ก่อนที่ผมจะกำเงิน 21,990 บาทไปสู่ขอเจ้า Zenfone 3 Ultra มาให้คุณแม่ใช้งานเนี่ย ผมได้เล็ง ๆ มือถือไว้ก่อนหน้านี้หลายรุ่น แต่สุดท้ายก็มาลงเอยกับ ASUS Zenfone 3 Ultra เครื่องนี้ (หารีวิวอ่านก็ไม่ค่อยจะเจอ เลยมารีวิวแบบบ้าน ๆ ซะเลย) เพราะมันตอบโจทย์การใช้งานที่คุณแม่ผมต้องการมากที่สุด ทั้งจอใหญ่, คมชัด, สเปคแรง, ใช้ได้ 2 ซิม และลำโพงเสียงดี
ปกติคุณแม่ผมจะพกอุปกรณ์ติดตัวประมาณ 3 ชิ้น คือมือถือปุ่มกด, มือถือ Windows Phone เครื่องเก่า (สมัย Windows 8.1) แล้วก็ iPad Mini Gen 1 ซึ่งอุปกรณ์ทั้ง 3 ชิ้นก็โรยราไปตามอายุ สเปคไล่ตามแอปต่าง ๆ ไม่ทันซะแล้ว ท่านใช้ไปก็บ่นไป แต่ก็ด้วยความที่ติด (เกม) สมาร์ทโฟนก็ทนเล่นกันไป
ไหน ๆ ก็ตั้งใจจะซื้อแท็บเล็ตเครื่องใหม่ให้ท่านอยู่แล้ว ผมก็เลยคิดว่าจัดให้มันครบถ้วนทีเดียวไปเลยดีกว่า ตามเงื่อนไข ดังนี้
- สเปคต้องแรง
- จอใหญ่ไม่แพ้แท็บเล็ต
- แบตเตอรี่อึด
- รองรับ 2 ซิม
- ลำโพงเสียงดี
- ตัวเครื่องไม่หนักจนเกินไป
หลังจากที่ได้เงื่อนไขของมือถือดังกล่าว หวยก็มาออกที่ Phablet อย่าง ASUS Zenfone 3 Ultra เครื่องนี้นี่แหละครับ เพราะทุกอย่างค่อนข้างลงตัวกับสิ่งที่ต้องการพอดี เลยไปจัดให้คุณแม่ซะเลย จ่ายเงินไป 21,990 บาท สบายใจ กระเป๋านี่เบาโหวง (ผมได้ ASUS Zenfone 3 Max ติดมือมาอีกเครื่อง เอาไว้ใช้เป็นเครื่องสำรอง ไว้ว่าง ๆ จะมารีวิวให้อ่านกัน)
สัมผัสแรกของ ASUS Zenfone 3 Ultra เอาจริง ๆ นี่ผมไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่า ASUS จะมาไกลขนาดนี้ เพราะเคยลองเล่น Zenfone 5, Zenfone 2 ของเพื่อนที่ออฟฟิศก็รู้สึกว่าเฉย ๆ วัสดุพลาสติกธรรมดามาก ๆ แต่สำหรับ ASUS Zenfone 3 Ultra นี่โลหะทั้งชิ้น ขึ้นรูปแบบ Unibody เก็บขอบเก็บมุมได้เป็นอย่างดี ไม่มีอาการคมบาดมือ
เริ่มจากกล่องนี่ก็จัดชุดใหญ่ไฟกระพริบ กล่องเป็นแบบลิ้นชัก ที่จะมีอุปกรณ์เสริมอยู่ทางด้านใน ได้แก่ สายชาร์จ, อะแดปเตอร์ (Zenfone 3 Ultra รองรับ Quick Charge) และก็หูฟัง ZenEar
ตัวเครื่องแม้จะหน้าจอใหญ่ถึง 6.8 นิ้ว แต่ก็ออกแบบมาให้มีขอบจอบางเฉียบ ทำให้การจับถือ การใช้งานไม่ได้มีปัญหาอะไร และเวลาที่เราใช้งานมือถือจอใหญ่ ๆ แบบนี้ ส่วนมากก็จะเน้นถือ 2 มือแบบแท็บเล็ตอยู่แล้ว
