[CR] “CHILDREN OF MEN” ต่างเชื้อชาติ ทางศาสนา ขัดแย้งวัฒนธรรม แต่ “เสียงทารกร้อง” ล้วนเหมือนกัน

“ท่ามกลางนรก เสียงทารกคือ สรวงสวรรค์”

“ท่ามกลางซากศพ มารดาผู้อุ้มบุตรคือพระเจ้า”

“เมื่อความหวังแทบสูญสิ้น พระเจ้าจะปรากฎ”

“เมื่อทุกอย่างเคยสูญหาย พอกลับมาคือ เสียงดนตรีจากสรวงสวรรค์




CHILDREN OF MEN (2006) กำกับภาพยนตร์โดย “Alfonso Cuarón” ดัดแปลงมาจากนวนิยายในชื่อเดียวกันของ     
“P.D. James” ผู้ล่วงลับ เมื่อดูจากงานขียนของเธอแล้วล้วนเล่าเรื่องหรือสร้างสภาพแวดล้อมให้เห็นถึงบริบทความขัดแย้งทางการเมือง เชื้อชาติ ศาสนา กระบวนการยุติธรรม เช่นเดียวกันกับเรื่องนี้



ภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าด้วย “ธีออน ฟารอน” ชายวัยกลางคน อาศัยอยู่ในมหานครลอนดอนในปี 2027 ผู้สูญเสียลูกชายจากภาวะโรคระบาดทั่วโลก และโรคดังกล่าวได้คร่าชีวิตทารก และทำให้สตรีทุกคนเป็นหมันทั้งหมด เด็กและเยาวชนจนสูญสิ้น เหลือไว้เพียงวัยรุ่นอายุ 18 ปี ที่มีอายุน้อยที่สุด ในช่วงเวลานั้น




กว่า 8 ปีก่อนปี 2027 ที่ทั่วทั้งโลกไม่เคยได้ยินเสียงเด็กทารกอีกเลย โรงเรียนเป็นเพียงสุสานไร้ศพ และเป็นที่อยู่ของสัตว์ป่า โลกจึงไร้ซึ่งความหวัง เมื่อไร้ซึ่งความหวังความโกลาหลก็เกิดขึ้นจนนำไปสู่ภาวะสงครามกลางเมืองทั่วโลก เหลือไว้เพียง “มหานครลอนดอน” ที่กลายเป็นความหวังสุดท้ายของมวลมนุษยชาติที่ต้องการความสงบ แต่เมื่ออพยพเข้ามาถึงก็กลับกลายเป็น “นรก” ไม่แตกต่างจาก Auschwitz concentration camp ของนาซี ทั้งบริบทความรุนแรงและการโฆษณาชวนเชื่อว่าเป็นดินแดงแห่งสันติภาพผืนสุดท้าย




สังเกตภาพยนตร์มาหลายเรื่องเหมือนกันว่า หากจะมีภาพยนตร์สักเรื่องว่าด้วย ภาวะโลกโกลาหลแบบ DISTOPIA ไม่อเมริกาก็อังกฤษนี้ล่ะจะเป็น แผ่นดินผนสุดท้ายสำหรับความหวังแห่งมวลมนุษยชาติ ส่วนที่ให้ “อเมริกา” นั้นคงไม่แปลกใจเท่าไร เพราะเกินครึ่งของภาพยนตร์แนวนี้สร้างโดย “อเมริกา” นั้นล่ะ ส่วนว่าทำไมต้องเป็น “อังกฤษ” อาจจะเป็นเพราะ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อังกฤษเป็นประเทศเดียวในยุโรปที่ไม่ถูก “ลัทธินาซี” รุกรานเข้ามา และอังกฤษก็คือ ความหวังสุดท้ายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทีทำให้อเมริกาใช้เป็นฐานทัพในการ “ยกพลขึ้นบก”




แต่อย่าคิดว่านี่คือหนัง “อวยอังกฤษ” ไม่เลย ซ้ำร้ายไปกว่านั้นนี่คือหนังที่ “ด่า” อังกฤษในฐานะ “ดินแดนผู้ดีโดยตรง”




เกริ่นมาตั้งนาน เอ้า นี่หนังด่าความเป็นผู้ดีและลัทธิคนผิวขาวประเสริฐที่สุด...คุ้น ๆ ไหม พวกแนวคิด “เรา” ประเสริฐที่สุด



