได้ว่าวันนั้นมีคนมาดูหนังเรื่องนี้กันเยอะมาก และทางตำรวจก็ได้สรุปว่าบูกิสสตรีทไม่ใช่หนังโป้แต่เป็นหนังศิลปะ”

หลังจากนิจพูดจบแล้วก็เงียบไปพักนึงก่อนจะพูดต่อว่า

“พี่เข้าใจนะที่เจ้ยประกาศว่าจะไม่ทำหนังไทยอีก แต่จะไปทำหนังที่ต่างประเทศ”

คำรพหันมาถามนิจ “เจ้ยไหนครับ”

“อภิชาตพงศ์ วีระเศรษฐกุลไง ที่ได้ปาล์มทองจากคานส์อ่ะ เรื่องลุงบุญมี”

“อ๋อ ... ครับ หนังที่เขาสร้างอ่ะ สุดยอดเลยนะครับ” คำรพพูดออกมาจากใจ

นิจทำหน้าบอกบุญไม่รับ “แต่เราก็รู้ว่าสำหรับคนไทย หนังเขาดูยากนะ แต่ช่างเหอะ เจ้ยก็ได้เลือกเส้นทางของเขาแล้ว”

“ตกลงเรื่องนี้ใครถูกใครผิดอ่ะครับ” สนั่นถามนิจ

“พี่ว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีใครถูกใครผิดหรอก มันอยู่ที่ประสบการณ์และการรับรู้มากกว่า”

ขณะนั้นมีแท็กซี่หลายคันเข้ามาในพื้นที่

“ทำไมแท็กซี่เยอะขนาดนี้ครับ” คำรพสงสัย

“พี่ว่าเครือข่ายเขาคงเรียกกันมาช่วยทำอะไรกันบางอย่าง”

ขณะที่แต้ม เรย์ วิกกับช่างกล้องอีกสามคนกำลังผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในบ้าน ดันมีมือที่สามกลุ่มหนึ่งที่มาจากไหนก็ไม่รู้ พากันเอาน้ำมันมาราดที่หลังบ้านและกำลังจะจุดไฟเผาทุกคนที่อยู่ในบ้าน แต่ยังไม่ทันจะจุดไฟ กลุ่มเพื่อนแท็กซี่ของวินก็เข้ามาขัดขวาง พร้อมด้วยพยัพที่เข้ามาช่วยอย่างเต็มที่
วินตะโกนว่า “กูนึกแล้วว่าพวกเมิงต้องมาทำอะไรกันแบบนี้”

สิ้นเสียงของวินก็เกิดการตะลุมบอนกันหลายคู่

ตำรวจมากกว่าสิบนายเข้ามาในที่เกิดเหตุ พวกเขาช่วยกันกันกลุ่มชาวบ้านที่กำลังเดือดจัด เพื่อจะนำทีมของแต้มไปควบคุมที่สถานีตำรวจ
ตอนนั้นเหตุการณ์ชุลมุนมากจนตำรวจต้องขอกำลังเสริม ตำรวจหลายนายตะโกนบอกชาวบ้านให้ใจเย็นๆ เพราะยังไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าในบ้านนั้นถ่ายหนังโป้กันจริงหรือไม่

อาจารย์เจริญจากศิลปากรก็กำลังให้สัมภาษณ์นักข่าวอยู่

“ผมแน่ใจว่าในบ้านนั้นไม่ได้ถ่ายหนังโป้ครับ เท่าที่ทราบมันเป็นหนังศิลปะ วิกเป็นคนบินมากำกับด้วยตัวเองครับ เขาเป็นคนไทยที่ไปประกอบอาชีพทางด้านศิลปะที่ประเทศอังกฤษ แล้วอีกสองสามวันนี้ เขามีคิวที่จะต้องไปแสดงผลงานต่อที่สถาบันศิลปะที่ชิคาโกครับ”

เมื่อกำลังเสริมมาถึง ตำรวจต้องช่วยกันกันชาวบ้านให้อยู่ห่างๆ แล้วนำทีมงานทั้งหมดออกมาจากบ้านอย่างทุลักทุเลเพื่อไปยังสถานีตำรวจที่อยู่ไม่ไกลนัก
ชาวบ้านก็ยังตามไปที่สถานีตำรวจกันต่ออีก

โจนาธานรีบมายังที่เกิดเหตุ พอรู้ว่าทุกคนถูกคุมขังอยู่ที่สถานีตำรวจแล้ว เขาก็รีบไปที่นั่นทันที เช่นเดียวกับใจดวง เธอเป็นห่วงเรย์มาก และรีบมายังที่เกิดเหตุโดยนั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างมา พอเธอรู้ว่าทุกคนอยู่ที่สถานีตำรวจกันหมดแล้ว เธอก็รีบตามไปที่สถานีตำรวจทันที

ตอนนั้นที่สถานีตำรวจโกลาหลมาก

โจนาธานกำลังรวบรวมเงินประกัน เขาทราบมาว่ามีคนแจ้งความมาก่อนหน้านี้ว่าทีมหนังโป้นี้ผิดกฏหมายมาตรา 287 วรรค 2 หรือ 3 ก็ไม่รู้ ตำรวจคงต้องทำการสอบสวนอย่างละเอียด ระหว่างนี้ เขาจะต้องประกันทุกคนออกมาให้ได้ก่อน แต่เขากำลังเครียดเพราะว่าเงินประกันไม่น่าจะพอ แต่ใจดวงก็โผล่มาทันท่วงที พอเธอทราบเรื่อง เธอจึงบอกว่า

“ฉันช่วยได้ค่ะ ฉันพอมีเงิน”

โจนาธานมองหน้าใจดวงด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

“ขอบคุณมากนะอาภา”