ตำแหน่งการวางปุ่มของ Zenfone 3 Ultra ทางด้านหน้าจะมีปุ่มโฮม ที่ติดสแกนนิ้วเอาไว้ โดยตัวสแกนนิ้วก็ปลดล็อคได้รวดเร็วดีครับ ข้าง ๆ จะเป็นปุ่ม back กับ recent app ที่มีไฟ LED ใต้ปุ่ม ตำแหน่งของปุ่ม back และ recent app จะอยู่ใกล้กับปุ่มโฮม ตอนที่เห็นเครื่องนี้ครั้งแรก ผมว่ามันไม่สมมาตรเอาซะเลย แต่พอได้ลองใช้ก็ถือว่าเป็นการเก็บรายละเอียดได้ดี เพราะถ้าให้ปุ่ม back กับ recent app ยืดออกไปอีกหน่อย ตอนใช้งานมือเดียวคงลำบากน่าดู
ปุ่ม Power หรือปุ่มเปิด/ ปิดเครื่องอยู่ทางด้านขวา เหนือปุ่ม Power จะเป็นช่องใส่ซิม และ MicroSD Card รองรับซิมการ์ดแบบ Nano Sim ใช้งานได้ 2 ซิม แบบ Full Netcom 3.0 คือใช้ 4G ได้ทั้ง 2 ซิมครับ ส่วน MicroSD ตามสเปคบอกว่ารองรับถึง 256 GB แต่ผมก็ไม่ได้ซื้อเพิ่มให้คุณแม่นะ เพราะที่มีอยู่ 64 GB ท่านก็น่าจะใช้พออยู่แล้ว
ปุ่มปรับระดับเสียงถูกย้ายมาทางด้านหลังของตัวเครื่อง เข้าใจว่าออกแบบมาให้ซัพพอร์ตการใช้งานมือเดียวมากที่สุด แต่ผมว่ามันแปลก ๆ เพราะตัวเครื่องก็ไม่ได้โค้งรับกับมือ เวลากดมันจะฝืน ๆ หน่อย แต่ยังดีที่ปุ่มไม่แข็งเหมือนตอน Zenfone 2 อันนั้นผมเคยลองกด เครื่องจะเด้งหลุดมือทุกที
พอร์ทเชื่อมต่อของ Zenfone 3 Ultra เปลี่ยนมาใช้ USB Type-C แล้วครับ ผมว่าก็ดีนะ ไม่ต้องมาคอยเล็งว่าจะเสียบด้านไหน หยิบสายได้ก็เสียบ ๆ เข้าไปเลย ข้าง ๆ พอร์ท USB Type-C จะเป็นลำโพงคู่ ที่ตามสเปคดูจะเป็นลำโพงสเตอริโอ แต่ด้วยตำแหน่งที่อยู่ด้านล่างทั้งหมด ผมก็ยังงง ๆ ว่าตอนใช้แนวนอนมันจะสเตอริโอยังไง 555
แต่เสียงลำโพงรุ่นนี้ดัง และเสียงดีใช้ได้เลยครับ เป็นจุดนึงที่ผมตัดสินใจซื้อให้คุณแม่เลยล่ะ เพราะท่านติดการดูละคร, ดูทีวี หรือแม้แต่เปิดหาอะไรใน Youtube ดูเอามาก ๆ อย่างตอนนี้ก็เป็นตีมถักหมวกไหมพรมเล่น ๆ ก็อาศัยดูจากยูทิวป์เอาล่ะครับ เลยอยากได้ลำโพงที่เสียงดี ๆ หน่อย และลำโพงคู่ของเจ้า Zenfone 3 Ultra ก็ตอบโจทย์ตรงนี้ที่สุดแล้ว
ส่วนช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรก็อยู่ทางด้านบนของตัวเครื่อง มือถือรุ่นนี้แถมหูฟัง ZenEar ที่เป็นแบบ In-Ear มาให้ด้วย แต่คุณแม่ผมคงไม่ได้ใช้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็เสร็จโจร
ASUS Zenfone 3 Ultra มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ครอบด้วย ZenUI เหมือนรุ่นก่อน ๆ ส่วนตัวผมกังวลเล็กน้อยว่าคุณแม่จะปรับตัวไม่ได้ เพราะท่านไม่เคยใช้แอนดรอยมาก่อน แต่พอให้ท่านลองใช้ก็ดูจะไม่มีปัญหาอะไร ยังคงเข้าเกม Candy Crush และดู Youtube ได้เหมือนตอนใช้ iPad Mini แถมยังชอบกว่าด้วยซ้ำ เนื่องจากหน้าจอคมชัด สีสันก็ดีกว่า