สภาพแวดล้อมของในอังกฤษในตอนนั้นเป็น “ที่พึ่งสุดท้าย” ของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรมและภาษาที่ต้องการจะอพยพหนีภัยสงครามและต้องการมีชีวิตรอดต่อไป อังกฤษจึงเป็นประเทศสำหรับผู้อพยกต่างแดนโดยเฉพาะจากชาว...ชาว...ชาว...ใช่แล้ว ชาวมุสลิมนั้นเอง



มันน่า “ทึ่ง” มากที่หนังเรื่องนี้เป็นออกฉายเมื่อปี 2006 แต่กลับฉายภาพสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2017 และสะท้อนปัญหาผู้อพยพเข้ามาในแผ่นดินยุโรปได้อย่างแม่นยำ ใช่แล้ว “ภัยก่อการร้าย” การทำร้ายผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้อง



เมื่อผู้อพยพเข้ามาในอังกฤษ หลายกลุ่มหลายคน หลายเชื้อชาติ กลับทำสงครามก่อการร้ายเพื่อต้องการเรียกร้องในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ดังนั้นรัฐบาลอังกฤษในตอนนั้นจึงออกนโยบาย “จัดกลุ่ม” ให้ผู้อพยพเข้ามาอาศัยในค่ายกักกัน มีการปราปปรามและละเมิดสิทธิ เสรีภาพ รัฐบาล ทหาร ตำรวจใช้ความรุนแรงกับผู้อพยพอย่างร้ายแรง นำไปสู่การต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเอง ดังนั้นัฐบาลอังกฤษจึงหยุดนโยบายรับผู้อพยพชั่วคราว ทำให้ผู้คนในดินแดนอื่น ๆ ล้มตายจากภัยสงคราม เมื่อมีคนอังกฤษไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ กลุ่มกบฎจึงเกิดขึ้นนำโดย “จูเลียต”  อดีตภรรยา ของ “ธีออน ฟารอน” เป็นผู้นำแล้ว “เหตุการณ์บางอย่าง” ก็ทำให้ทั้งคู่มาเจอกันอีกครั้ง เมื่อ จูเลียตพบปาฎิหารย์จาก “หญิงสาวผวสีกำลังตั้งครรภ์” และต้องการพาเธอไปยัง “โครงการวิจัยมนุษย์” เพื่อแก้ปัญหาสภาวะผู้หญิงไม่ตั้งครรภ์อีกแล้ว และเธอจึงต้องขอความช่วยเหลือจาก อดีตสามีของเธอ





จากนี้ไปอาจเปิดเผยเนื้อหาเชิงลึกของเรื่องบ้าง แต่อ่านไปก็ไม่ได้มีผลทำให้ดูหนังไม่ได้อรรถรส ยิ่งไปกว่านั้นอาจจะทำให้ดูหนังได้สนุกขึ้น เข้าใจมากขึ้นก็ได้นะ...



สิ่งที่ชอบมากในภาพยนตร์เรื่องนี้คือ  “เงื่อนไขของเรื่อง”  เพราะในขณะที่รัฐบาลอังกฤษและทั่วโลกกำลังปราบปรามและกวาดล้างกลุ่มผู้อพยพ ต่างเชื้อชาติ ต่างวัฒนธรรมอย่างรุนแรง ในสภาพแวดล้อมที่โลกของไม่มี “เสียงสวรรค์” อีกแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่า “อนาคตของมวลมนุษยชาติทั้งหมด” กลับอยู่ที่ “หญิงผิวสี” เสียอย่างนั้น ดอกไม้ท่ามกลางผืนทะเลยทรายถือโดยหญิงสาวที่ถูกฉาบด้วยประวัติศาสตร์แห่งความถูกกดขี่ ความเกลียดชัง  ชนชั้น สิ่งมีชีวิตที่ครั้งหนึ่งเคยถูกเรียกว่า “ทาส”




ในสภาพแวดล้อมที่วัตถุทรงกลมมีสีฟ้าอยู่มากที่สุดไร้ซึ่งความหวัง หมดสิ้นการสืบทอดและดำรงเผ่าพันธุ์ เมื่อมนุษย์หมดซึ่งความหมายในการดำรงอยู่ หมดซึ่งความหวังที่จะมีความฝัน และ “ยาฆ่าตัวตาย” ก็กลายเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย




ท่ามกลางเสียงกระสุนปืนของความแตกต่าง แม่น้ำสีเลือด ควันไฟแห่งความแค้น ซากปรักหักพังแห่งความเกลียดชัง เสียงร้องครวญครางดังสนั่นหวั่นไหว ราวกับภูเขาไฟระเบิดและลาวาไหลผ่านเมืองหลวง ท่ามกลางเสียงตะคอก เสียงฝีเท้าตังกึกก้องแข่งกับเสียงปลอกกระสุนปืนกระทบลงพื้นเป็นบทเพลงแห่งความเศร้าโดยไม่ต้องมีเสียงดนตรีบรรเลง  เสียงคำสั่งของผู้บังคับบัญชากลับกลายเป็นเสียงของพระผู้เป็นเจ้า  เมื่อภาษาของพวกเขาคือ ใบอนุญาตให้ฆ่ามนุษย์ซึ่งเคยมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่แต่คำสั่งตายกลับออกมาจากเครื่องเล็ก ๆ ที่เรียกว่า วิทยุสื่อสาร




ในสภาพแวดล้อมที่วัตถุทรงกลมมีสีฟ้าอยู่มากที่สุดไร้ซึ่งความหวัง หมดสิ้นการสืบทอดและดำรงเผ่าพันธุ์ เมื่อมนุษย์หมดแล้วไร้ความหมายในการดำรงอยู่ หมดซึ่งความหวังที่จะมีความฝัน แล้ว “ยาฆ่าตัวตาย” ก็กลายเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย



แต่แล้วเมื่อเสียง “ทารก” ร้องดังขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่คงไม่มีหมอดูคนพยากรณ์ได้ว่า ทารกคนนั้นกำลังรู้สึกอย่างไร กำลังจะบอกอะไรแก่โลกที่แวดล้อมเธอด้วย “ความรุนแรง”  เสียงของทารกผิวสี ตัวเล็ก ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ กลับทำให้ “นรก” กลายเป็น “สวรรค์” ในชั่วพริบตา เป็นนักบวชผู้มาเทศนาสั่งสอน เป็นพระเจ้าผู้มาให้ความหวังแก่พวกเราที่อยู่ท่ามกลางความรุนแรงจากความแตกต่างอีกครั้ง แต่ไม่นาน มนุษย์ก็คือความรุนแรง ความเห็นแก่ตัว  เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย “ทารก” ก็กลับกลายเป็น “เครื่องมือทางการเมือง” เพื่อเรียกร้องในสิ่งที่ตัวเองต้องการ


“CHILDREN OF MEN”   ให้สารที่จับใจความได้สำคัญอย่างหนึ่งว่า “แม้เราจะแตกต่างกันทางเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรมกันแค่ไหนก็ตาม แต่เมื่อยามเราเกิดมา เราก็ร้องด้วยท่วงทำนองเหมือนกันทั้งนั้น



มีเพียงค่านิยม บรรทัดฐาน การสั่งสอนและวัฒนธรรมนั้นแหละที่ทำให้เราแตกต่างจนนำไปสู่ความรุนแรง จะดีกว่าไหมหากเราคำนึงถึงความแตกต่างทางความคิด รูปลักษณ์ภายนอกและสิ่งที่นึดคิดในจิตใจ เป็นเพียงสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา หาใช่สิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้นเพื่อให้เราตระหนักรู้ว่า เราก็ต่างเป็นมนุษย์เหมือนกัน



กี่ครั้ง กี่ครา กี่ประวัติศาสตร์โลก กี่ความทรงจำ ที่ตอกย้ำและซ้ำเติมว่า เราเรียนรู้ความแตกต่างเป็นเพียง ผู้ก่อการร้าย  หนักแผ่นดิน เป็นอมนุษย์ ไม่ใช่คน และรังสรรค์ภาษาแห่งความเกลียดชัง กระสุนปืนแห่งความสะใจ ตราชั่งเอียงขวาใส่กลุ่มคนที่แตกต่างจากเรา



หรือจะรอให้ “พวกเธอ” ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีกต่อไป พวกเราจึงจะตระหนักได้ว่า  ไม่ควรมีใครและใครต้องได้รับความรุนแรงเพียงเพราะความแตกต่างทางเชื้อชาติและทางความคิดอีกแล้ว  



หรือจะรอให้เราสูญสิ้นความเป็นคน...



ติดตามงานเขียนอื่น ๆ รวมถึงแลกเปลี่ยน ติ ชม เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้ที่นี้
https://www.facebook.com/gamebhandavis/

เรียนเชิญทุกท่านจ้า
ชื่อสินค้า:   CHILDREN OF MEN
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่