วิกกับช่างกล้องอีกสามคนถูกขังในห้องขังชาย ส่วนแต้มถูกจับแยกออกไปอยู่ในห้องขังหญิง

แต้มเองห่วงแต่โจนาธาน เมื่อโครงการนี้โดนแบบนี้ โจนาธานคงเครียดมาก เธอเห็นโจนาธานเหนื่อยมากที่ต้องเตรียมงานต่างๆ กว่าจะมาถึงวันนี้ เขาเองต้องเหนื่อยไม่น้อย

ไหนจะต้องประสานงานโครงการอื่นอีก

แต้มรู้สึกว่าเรื่องแบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้นมาเลย คงมีผู้หวังดีไปแจ้งตำรวจ ในเวลาเดียวกันก็ไปยุยงชาวบ้าน

ชาวบ้านแทบไม่ได้ตรวจสอบเลยว่าอะไรเป็นอะไร พวกเขาโกรธแค้นเมื่อรู้ข่าวว่ามีคนจะมาสร้างหนังโป้ที่นี่

แต้มไม่ค่อยเข้าใจชาวบ้านกลุ่มนี้มากนัก ไม่รู้ว่าเขาตีความหนังโป้ว่าอย่างไร

แต้มแน่ใจว่าประชากรชายในหมู่บ้านเกือบจะทุกคนมีวีซีดีหนังโป้เก็บไว้ที่บ้าน เอาไว้ดูกันส่วนตัว นั่นอ่ะหนังโป้จริงๆ ผู้ชายเกือบจะทุกคนได้มีโอกาสดูหนังโป้พวกนี้

พอชาวบ้านเห็นหนังโป้พวกนั้นก็ต่างไม่รู้สึกอะไรเลย มันเหมือนกับเป็นปัจจัยที่ 5 ในครอบครัว ไม่มีใครคิดจะไปประท้วงหรือออกไปตามล่าผู้ผลิตและไม่คิดว่ามันทำลายสังคม

แต่พอกับหนังที่กำลังจะถ่ายทำและชาวบ้านไม่รู้รายละเอียดอะไรสักอย่าง แต่ทำไมพวกเขาถึงเป็นเดือดเป็นแค้นได้ถึงขนาดนี้

ทำไมถึงรู้สึกว่าหนังศิลปะเรื่องนี้ถึงทำลายวัฒนธรรมของหมู่บ้าน ทั้งๆที่สามีและลูกชายหลานชายของคนในหมู่บ้านต่างก็สะสมวีซีดีหนังโป้เอาไว้ดูกัน บางครอบครัวก็ดูกันทั้งสามีและภรรยาเพื่อเสาะหาท่าหฤหรรษ์

ยังไม่นับซ่องประจำหมู่บ้านที่สนนราคาถูกมากๆ เอาผู้หญิง 1 ครั้งเสียแค่ 100 กว่าบาท

หรือว่าวีซีดีหนังโป้กับซ่องประจำหมู่บ้านคือวัฒนธรรมของหมู่บ้านไปซะแล้ว แต่หนังศิลปะเรื่องนั้นไม่ใช่ มันเป็นหนังนอกวัฒนธรรมของเขา มันเป็นอะไรที่เขาไม่เข้าใจ พวกเขาจึงกลัวมัน

ผิดกับซ่องประจำหมู่บ้านที่แพร่โรคเอดส์ให้กับชาวบ้านหยั่งกับมีงานเทศกาล พวกเขากลับไม่แยแส กลับไม่คิดว่ามันจะทำให้เสียวัฒนธรรม และไม่คิดว่าที่กำลังยอมรับบางสิ่งบางอย่างอยู่ มันเป็นเรื่องเสื่อมเสีย

ไหนจะวัฒนธรรมที่อยากให้ลูกสาวมีผัวฝรั่ง ไหนจะวัฒนธรรมที่บางบ้านยอมให้ลูกสาวมาขายตัวที่กรุงเทพแล้วส่งเงินกลับบ้านกองพะเนินเพื่อเอาไปปลูกบ้านหลังใหญ่ๆและซื้อรถหรูๆเอามาอวดกัน

แต้มอยากจะสำรอกให้กับวัฒนธรรมพวกนี้ ...

ขณะที่แต้มกำลังคิดฟุ้งซ่านอยู่นั้น นายตำรวจก็เดินมาเปิดประตูห้องขังให้เธอ

“มีคนมาประกันคุณแล้วครับ”

แต้มดีใจมาก

“ต้องเป็นโจนาธานแน่ๆ”

เธอแอบคิดในใจ

แต่พอเดินออกมา เธอตกใจแทบสิ้นสติ เพราะคนที่ประกันตัวให้เธอกลับเป็นท่านรัฐมนตรีช่วยอาคม เขื่อนจินดา คุณพ่อของเธอเอง
“รีบกลับบ้านเดี๋ยวนี้ นังลูกไม่รักดี”

แต้มหันไปมองแววตาที่ปวดร้าวของโจนาธานก่อนที่เธอจะต้องเดินตามพ่อของเธอไป

โจนาธานไม่เคยรู้สักนิดว่าท่านรัฐมนตรีช่วยอาคม เขื่อนจินดา เป็นพ่อของแต้ม

เขารับรู้แค่ว่าเธอคือแต้ม บุษบาบัณ มานะพันธศักดิ์ นางแบบนู้ดคนสำคัญในต่างประเทศ

แต้มเดินไปขึ้นรถ ก่อนรถจะออก เธอหันไปมองโจนาธานที่ยังคงมองเธออยู่อย่างไม่ละสายตา

ทั้งคู่มองกันจนรถเคลื่อนตัวออก มองกันจนลับสายตาไป

โปรดติดตามตอนต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่