แบตเตอรี่ของ Zenfone 3 Ultra นี่ต้องบอกว่าอึดใช้ได้เลยครับ ด้วยความจุ 4600 mAh ก่อนจะนำเครื่องไปให้คุณแม่ ผมชาร์จไฟจนเต็ม สแตนบายซิม 4G ทิ้งไว้ 4 วัน แบตเตอรี่เหลือประมาณ 40% ได้ เลยอนุมานเอาว่า หากใช้งานต่อเนื่อง น่าจะได้ประมาณ 1 วันครึ่งเป็นอย่างต่ำ ถ้าเปิดโหมดประหยัดพลังงานคงลากได้ 2 วัน
ผมเพิ่มรีวิวกล้อง Zenfone 3 Ultra เข้าไปอีกสักหน่อย เพื่อปิดท้ายรีวิวก็แล้วกันครับ โดยกล้องเป็นอะไรที่ผมไม่ได้นึกถึงเลยตอนซื้อเครื่องนี้ เนื่องจากคุณแม่ผมท่านก็ไม่ได้ชอบถ่ายรูปอะไรมากมาย แต่เท่าที่ลองเล่นกล้องของ Zenfone 3 Ultra ผมว่าก็ใช้ได้เลยนะครับ สเปคกล้องคือเซนเซอร์ความละเอียด 23 ล้านพิกเซล มี Laser ช่วยโฟกัส, แฟลช Dual LED และเซนเซอร์วัดความแม่นยำของสี ติดนิดนึงตรงขนาดตัวเครื่องใหญ่ไปหน่อย ถ่ายมือเดียวลำบาก ยังไงก็ต้องถือ 2 มือเป็นหลัก
ผมก็ไม่ค่อยมั่นใจเรื่องเทคนิคเท่าไหร่ แต่เท่าที่ลองถ่ายรูปด้วย Zenfone 3 Ultra ก็พบว่ามันให้สีที่ค่อนข้างแม่นยำ แม้จะไปถ่ายพวกพื้นหญ้าเขียว ๆ ก็ยังไม่ติดเหลือง ส่วนการถ่ายกลางคืน ไม่มีโอกาสได้ลองเลย
ตัวอย่างภาพถ่ายก็ประมาณนี้ ผมแค่ทำการย่อไฟล์อย่างเดียวผ่าน Photoshop ไม่ได้ทำการแต่งภาพแต่อย่างใดครับ
สรุปภาพรวม ASUS Zenfone 3 Ultra สำหรับผม กับราคา 21,990 บาท ซื้อให้คุณแม่ใช้ ท่านแฮปปี้ ผมก็แฮปปี้ครับ ราคามันอาจจะดูแรงไปหน่อยสำหรับแบรนด์ ASUS แต่ถ้ามองว่าซื้อมือถือดี ๆ สักเครื่อง + แท็บเล็ตดี ๆ อีกเครื่อง ก็ตกเครื่องละ 10,000 บาทนิด ๆ เอง แต่อันนี้อยู่ในอุปกรณ์ชิ้นเดียว ไม่ต้องพกเยอะแยะมากมาย แถมยังตอบโจทย์เรื่องความบันเทิงทั้งภาพและเสียงอีกด้วย
สิ่งที่ชอบ
- จอใหญ่มาก คมชัด และเต็มตาสุด ๆ
- สเปคแรงใช้ได้ ความจุเยอะ 64 GB
- กล้องจัดว่าโอเค เซนเซอร์ให้มาครบ ๆ วัดสีค่อนข้างแม่นยำ
- แบตเตอรี่อึด
- เสียงลำโพงจากตัวเครื่องดัง และให้คุณภาพที่ดี
- รองรับ 4G ทั้ง 2 ซิมการ์ด
จุดที่ควรรู้
- ตัวเครื่องไม่เหมาะกับการใช้งานมือเดียว
- ตัวเครื่องหนักในระดับหนึ่ง ตามขนาดหน้าจอ แต่ก็เบาเมื่อเทียบกับ 6 นิ้วบางยี่ห้อ
- ปุ่มปรับเสียงด้านหลังกดยากเกินนนน
[CR] รีวิว ASUS Zenfone 3 Ultra พี่บิ๊กจอใหญ่ เป็นมือถือก็ได้ แท็บเล็ตก็ดี กับราคา 21,990 บาท
ก่อนที่ผมจะกำเงิน 21,990 บาทไปสู่ขอเจ้า Zenfone 3 Ultra มาให้คุณแม่ใช้งานเนี่ย ผมได้เล็ง ๆ มือถือไว้ก่อนหน้านี้หลายรุ่น แต่สุดท้ายก็มาลงเอยกับ ASUS Zenfone 3 Ultra เครื่องนี้ (หารีวิวอ่านก็ไม่ค่อยจะเจอ เลยมารีวิวแบบบ้าน ๆ ซะเลย) เพราะมันตอบโจทย์การใช้งานที่คุณแม่ผมต้องการมากที่สุด ทั้งจอใหญ่, คมชัด, สเปคแรง, ใช้ได้ 2 ซิม และลำโพงเสียงดี
ปกติคุณแม่ผมจะพกอุปกรณ์ติดตัวประมาณ 3 ชิ้น คือมือถือปุ่มกด, มือถือ Windows Phone เครื่องเก่า (สมัย Windows 8.1) แล้วก็ iPad Mini Gen 1 ซึ่งอุปกรณ์ทั้ง 3 ชิ้นก็โรยราไปตามอายุ สเปคไล่ตามแอปต่าง ๆ ไม่ทันซะแล้ว ท่านใช้ไปก็บ่นไป แต่ก็ด้วยความที่ติด (เกม) สมาร์ทโฟนก็ทนเล่นกันไป
ไหน ๆ ก็ตั้งใจจะซื้อแท็บเล็ตเครื่องใหม่ให้ท่านอยู่แล้ว ผมก็เลยคิดว่าจัดให้มันครบถ้วนทีเดียวไปเลยดีกว่า ตามเงื่อนไข ดังนี้
- สเปคต้องแรง
- จอใหญ่ไม่แพ้แท็บเล็ต
- แบตเตอรี่อึด
- รองรับ 2 ซิม
- ลำโพงเสียงดี
- ตัวเครื่องไม่หนักจนเกินไป
หลังจากที่ได้เงื่อนไขของมือถือดังกล่าว หวยก็มาออกที่ Phablet อย่าง ASUS Zenfone 3 Ultra เครื่องนี้นี่แหละครับ เพราะทุกอย่างค่อนข้างลงตัวกับสิ่งที่ต้องการพอดี เลยไปจัดให้คุณแม่ซะเลย จ่ายเงินไป 21,990 บาท สบายใจ กระเป๋านี่เบาโหวง (ผมได้ ASUS Zenfone 3 Max ติดมือมาอีกเครื่อง เอาไว้ใช้เป็นเครื่องสำรอง ไว้ว่าง ๆ จะมารีวิวให้อ่านกัน)
สัมผัสแรกของ ASUS Zenfone 3 Ultra เอาจริง ๆ นี่ผมไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่า ASUS จะมาไกลขนาดนี้ เพราะเคยลองเล่น Zenfone 5, Zenfone 2 ของเพื่อนที่ออฟฟิศก็รู้สึกว่าเฉย ๆ วัสดุพลาสติกธรรมดามาก ๆ แต่สำหรับ ASUS Zenfone 3 Ultra นี่โลหะทั้งชิ้น ขึ้นรูปแบบ Unibody เก็บขอบเก็บมุมได้เป็นอย่างดี ไม่มีอาการคมบาดมือ
เริ่มจากกล่องนี่ก็จัดชุดใหญ่ไฟกระพริบ กล่องเป็นแบบลิ้นชัก ที่จะมีอุปกรณ์เสริมอยู่ทางด้านใน ได้แก่ สายชาร์จ, อะแดปเตอร์ (Zenfone 3 Ultra รองรับ Quick Charge) และก็หูฟัง ZenEar
ตัวเครื่องแม้จะหน้าจอใหญ่ถึง 6.8 นิ้ว แต่ก็ออกแบบมาให้มีขอบจอบางเฉียบ ทำให้การจับถือ การใช้งานไม่ได้มีปัญหาอะไร และเวลาที่เราใช้งานมือถือจอใหญ่ ๆ แบบนี้ ส่วนมากก็จะเน้นถือ 2 มือแบบแท็บเล็ตอยู่แล้ว
ตำแหน่งการวางปุ่มของ Zenfone 3 Ultra ทางด้านหน้าจะมีปุ่มโฮม ที่ติดสแกนนิ้วเอาไว้ โดยตัวสแกนนิ้วก็ปลดล็อคได้รวดเร็วดีครับ ข้าง ๆ จะเป็นปุ่ม back กับ recent app ที่มีไฟ LED ใต้ปุ่ม ตำแหน่งของปุ่ม back และ recent app จะอยู่ใกล้กับปุ่มโฮม ตอนที่เห็นเครื่องนี้ครั้งแรก ผมว่ามันไม่สมมาตรเอาซะเลย แต่พอได้ลองใช้ก็ถือว่าเป็นการเก็บรายละเอียดได้ดี เพราะถ้าให้ปุ่ม back กับ recent app ยืดออกไปอีกหน่อย ตอนใช้งานมือเดียวคงลำบากน่าดู
ปุ่ม Power หรือปุ่มเปิด/ ปิดเครื่องอยู่ทางด้านขวา เหนือปุ่ม Power จะเป็นช่องใส่ซิม และ MicroSD Card รองรับซิมการ์ดแบบ Nano Sim ใช้งานได้ 2 ซิม แบบ Full Netcom 3.0 คือใช้ 4G ได้ทั้ง 2 ซิมครับ ส่วน MicroSD ตามสเปคบอกว่ารองรับถึง 256 GB แต่ผมก็ไม่ได้ซื้อเพิ่มให้คุณแม่นะ เพราะที่มีอยู่ 64 GB ท่านก็น่าจะใช้พออยู่แล้ว
ปุ่มปรับระดับเสียงถูกย้ายมาทางด้านหลังของตัวเครื่อง เข้าใจว่าออกแบบมาให้ซัพพอร์ตการใช้งานมือเดียวมากที่สุด แต่ผมว่ามันแปลก ๆ เพราะตัวเครื่องก็ไม่ได้โค้งรับกับมือ เวลากดมันจะฝืน ๆ หน่อย แต่ยังดีที่ปุ่มไม่แข็งเหมือนตอน Zenfone 2 อันนั้นผมเคยลองกด เครื่องจะเด้งหลุดมือทุกที
พอร์ทเชื่อมต่อของ Zenfone 3 Ultra เปลี่ยนมาใช้ USB Type-C แล้วครับ ผมว่าก็ดีนะ ไม่ต้องมาคอยเล็งว่าจะเสียบด้านไหน หยิบสายได้ก็เสียบ ๆ เข้าไปเลย ข้าง ๆ พอร์ท USB Type-C จะเป็นลำโพงคู่ ที่ตามสเปคดูจะเป็นลำโพงสเตอริโอ แต่ด้วยตำแหน่งที่อยู่ด้านล่างทั้งหมด ผมก็ยังงง ๆ ว่าตอนใช้แนวนอนมันจะสเตอริโอยังไง 555
แต่เสียงลำโพงรุ่นนี้ดัง และเสียงดีใช้ได้เลยครับ เป็นจุดนึงที่ผมตัดสินใจซื้อให้คุณแม่เลยล่ะ เพราะท่านติดการดูละคร, ดูทีวี หรือแม้แต่เปิดหาอะไรใน Youtube ดูเอามาก ๆ อย่างตอนนี้ก็เป็นตีมถักหมวกไหมพรมเล่น ๆ ก็อาศัยดูจากยูทิวป์เอาล่ะครับ เลยอยากได้ลำโพงที่เสียงดี ๆ หน่อย และลำโพงคู่ของเจ้า Zenfone 3 Ultra ก็ตอบโจทย์ตรงนี้ที่สุดแล้ว
ส่วนช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรก็อยู่ทางด้านบนของตัวเครื่อง มือถือรุ่นนี้แถมหูฟัง ZenEar ที่เป็นแบบ In-Ear มาให้ด้วย แต่คุณแม่ผมคงไม่ได้ใช้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็เสร็จโจร
ASUS Zenfone 3 Ultra มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ครอบด้วย ZenUI เหมือนรุ่นก่อน ๆ ส่วนตัวผมกังวลเล็กน้อยว่าคุณแม่จะปรับตัวไม่ได้ เพราะท่านไม่เคยใช้แอนดรอยมาก่อน แต่พอให้ท่านลองใช้ก็ดูจะไม่มีปัญหาอะไร ยังคงเข้าเกม Candy Crush และดู Youtube ได้เหมือนตอนใช้ iPad Mini แถมยังชอบกว่าด้วยซ้ำ เนื่องจากหน้าจอคมชัด สีสันก็ดีกว่า
แบตเตอรี่ของ Zenfone 3 Ultra นี่ต้องบอกว่าอึดใช้ได้เลยครับ ด้วยความจุ 4600 mAh ก่อนจะนำเครื่องไปให้คุณแม่ ผมชาร์จไฟจนเต็ม สแตนบายซิม 4G ทิ้งไว้ 4 วัน แบตเตอรี่เหลือประมาณ 40% ได้ เลยอนุมานเอาว่า หากใช้งานต่อเนื่อง น่าจะได้ประมาณ 1 วันครึ่งเป็นอย่างต่ำ ถ้าเปิดโหมดประหยัดพลังงานคงลากได้ 2 วัน
ผมเพิ่มรีวิวกล้อง Zenfone 3 Ultra เข้าไปอีกสักหน่อย เพื่อปิดท้ายรีวิวก็แล้วกันครับ โดยกล้องเป็นอะไรที่ผมไม่ได้นึกถึงเลยตอนซื้อเครื่องนี้ เนื่องจากคุณแม่ผมท่านก็ไม่ได้ชอบถ่ายรูปอะไรมากมาย แต่เท่าที่ลองเล่นกล้องของ Zenfone 3 Ultra ผมว่าก็ใช้ได้เลยนะครับ สเปคกล้องคือเซนเซอร์ความละเอียด 23 ล้านพิกเซล มี Laser ช่วยโฟกัส, แฟลช Dual LED และเซนเซอร์วัดความแม่นยำของสี ติดนิดนึงตรงขนาดตัวเครื่องใหญ่ไปหน่อย ถ่ายมือเดียวลำบาก ยังไงก็ต้องถือ 2 มือเป็นหลัก
ผมก็ไม่ค่อยมั่นใจเรื่องเทคนิคเท่าไหร่ แต่เท่าที่ลองถ่ายรูปด้วย Zenfone 3 Ultra ก็พบว่ามันให้สีที่ค่อนข้างแม่นยำ แม้จะไปถ่ายพวกพื้นหญ้าเขียว ๆ ก็ยังไม่ติดเหลือง ส่วนการถ่ายกลางคืน ไม่มีโอกาสได้ลองเลย
ตัวอย่างภาพถ่ายก็ประมาณนี้ ผมแค่ทำการย่อไฟล์อย่างเดียวผ่าน Photoshop ไม่ได้ทำการแต่งภาพแต่อย่างใดครับ
สรุปภาพรวม ASUS Zenfone 3 Ultra สำหรับผม กับราคา 21,990 บาท ซื้อให้คุณแม่ใช้ ท่านแฮปปี้ ผมก็แฮปปี้ครับ ราคามันอาจจะดูแรงไปหน่อยสำหรับแบรนด์ ASUS แต่ถ้ามองว่าซื้อมือถือดี ๆ สักเครื่อง + แท็บเล็ตดี ๆ อีกเครื่อง ก็ตกเครื่องละ 10,000 บาทนิด ๆ เอง แต่อันนี้อยู่ในอุปกรณ์ชิ้นเดียว ไม่ต้องพกเยอะแยะมากมาย แถมยังตอบโจทย์เรื่องความบันเทิงทั้งภาพและเสียงอีกด้วย
สิ่งที่ชอบ
- จอใหญ่มาก คมชัด และเต็มตาสุด ๆ
- สเปคแรงใช้ได้ ความจุเยอะ 64 GB
- กล้องจัดว่าโอเค เซนเซอร์ให้มาครบ ๆ วัดสีค่อนข้างแม่นยำ
- แบตเตอรี่อึด
- เสียงลำโพงจากตัวเครื่องดัง และให้คุณภาพที่ดี
- รองรับ 4G ทั้ง 2 ซิมการ์ด
จุดที่ควรรู้
- ตัวเครื่องไม่เหมาะกับการใช้งานมือเดียว
- ตัวเครื่องหนักในระดับหนึ่ง ตามขนาดหน้าจอ แต่ก็เบาเมื่อเทียบกับ 6 นิ้วบางยี่ห้อ
- ปุ่มปรับเสียงด้านหลังกดยากเกินนนน